ตอนที่แล้วบทที่ 45 ภาพลวงกระดาษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 46 โจวไป๋เอาจริง


บทที่ 46 โจวไป๋เอาจริง

ร่างของเด็กสาวตั้งแต่ลำคอลงไป กลายเป็นลักษณะของ "มนุษย์กระดาษ" อย่างสมบูรณ์ แขนและขาของเธอถูกตอกตรึงกับผนังด้วยตะปู ราวกับเป็นภาพวาดที่ถูกแขวนไว้

โจวไป๋ก้มหน้าลง น้ำเสียงหนักแน่น “ใครเป็นคนทำแบบนี้!”

หลี่ซิ่วจูเดินเข้ามาข้างโจวไป๋ มองเด็กสาวที่กลายเป็นมนุษย์กระดาษติดอยู่บนผนัง ก่อนพูดขึ้นว่า “เธอทำกับตัวเอง”

“อะไรนะ?” โจวไป๋พูดด้วยความไม่เชื่อ “ทำไมเธอถึงทำแบบนั้นกับตัวเอง?”

“เพื่อเพิ่มระดับการกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า” หลี่ซิ่วจูถอนหายใจ “นายไม่ได้บอกเหรอว่าเธอใกล้จะถูกไล่ออก? เท่าที่ฉันรู้ โรงเรียนเต๋าตงฮว่ามีการสอบประเมินทุกสองเดือน ถ้านักเรียนสอบไม่ผ่านซ้ำหลายครั้ง ก็จะถูกไล่ออกเพื่อประหยัดทรัพยากรไว้สำหรับนักเรียนที่มีศักยภาพมากกว่า”

“เธอคนนี้…ชัดเจนว่าไม่มีพรสวรรค์เพียงพอ ผลของการบังคับเพิ่มพลังจึงนำไปสู่ความวิปลาส”

“เสียงที่นายได้ยินก่อนหน้านี้ คงเป็นเสียงที่เธอใช้หัวโขกกำแพง ร่างกายของเธอตั้งแต่คอลงไปบิดเบี้ยวจนกลายเป็นเหมือนกระดาษ และแม้แต่ทะลุกำแพงได้”

“แต่เพราะศีรษะของเธอยังคงสภาพมนุษย์ไว้ การทะลุกำแพงจึงทำให้ศีรษะติดขัด และเป็นเหตุให้เกิดเสียงกระแทก”

โจวไป๋มองร่างที่ไร้ชีวิตของเด็กสาวอย่างเศร้าสร้อย ก่อนถอนหายใจ “ทำไม… ทำไมเธอต้องพยายามจนถึงขั้นนี้…”

“เส้นทางแห่งเต๋า หากไม่ก้าวไปข้างหน้าก็มีแต่จะล้าหลัง แต่ผลของการบิดเบือนกฎแห่งสวรรค์ บางครั้งความพยายามไม่ย่อท้อก็อาจนำพาความล้มเหลวมาเช่นกัน” หลี่ซิ่วจูส่ายหัว “การจะก้าวหน้าหรือถอยหลัง เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเป็นหนึ่งในบทเรียนของการฝึกเต๋า”

“เราต้องมีทั้งความกล้าหาญที่จะก้าวไปข้างหน้า และความเด็ดขาดที่จะถอยกลับเมื่อจำเป็น”

คำพูดของหลี่ซิ่วจูทำให้โจวไป๋ขมวดคิ้ว เส้นทางแห่งเต๋านั้นช่างยากลำบากเกินคาด

‘โชคดีที่ฉันมีระบบช่วยฝึก’

โจวไป๋ชี้ไปยังเด็กสาวบนผนัง “นายฆ่าเธอหรือเปล่า?”

หลี่ซิ่วจูส่ายหน้า “ฉันซุ่มอยู่นอกห้อง พอรู้สึกว่านายหมดสติไป ฉันจึงรีบเข้ามาทันที ฉันแค่ทำลายเวทมนตร์ของเธอ แต่เธอกลับเลือกจบชีวิตตัวเอง”

หลี่ซิ่วจูมองร่างของเด็กสาวที่ขาวซีดเหมือนกระดาษ ถอนหายใจ “เธอคงเหลือจิตสำนึกอยู่เพียงเล็กน้อย จึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง อาจเป็นเพราะจิตสำนึกนี้เองที่ทำให้เธอไม่ทำร้ายนายเมื่อวานนี้”

หลังจากนั้น กระบวนการเก็บกวาดก็เริ่มต้นขึ้น ครูของโรงเรียน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเหล่านักฝึกเต๋าต่างเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์

โจวไป๋ถูกหลี่ซิ่วจูพาตัวไปยังสถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำ

ก่อนจะจากมา โจวไป๋ได้เล่าเหตุการณ์หนึ่งให้หลี่ซิ่วจูฟัง “ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นผู้ชายใบหน้าทรงเหลี่ยมคนหนึ่งพูดคุยกับเธอ ดูเหมือนเขาสัญญาว่าจะจัดเตรียมอะไรบางอย่างให้...”

