บทที่ 9 เทพแห่งผืนดินไม่รับ
กู้หยุนชิงร่างไร้ชีวิตล้มลงในน้ำ เสียงน้ำเย็นเยียบกระเซ็นโดนใบหน้าของเย่เมี่ยวจูทำให้จิตใจของเธอรู้สึกสับสนชั่วขณะ
“หยุนชิง...ตายแล้ว?”
เย่เมี่ยวจูพึมพำด้วยสายตาว่างเปล่า หนิงเจ๋อรีบก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขนเสื้อของกู้หยุนชิงไว้ไม่ให้ร่างของเขาถูกกระแสน้ำพัดหายไป
ขณะลากร่างของกู้หยุนชิง หนิงเจ๋อเหลือบมองเฟิงอวี้ซู่ที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนไม่สามารถขยับตัวได้ แล้วหันมามองเย่เมี่ยวจูที่มีสภาพจิตใจไม่ปกติ เขาตระหนักได้ว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่ต้องลงมือทำ
หนิงเจ๋อปลดกระดุมเสื้อของกู้หยุนชิงอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบร่างกาย
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักศึกษาแพทย์มืออาชีพ แต่การตรวจสอบเบื้องต้นก็ทำให้เขาสามารถสรุปผลเบื้องต้นได้ว่า “เหมือนกับเซี่ยซือหนิง ร่างของกู้หยุนชิงไม่มีบาดแผลภายนอกไม่มีเลือดออกภายใน ไม่ใช่การจมน้ำตายและไม่มีร่องรอยของพิษ…”
นอกจากอุณหภูมิร่างกายที่ยังคงหลงเหลืออยู่เล็กน้อยของกู้หยุนชิงที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานแล้ว ลักษณะการตายของเขาและเซี่ยซือหนิงเหมือนกันทุกประการ
“ลักษณะการตายของทั้งสองคนเหมือนกันไม่มีผิด พวกเขาถูกบางสิ่งที่สามารถปลอมแปลงตัวตนของคนอื่นฆ่าตาย หรือว่าแม่น้ำนี้เองที่มีอันตราย?”
หนิงเจ๋อไม่รู้คำตอบ แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง
หลังจากปล่อยร่างของกู้หยุนชิงลง หนิงเจ๋อก็ถอยออกห่างจากริมแม่น้ำทันที เฟิงอวี้ซู่ที่ตกใจจนเสียขวัญรีบตามเขาไปปล่อยให้เย่เมี่ยวจูนั่งหมดสติอยู่ตรงที่เดิม
“หยุนชิง...ทำไมถึงตายแบบนี้?” เย่เมี่ยวจูพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ดวงตาเลื่อนลอย
“พวกเราไม่ได้ละเมิดข้อห้ามใดๆไม่ได้ออกเดินทาง ไม่ได้จัดงานศพ ไม่ได้เซ่นไหว้…แล้วทำไมหยุนชิงถึงต้องตาย?”
เธอกุมหัวทั้งสองมือจับผมยาวที่เคยเรียบร้อยจนยุ่งเหยิง
“แม้การตรวจสอบศพจะนับว่าเป็นการทำพิธีศพ...แต่ทำไมหยุนชิงถึงตายส่วนฉันกลับไม่เป็นอะไร?”
“ผมไม่รู้” หนิงเจ๋อส่ายหัว
“จริงหรือ? นายเองก็ไม่รู้สินะ” เย่เมี่ยวจูก้มตัวลงติดกระดุมที่หนิงเจ๋อปลดออกกลับเข้าที่อย่างประณีต อุ้มร่างของกู้หยุนชิงไว้ในอ้อมแขน จากนั้นหันมองสายน้ำที่ค่อยๆไหลลงไปยังปลายน้ำ แสงจันทร์สีเงินสะท้อนบนผิวน้ำ
“เธอกำลังหาทางตายอยู่หรือเปล่า?” หนิงเจ๋อขมวดคิ้ว
“ผมสังเกตเห็นว่าก่อนที่กู้หยุนชิงจะตาย เขามองไปที่แม่น้ำข้างฝั่งพอดี ผมไม่รู้ว่าอันตรายอยู่ที่ศพข้างฝั่งหรือแม่น้ำเอง แต่การเลียนแบบสิ่งที่เขาทำก่อนตายมันชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องตายชัดๆ”
“แล้วจะทำไมล่ะ?” เย่เมี่ยวจูเงยหน้าขึ้น สายตาไร้ชีวิตจ้องไปที่หนิงเจ๋อ
“ฉันเบื่อแล้ว”
หนิงเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเบาๆว่า
“ผมเข้าใจได้ แต่ไม่เห็นด้วย”
ทุกคนต่างก็เป็นคนธรรมดาใช้ชีวิตเรียบง่าย เรียน ทำงาน ดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข คิดว่าชีวิตคือการสะสมวันธรรมดาเหล่านี้ไปเรื่อยๆ
แต่เพียงแค่เปิดประตูบานหนึ่ง พวกเขากลับมาที่นี่ สถานที่ที่ไม่รู้จัก ถูกบังคับให้ปฏิบัติตามกฎที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุและต้องทนกับความหวาดกลัวที่ไร้เหตุผล
น้ำหนักของความตายหนักหนาสาหัสบีบคั้นทุกคนจนแทบหายใจไม่ออก กฎที่เปลี่ยนทุกวันทรมานเส้นประสาทที่เปราะบางของมนุษย์ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและระมัดระวังตัวจนแทบล้มเหลว
หนิงเจ๋อไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เมี่ยวจูและกู้หยุนชิง แต่ในสถานการณ์ที่ชีวิตไม่ปลอดภัยแบบนี้ ทั้งสองคนต่างพึ่งพากันและกันจนชิน
เย่เมี่ยวจูไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งนัก หากไม่มีคนที่เธอคุ้นเคยอยู่ข้างๆ เธอคงถูกความตายที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่บดขยี้ไปนานแล้วและคงไม่สามารถยืนหยัดในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความประหลาดนี้ได้จนถึงตอนนี้
แต่ตอนนี้กู้หยุนชิงตายแล้ว เธอที่สูญเสียหลักยึดทางจิตใจก็สูญเสียความกล้าหาญและแรงผลักดันที่จะต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
หนิงเจ๋อไม่เห็นด้วยกับการที่เธอยอมแพ้ต่อชีวิตอย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่ต่อต้านความคิดอยากตายของเย่เมี่ยวจูในตอนนี้ เพราะสำหรับเขาแล้วมันอาจจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ
“ถ้าเย่เมี่ยวจูตาย ที่นี่ก็จะมีตัวอย่างการตายที่สมบูรณ์แบบถึงสามตัวอย่าง” หนิงเจ๋อพูดในใจ
“การตายที่แปลกประหลาดครั้งหนึ่งหรือสองครั้ง ฉันอาจจะยังไม่สามารถมองเห็นตรรกะที่อยู่เบื้องหลังได้ แต่ถ้าสามครั้งล่ะ? สี่ครั้งล่ะ? ย่อมต้องมีเบาะแสบ้าง…ปริศนาย่อมมีทางแก้ไขได้เสมอ”
คนอื่นอาจจะล้มเหลว อาจจะยอมแพ้ อาจจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง แต่เขาไม่มีวันเป็นแบบนั้น
เมื่อมองไปยังดวงตาเย็นชาที่ไร้ความรู้สึกของหนิงเจ๋อ เย่เมี่ยวจูก็พลันหัวเราะขึ้นมา
“จริงๆ แล้วฉันอยากจะโกรธนาย เพราะถ้าไม่ใช่นายที่ชวนพวกเราไปตรวจสอบศพของเซี่ยซือหนิง...หยุนชิงก็คงไม่ตาย แต่พอได้สัมผัสร่างของเขาที่ค่อยๆเย็นลง ฉันพบว่าฉันไม่มีแรงแม้แต่จะโกรธแล้ว”
“โชคดีที่เธอไม่ทำ” หนิงเจ๋อตอบเรียบๆ “ถ้าคิจะทำ ผมจะฆ่าคุณ”
“โรคจิต” เย่เมี่ยวจูสบถด้วยความเกลียดชัง
แต่แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมา
“บางที อาจจะมีแต่นายที่เป็นคนไร้มนุษยธรรมแบบนี้ถึงจะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในสถานที่ไร้มนุษยธรรมนี้ได้และใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ”
“เห็นว่าคุณกำลังจะตาย ผมจะไม่ถือสาเรื่องที่คุณด่าผม” หนิงเจ๋อพูดอย่างไร้อารมณ์
ริมฝั่งแม่น้ำเงียบสงบ คำพูดเบาบางจมหายไปในสายน้ำที่ใสจนเห็นก้น เย่เมี่ยวจูอุ้มร่างของกู้หยุนชิงไว้ในอ้อมแขน มองเงาสะท้อนของตัวเองและเขาบนผิวน้ำอย่างเงียบงันราวกับนักโทษที่รอรับโทษประหาร
แต่เวลาเดินผ่านไปทีละนาที หนิงเจ๋อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจดูเป็นระยะ 5 นาที 10 นาที 15 นาที... เย่เมี่ยวจูก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำให้ลมเย็นในยามค่ำคืนพัดพาความอบอุ่นออกจากร่างกาย แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ดูเหมือนว่าเทพอสรพิษจะเห็นว่าคุณยังไม่ถึงคราวตาย” หนิงเจ๋อก้าวลงจากทางลาดหิน หันไปยื่นมือให้เย่เมี่ยวจูที่นั่งหมดแรงอยู่ “ถึงเวลาไปแล้ว ถ้าอะไรบางอย่างที่ไม่รู้จักคืนชีวิตให้คุณแล้ว ก็จงหวงแหนชีวิตนี้ให้ดี”
เย่เมี่ยวจูก้มหน้าลงเงียบไปนานและในที่สุดก็ปล่อยให้หนิงเจ๋อจับมือเธอโดยไม่มีการตอบสนองใดๆ
หนิงเจ๋อดึงเธอขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ำ ขณะในใจเขาก็จัดระบบข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้
“ประการแรก เทพอสรพิษมีอาการป่วย สาเหตุและอาการของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด”
“ประการที่สอง นอกจากปฏิทินโบราณที่มีผลทำให้โชคร้ายแล้ว ในหมู่บ้านเหอเจียยังมีกฎลับที่นำไปสู่การตายโดยตรง เช่น การเปิดดูปฏิทินของวันพรุ่งนี้”
“ประการที่สาม เซี่ยซือหนิงและกู้หยุนชิงน่าจะตายเพราะละเมิดกฎลับ ลักษณะการตายของพวกเขาเหมือนกับหลินจื้อหยวนอย่างไม่มีข้อแตกต่าง”
“ประการที่สี่ แม้ว่าศพของเซี่ยซือหนิงและกู้หยุนชิงจะพบในแม่น้ำ แต่เย่เมี่ยวจูได้พิสูจน์แล้วว่าการตายของพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับแม่น้ำสายนี้”
“ประการที่ห้า ในหมู่บ้านเหอเจียมีบางสิ่งที่สามารถปลอมตัวเป็นคนอื่นได้และมันน่าจะเกี่ยวข้องกับกฎลับที่นำไปสู่การตาย”
เมื่อได้ข้อมูลมากขึ้นหนิงเจ๋อก็เริ่มเห็นเส้นทางที่ชัดเจนขึ้น จากข้อมูลที่กระจัดกระจาย เขาพบจุดเริ่มต้นของการแก้ปริศนา
“ผีที่ปลอมตัวเป็นเซี่ยซือหนิงตามติดจางหยางสวี่อยู่เป็นเวลานานแต่ไม่ฆ่าเขา เมื่อพบฉันก็ไม่ได้ลงมือ มันไม่อยากฆ่าเรา หรือที่จริงแล้วมันไม่สามารถฆ่าเราได้โดยตรง?”
“หรือจะมองในมุมใหม่ ผีนั่นต้องการฆ่าคน แต่ไม่จำเป็นต้องเข้ามาใกล้เราอาจจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง ต้องให้เรากระทำการบางอย่างที่ไปละเมิดกฎลับบางอย่าง?”
ทางข้างหน้าที่เคยเต็มไปด้วยหมอกควันเริ่มสว่างขึ้น หนิงเจ๋อจับปลายเชือกของปริศนาได้แล้ว
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเฟิงอวี้ซู่ก็สั่น มีสายเรียกเข้า
ผู้โทรคือจางหยางสวี่
“รับสิ ถ้ารู้สึกแปลกๆให้ตัดสายทันที” หนิงเจ๋อพูดเบาๆ
เฟิงอวี้ซู่ลังเลไม่กล้ารับ แต่สุดท้ายก็กดรับสายด้วยนิ้วมือที่สั่นเทา
ทันทีที่สายเชื่อมต่อ เสียงตะโกนเตือนดังลั่นออกมาจากลำโพง
“ระวังตัวจากกู้หยุนชิง!”
(จบบท)