บทที่ 11 โอกาสของข้ามาถึงแล้ว!
"หืม? แต้มคะแนนแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้ากลายเป็น 70 ตั้งแต่เมื่อไร? ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่แค่ 60 หรอกหรือ?"
ฉินเฟิงไม่ได้สนใจจางชิงที่เดินจากไป ขณะที่เขากำลังเหลือบมองป้ายศิษย์ของตน เขากลับพบว่าคะแนนบนป้ายเพิ่มขึ้นมา 10 แต้มโดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่เขาจำได้แน่ชัดว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้ทำสิ่งใดที่จะเพิ่มคะแนนได้เลย และคะแนนแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ใช่ว่าจะเพิ่มขึ้นง่าย ๆ ราวกับว่าเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดให้ได้ดั่งใจเสียเมื่อไร?
"หรือว่าเป็นเพราะข้าช่วยแนะนำโจวอวี้? นางคงพบว่าวิชาสายฟ้าล่อฟ้าเข้ากันได้ดีกับหมัดวายุอัสนีของนาง แล้วหอคัมภีร์จึงให้รางวัลข้า 10 แต้ม?"
ฉินเฟิงคิดไปคิดมา ก็คงมีเพียงความเป็นไปได้นี้เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว หอคัมภีร์ก็ไม่ใช่แค่เพียงอาคารในเขตต้องห้าม แต่มันเป็นสมบัติวิเศษที่มีจิตวิญญาณของตัวเอง และย่อมมีวิธีการประเมินผลของมันเอง
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของฉินเฟิงสว่างวาบ แม้ว่าโดยปกติการชี้แนะผู้อื่นจะทำให้เขาได้รับครึ่งหนึ่งของคะแนนที่อีกฝ่ายใช้เข้าสู่หอคัมภีร์ แต่ก็เสี่ยงมากเกินไป ทว่าหากเป็นเพียงการแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ย่อมคุ้มค่ากว่าเป็นไหน ๆ
แม้แต้มคะแนนจะได้น้อย แต่หากสะสมมากเข้า มันย่อมเป็นกำไรที่มหาศาล!
จำนวนศิษย์รับใช้ในแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมากมาย ไหนจะศิษย์นอก ศิษย์ใน ศิษย์หลัก และศิษย์สายตรง รวมถึงบรรดาบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่หายากราวมังกรซ่อนกาย
นอกจากนี้ นอกจากศิษย์แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ดูแลและเหล่าผู้อาวุโสที่รับผิดชอบหอต่าง ๆ ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ หากพวกเขาเหล่านี้เข้าสู่หอคัมภีร์ แล้วเขาสามารถแนะนำอะไรบางอย่างได้ทุกครั้ง คะแนนที่เขาจะได้รับย่อมมหาศาล!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินเฟิงพลันรู้สึกตื่นเต้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า
ติ๊ง!
ทันใดนั้น ป้ายศิษย์ของเขาสั่นสะเทือน และมีข้อความแจ้งเตือนจากผู้อาวุโสเซียว มีศิษย์ภายในกำลังเข้าสู่หอคัมภีร์ ดูเหมือนว่าภารกิจของเขาจะมาแล้ว!
"ตารวะศิษย์พี่ ท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไรบ้างหรือไม่?"
ฉินเฟิงถามออกไปด้วยท่าทีสุภาพขณะมองชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาในหอคัมภีร์ ชายหนุ่มผู้นี้สวมอาภรณ์งดงาม และร่างกายของเขาดูเหมือนจะเปล่งประกายราวกับประดับด้วยอัญมณี
ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นแม้แต่จะมองเขาสักนิดก็ไม่ทำ กลับเดินขึ้นไปยังชั้นที่สามของหอคัมภีร์โดยไม่สนใจ
"ให้ตายเถอะ! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!"
"วันหนึ่งข้าจะทำให้เจ้าต้องมาดื่มน้ำล้างเท้าของข้าให้ได้!"
ฉินเฟิงสบถออกมาอย่างไม่พอใจ จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและหันกลับไปสนใจงานของตน
ขณะเดียวกัน ที่หน้าประตูหอคัมภีร์ ชายร่างอ้วนสูงราวหนึ่งจั้ง แต่มีน้ำหนักเกินสองร้อยชั่ง กำลังเดินเข้ามาพร้อมร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้า
"ศิษย์นอก เซียวจาง ขอเข้าใช้หอคัมภีร์ชั้นสอง!"
ชายอ้วนยื่นป้ายศิษย์ของเขาให้แก่ผู้อาวุโสเซียว แม้ตอนนี้เขาจะเป็นศิษย์นอกแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เขายังไม่เคยเข้าใช้หอคัมภีร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ครั้งนี้ เขาพ่ายแพ้ให้กับศิษย์คนหนึ่ง ไม่เพียงแต่โดนซ้อมปางตาย ยังต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าศิษย์นอกทั้งหมด
ทว่า... สิ่งที่เลวร้ายที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่ความอับอาย แต่มันเกิดขึ้นต่อหน้าสตรี!
นี่เป็นสิ่งที่เซียวจางไม่มีวันยอมรับได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่เพื่อเข้าสู่หอคัมภีร์และพัฒนาตนเอง!
"เซียวจาง (โอหัง) ? เจ้าช่างโอหังสมชื่อจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่โดนซ้อม!"
เมื่อเห็นชื่อบนป้ายศิษย์ ผู้อาวุโสเซียวอดไม่ได้ที่จะมองชายอ้วนตรงหน้าสองสามครั้งก่อนจะเย้ยหยัน
เซียวจางเผยสีหน้าขมขื่น ตั้งแต่เด็กจนโต ชื่อนี้นำพาปัญหาให้เขาไม่น้อยเลย เขาเองก็อยากเปลี่ยนชื่ออยู่เหมือนกัน แต่เขาสู้บิดาของเขาไม่ได้!
"เข้าไปเถอะ..."
หลังจากที่แต้มคะแนนสองร้อยสี่สิบถูกหักออกจากป้ายศิษย์ของเขา เซียวจางรับป้ายคืนและเดินเข้าไปในหอคัมภีร์ ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
"ให้ตายเถอะ คะแนนของข้าลดลงจากสองพันห้าร้อยสี่ เหลือแค่สองพันสาม ข้าจะต้องสะสมใหม่อีกแล้ว!"
หากผู้อาวุโสเซียวรู้ว่าเซียวจางกำลังคิดอะไรอยู่ คงจะสาปแช่งชายอ้วนผู้นี้ว่าหน้าหนาชื่อโอหังแถมยังงกอีกด้วย!
"สวัสดีศิษย์น้อง เจ้าคือผู้พิทักษ์หอคัมภีร์คนใหม่ใช่หรือไม่? ข้าชื่อเซียวจาง เป็นศิษย์นอก ข้าต้องการถามเจ้าว่า มีเคล็ดวิชา วิทยายุทธ์ หรือทักษะลับใดที่สามารถเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วบ้าง?"
ทันทีที่เข้าไปถึงชั้นในของหอคัมภีร์ เซียวจางก็พุ่งเข้าไปจับมือของฉินเฟิง พร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจัง
ฉินเฟิงขนลุกซู่ เขาต้องออกแรงอย่างมากถึงจะดึงมือกลับคืนมาได้
"เซียวจาง? ชื่อโอหังสมกับตัวจริง ๆ!"
ฉินเฟิงนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดกับตัวเองว่า... ชายอ้วนผู้นี้จะเป็นบุตรแห่งโชคหรือไม่?
ไม่น่าใช่! บุตรแห่งโชคจะกลายเป็นหมูได้ที่ไหนกัน!?
“ที่ชั้นสองก็พอมีอยู่บ้าง แต่ล้วนมีผลข้างเคียง โดยทั่วไปแล้วหลังจากหมดระยะเวลาผลของมัน ผู้ฝึกจะเข้าสู่ช่วงอ่อนแอชั่วคราว”
“และแม้ว่าชั้นสองจะมีทักษะลับอยู่ แต่มันก็เป็นเพียงทักษะลับธรรมดา ไม่มีที่สามารถเพิ่มพลังชั่วคราวได้”
“แต่ถ้าศิษย์พี่ตั้งใจจะเลือกเคล็ดวิชาหรือวิทยายุทธ์จริง ๆ ด้วยร่างกายของศิษย์พี่ วิชาเตาหลอมหยาง เหมาะสมที่สุด เมื่อขึ้นไปชั้นสองแล้ว นับจากซ้ายไปขวา ชั้นวางที่หก แถวที่เจ็ด ชั้นสอง เล่มที่ห้า”
จากท่าทีและบุคลิกของเซียวจาง ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกประทับใจ แม้ว่าชื่อของเขาจะดูโอหัง แต่ชายคนนี้กลับมีมารยาทดี ไม่เหมือนบางคนที่ทำตัวสูงส่งราวกับฟ้าและดิน
“ขอบใจศิษย์น้องมาก!”
“วันหน้าให้ศิษย์พี่ได้เลี้ยงมื้อใหญ่ตอบแทน!”
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัด ดวงตาของเซียวจางก็เป็นประกาย เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ก่อนจะก้าวเดินด้วยท่าทางองอาจ วิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของหอคัมภีร์อย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูร่างอ้วนที่สั่นไหวตามจังหวะก้าวเดินของเขา ฉินเฟิงพลันรู้สึกว่าตนลืมบอกอะไรบางอย่างไป....วิชาเตาหลอมหยาง แม้ว่าผลข้างเคียงจะไม่รุนแรงเหมือนเคล็ดวิชาหรือวิทยายุทธ์เพิ่มพลังชั่วคราวอื่น ๆ ของชั้นสอง แต่มันก็ยังมีผลกระทบในรูปแบบอื่น!
ฉินเฟิงกระพริบตาเล็กน้อย ช่างเถอะ เพื่อคะแนนแล้ว อีกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต และบางทีศิษย์พี่จอมโอหังคนนี้อาจจะขอบคุณเขาเสียอีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินเฟิงก็รู้สึกสบายใจขึ้น เขาจึงกลับไปอ่านตำราในมือของตนอย่างผ่อนคลาย
อีกด้านหนึ่ง เซียวจางเดินทางมาถึงตำแหน่งที่ฉินเฟิงบอกไว้ และพบกับเคล็ดวิชาเตาหลอมหยางที่ถูกกล่าวถึง มันเป็นเพียงเคล็ดวิชาสนับสนุน ซึ่งไม่ขัดแย้งกับเคล็ดวิชาหลักที่ศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ฝึกฝน
“ดี ดี ดี~”
“เคล็ดวิชานี้ ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
“มันราวกับถูกสร้างมาเพื่อข้าโดยเฉพาะ!”
“โอกาสของข้ามาถึงแล้ว!”
เมื่อเซียวจางเห็นคำอธิบายเกี่ยวกับผลข้างเคียงของเคล็ดวิชา ซึ่งเป็นเพียงอาการหิวโหยชั่วคราว เขาก็หัวเราะออกมาอย่างยินดี
ด้วยรูปร่างของเขา สิ่งที่เขาไม่กลัวที่สุดก็คือ... ความหิว
เมื่อได้เคล็ดวิชานี้มาแล้ว เขาจะรอดูว่าจางเทาจะเอาชนะเขาได้อย่างไร
ว่ากันว่า “แค้นของคนอ้วน ไม่อาจรอข้ามคืน” วันนี้เขาจะฝึกฝน วิชาเตาหลอมหยาง และคืนนี้... เขาจะไปล้างแค้นให้สาสม!