เมื่อได้ยิน หลี่ซิ่วจูหรี่ตาลงเล็กน้อย “ใบหน้าทรงเหลี่ยม? ฉันจะสั่งให้คนไปตรวจสอบ นายไปคุยกับครูของนายก่อนเถอะ”

หลังจากออกจากสถานีตำรวจ โจวไป๋พบหลี่จงหยางยืนรออยู่ด้านนอก

“โจวไป๋” หลี่จงหยางถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับนักเรียน”

“ผมไม่เป็นไรครับ” โจวไป๋ตอบ แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนหนูกลัวแมว เมื่อเห็นความเป็นห่วงของหลี่จงหยาง เขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด

เหมือนตอนที่เขาเคยโดดเรียนไปเล่นเกมในร้านอินเทอร์เน็ต และถูกครูประจำชั้นจับได้ ครูไม่ได้ต่อว่าอะไร เพียงแค่ถอนหายใจ

ความผิดหวังนั้น เจ็บแสบยิ่งกว่าคำดุด่า

แต่เมื่อนึกถึงเป้าหมายของตัวเอง โจวไป๋ก็ยืดหลังตรงขึ้น เขาต้องการแข็งแกร่งขึ้น เพื่อต่อสู้เพื่ออนาคตของมนุษยชาติ

หลี่จงหยางที่ไม่รู้ถึงความคิดในใจของโจวไป๋ เอ่ยขึ้นว่า “ช่วงนี้นายไม่ได้เข้าเรียนเลย เป็นเพราะเรื่องห้องข้างๆ ใช่ไหม? ในเมื่อปัญหาคลี่คลายแล้ว พรุ่งนี้กลับมาเรียนตามปกติเถอะ”

โจวไป๋มองหลี่จงหยางด้วยความกระอักกระอ่วน แต่ก็พูดออกมาอย่างหนักแน่น “อาจารย์… ผมคิดว่าผมคงไม่กลับไปเข้าเรียนแล้วครับ”

“หมายความว่ายังไง?”

คำพูดนั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจราวกับภูเขาไท่ซานถล่มลงมา โจวไป๋รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงเรือเล็กกลางพายุที่พร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ

แต่เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง “อาจารย์ ผมมีวิธีฝึกเต๋าของตัวเอง กระบวนการปกติไม่เหมาะกับผม ผมอยากฝึกตามจังหวะของตัวเอง”

ดวงตาของหลี่จงหยางฉายแววคมกริบ พลางพูดอย่างหนักแน่นทีละคำ “โรงเรียนเต๋าตงฮว่ามีอายุยืนยาวกว่าร้อยปี การเขียน ตำราเต๋าเก้าสิบเก้าบท ทำให้บรรพบุรุษของเราต้องเสียชีวิตไปนับพันคน กว่าจะได้เนื้อหาเหล่านี้มา”

“ถึงฉันจะไม่เก่งเทียบเท่ารุ่นบุกเบิก แต่ฉันก็เป็นผู้ฝึกระดับขั้นที่ห้า ด้วยระดับการกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋าที่ 56% นายคิดว่านายจะเรียนรู้ได้ดีกว่าเราด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?”

คำพูดของหลี่จงหยางเปี่ยมไปด้วยความจริง โจวไป๋ไม่อาจโต้เถียงได้ เพราะไม่มีนักเรียนคนใด ไม่ว่าจะเก่งกาจเพียงใด สามารถเอาชนะประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายศตวรรษของโรงเรียนได้

และเมื่อคำพูดนั้นจบลง พลังอันหนักหน่วงจากขั้นที่ห้าของหลี่จงหยางก็ถาโถมมาที่โจวไป๋ ราวกับแรงกดดันที่จับต้องได้ บดขยี้ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาอย่างไม่ปรานี

โจวไป๋รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักอึ้งจนร่างกายเหมือนจะส่งเสียงกระดูกลั่นเบาๆ

ความกดดันนั้นรุนแรงพอที่จะทำให้คนทั่วไปยอมก้มกราบด้วยความเกรงกลัว

แต่โจวไป๋ไม่ใช่คนธรรมดา

เขาฝึกจุดพลังบนวงล้อไท่อี้  ไปแล้วถึงสี่ดวง ร่างกายที่ผ่านการเสริมความแข็งแกร่งมาถึงสี่ครั้งนั้นเปรียบได้กับการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมไปไกล และด้วยค่าพลังวิญญาณ 99 หน่วย ทำให้จิตใจของเขามีความต้านทานต่อแรงกดดันที่เหนือธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม

ยิ่งไปกว่านั้น ระบบช่วยฝึกยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เขา สามารถเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากหลี่จงหยางอย่างไม่หวั่นเกรง

โจวไป๋ตอบกลับอย่างจริงจัง “อาจารย์ หลักสูตรแบบเดียวกันสำหรับทุกคน...มันช้าเกินไปครับ การเรียนรู้ด้วยตัวเองจะทำให้ผมฝึกได้เร็วกว่า ผมไม่อยากเสียเวลาไปกับบทเรียนที่ไม่เหมาะกับตัวเอง”

“ผมอยากแข็งแกร่งขึ้น…ให้เร็วที่สุด เร็วกว่านี้…และเร็วกว่านี้อีก ผมอยากมีพลังพอที่จะโค่นปีศาจแห่งสวรรค์ และต่อกรกับปีศาจร้ายได้”

เขามองตรงไปยังหลี่จงหยางด้วยความมุ่งมั่น เปิดเผยเหตุผลที่แท้จริงในใจผ่านคำพูดของเขา “ถ้าผมยอมไปเรียนตามปกติ ผมคงปลอดภัยมากขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นอย่างช้าๆ...”

หมัดของโจวไป๋ค่อยๆ กำแน่น ภาพแห่งความมืดมนในอดีตแวบผ่านในหัว

“แต่...นั่นไม่ใช่หนทางของผม ผมมีพรสวรรค์ ผมมีศักยภาพ ผมควรจะก้าวไปได้ไกลกว่านี้ เร็วกว่านี้ ผมสามารถแบกรับได้มากกว่านี้ และผมสามารถแข็งแกร่งได้ยิ่งกว่านี้”

“ผมไม่ต้องการให้ตัวเองต้องถูกปกป้องเหมือนที่ผ่านมา โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้เลย”

โจวไป๋ยืดตัวตรง จ้องตาหลี่จงหยางอย่างแน่วแน่ พลังแห่งความมุ่งมั่นที่ไม่เคยมีมาก่อนพวยพุ่งออกมาจากตัวเขา

“ถ้าในการสอบประเมินอีกสองเดือนข้างหน้า ผมไม่ได้อันดับหนึ่ง แสดงว่าผมไม่มีความสามารถพอ ผมสัญญาว่าผมจะไม่ขาดเรียนอีกเลย”

หลี่จงหยางมองตรงไปที่โจวไป๋ ในนัยน์ตาของเด็กหนุ่ม เขาเห็นความจริงจังที่เกินกว่าคนในวัยเดียวกันจะมีได้

เขาพูดอย่างเย็นชา “ถ้านายขาดเรียนต่อเนื่องสองเดือน แล้วไม่ผ่านการประเมิน นายจะถูกไล่ออก และนั่นไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ด้วยการกลับมาเรียนตามปกติ”

แรงกดดันที่หนักหน่วงกว่าเดิมถาโถมเข้าใส่โจวไป๋ เขารู้สึกราวกับถูกโยนลงไปในทะเลลึก อากาศรอบตัวหนาแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ความคิดอยากยอมแพ้เริ่มก่อตัวในใจ

แต่เขาสูดลมหายใจลึก ตั้งจิตมั่นคง ก่อนตอบอย่างหนักแน่น “ถ้าผมล้มเหลว ผมยินดีรับทุกการตัดสินใจของโรงเรียนครับ”

หลี่จงหยางจ้องมองเด็กหนุ่มที่ยืนหยัดต่อแรงกดดันด้วยตัวเอง

‘เด็กคนนี้...เขาจริงจัง’ เขาคิด ‘เขาเชื่อจริงๆ ว่าต่อให้ขาดเรียนสองเดือน เขาก็สามารถผ่านการประเมินได้ แถมยังได้ที่หนึ่ง ทั้งๆ ที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการประเมินจะมีอะไรบ้าง’

หลี่จงหยางตั้งใจจะใช้แรงกดดันเพื่อบีบให้โจวไป๋กลับไปเรียน แต่ไม่คาดคิดว่าแรงกดดันนั้นกลับเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจอันแรงกล้าของเด็กหนุ่ม

เขานึกถึงคำพูดที่ใครบางคนเคยพูดไว้ “เส้นทางแห่งเต๋าคือการตัดสินใจของแต่ละคน มันคือการเลือกที่ต้องทำครั้งแล้วครั้งเล่า อนาคตจะเป็นเช่นไร พวกเขาเท่านั้นที่กำหนดได้”

หลี่จงหยางถอนหายใจ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ที่นั่งในชั้นเรียนของนาย ฉันจะเก็บไว้ให้ แต่จำไว้ว่านายมีเวลาแค่สองเดือน”

..........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด