ตอนที่แล้วบทที่ 582: เผชิญหน้ากับทอมป์สัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 584: สมควรแล้วที่ไม่ควรคาดหวัง

บทที่ 583: ผมร่วง


บนถนนยังมีคนทำนายดวงที่พูดแบบเดียวกันนี้เลย... เฉียวซางอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความขำและความเบื่อหน่าย

เธอกำลังจะปฏิเสธข้อเสนอ แต่ทันใดนั้น แมกกี้ที่เดินอยู่ข้างหน้าก็หันกลับมายิ้มพลางถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า

“อาจารย์มาดลีนจากโรงเรียนซาเฮอร์น่ะ มีสัตว์อสูรของเธอชื่อว่า ‘ปราชญ์ตัวเลือก’ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ เลยนะ ห้องทำงานของเธออยู่ข้างหน้า พวกเธออยากเข้าไปดูไหม?”

ข้างๆ แมกกี้ยังมีอาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียนอื่นๆ ที่มาร่วมพูดคุยกัน รวมถึงอาสาสมัครอีกสองสามคนจากโรงเรียนซาเฮอร์ ทุกคนต่างพากันหันมามองเฉียวซางพร้อมๆกัน ราวกับรอฟังคำตอบของเธอ

ตามปกติแล้วแค่อาจารย์ผู้ดูแลถามก็เพียงพอ ไม่น่าจะต้องถามความเห็นของนักเรียนด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าบทสนทนาแรกที่เริ่มจากโรงเรียนอื่นๆ ซึ่งเข้ามาทักทายกัน ล้วนเริ่มต้นด้วยคำถามเกี่ยวกับเฉียวซางทั้งนั้น เรื่องนี้เองที่ทำให้แมกกี้เผลอถามความเห็นของเธอออกไปโดยไม่ทันคิด

คนทั้งกลุ่มจ้องมาที่ฉันแบบนี้ จะบอกว่าไม่อยากไปได้ยังไงล่ะ... เฉียวซางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนตอบอย่างเรียบๆ ว่า “ก็ได้ค่ะ”

.......

กลุ่มคนเดินไปจนถึงหน้าห้องทำงานของมาดลีน

ประตูห้องทำงานปิดสนิท และหน้าห้องมีนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบหลากสีมายืนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ ท่าทางสบายๆ ทำให้บรรยากาศดูคล้ายกับจุดท่องเที่ยวหรือแหล่งชุมนุมมากกว่าจะเป็นสถานที่ทำงาน

เมื่อเฉียวซางมาถึง นักเรียนรอบๆ ที่กำลังพูดคุยกันก็หยุดและพากันหันมามองเธอกับหยาเป่าพร้อมๆ กัน

แม้การแข่งก่อนหน้านี้จะไม่ได้เรียกว่าตื่นตาตื่นใจถึงขั้นน่าจดจำ แต่สัตว์อสูรที่เธอใช้กลับกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องตรวจจับสัตว์อสูรก็ยังแสดงข้อมูลว่า หนึ่งในนั้นคือสัตว์อสูรที่ใกล้สูญพันธุ์ และที่สำคัญที่สุดก็คือ การปรากฏตัวของกลุ่มดาวสีส้มเหลืองที่ไม่ควรจะมีในระดับมัธยมปลาย เรื่องทั้งหมดนี้เองที่ทำให้เฉียวซางกลายเป็นคนที่ทุกคนจดจำได้ทันที

“พอดูใกล้ๆ แล้วทำไมถึงดูเด็กจังเลย?”

“คนจากประเทศมังกรน่ะ ปกติแล้วจะดูเด็กกว่าอายุจริงอยู่แล้ว”

“จริง ฉันเคยเจอผู้หญิงจากประเทศมังกรคนหนึ่ง หน้าตาดูเหมือนอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ แต่พอถามถึงได้รู้ว่าเธออายุ 42 เข้าไปแล้ว ตอนแรกยังคิดว่าเธอน่าจะเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ C อย่างน้อยถึงดูเด็กขนาดนั้น สุดท้ายเธอกลับเป็นแค่ระดับ E เอง”

เป็นที่รู้กันดีว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับต่ำแทบไม่ได้พลังจากสัญญาย้อนกลับที่เพียงพอในการคงรูปลักษณ์เอาไว้

“จริงด้วย คนประเทศมังกรบางคน ถึงจะไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูรแต่ก็ยังดูแลตัวเองได้ดีมาก”

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ประตูห้องทำงานก็เปิดออกพอดี

มีนักเรียนห้าคนที่แต่งชุดนักเรียนสีขาวล้วนพร้อมเสื้อคลุมสีเทาเงินเดินออกมาอย่างพร้อมเพรียง

“ลูลู่”

จากนั้น สัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ดูเหมือนไข่ มีร่างสีเหลืองนวล ก็หันมองไปรอบๆหนึ่งที เมื่อมันมองไปที่เหยี่ยวเกราะเหล็ก เหยี่ยวตัวนั้นก็ส่งยิ้มกว้างที่สุดกลับไปให้

สัตว์อสูรสีเหลืองนวลดูอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงเรียกนักเรียนที่สวมเครื่องแบบสีแดงเข้มให้เข้าไป จากนั้นมันก็เดินกลับเข้าไปในห้อง

แม้จะฟังไม่ออกว่ามันพูดอะไร แต่จากท่าทางก็ชัดเจนว่ามันกำลังเรียกให้พวกเขาเข้าไปข้างใน

หลังจากที่นักเรียนที่สวมชุดเครื่องแบบสีแดงเข้มเดินเข้าไปในห้องแล้ว เฉียวซางก็อดไม่ได้ที่จะหันมาถามด้วยความสงสัยว่า

“ไม่ต้องต่อแถวเหรอ?”

สิ่งที่เธอสังเกตเห็นก็คือ คนที่รออยู่หน้าประตูไม่มีใครยืนต่อแถวเลยแม้แต่คนเดียว สัตว์อสูรที่ดูเหมือนไข่ตัวนั้นก็สุ่มเรียกคนเข้าไปตามใจชอบ ดูเหมือนว่าจะเน้นความตามใจตัวเองเป็นหลักจริงๆ

“ไม่ต้องต่อแถว” อัลวาอธิบายพร้อมรอยยิ้มบางๆ “อาจารย์มาดลีนจะทำการทำนายให้เฉพาะคนที่มีวาสนาเท่านั้น ว่ากันว่าถ้าต่อแถวกันเข้ามาเป็นลำดับ อาจจะทำให้ปราชญ์ตัวเลือกทำนายได้ไม่แม่นยำ”

เฉียวซางฟังแล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า เพิ่งเคยได้ยินอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก พูดไปแล้วหรือว่าครั้งก่อนที่ยูนะทำนายผลให้ไม่แม่นยำเป็นเพราะเธอไม่มีวาสนางั้นเหรอ?

แต่คิดอีกที น่าจะเป็นเพราะมันแค่ไม่แม่นยำจริงๆ มากกว่า เพราะครั้งนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาเกี่ยวกับตัวเธอเลยสักนิด

เมื่อคิดไปเรื่อยๆ จนเริ่มเข้าใจ เธอก็ถามต่อด้วยความอยากรู้ว่า

“มันต่างกันยังไงเหรอ? การทำนายมันจะไม่แม่นยำเพราะลำดับคนที่เข้าก่อนหรือหลังงั้นเหรอ?”

การที่ต้องต่อแถวหรือไม่ต่อแถว มันก็แค่ลำดับในการเข้าไปเท่านั้น มันจะส่งผลต่อความแม่นยำของการทำนายได้ยังไงกัน?

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” อัลวาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ปราชญ์ตัวเลือกมีจำนวนการทำนายที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน ไม่แน่ชัดว่ากี่ครั้งหรอกนะ แต่ที่แน่ๆ คือคนที่มารอตรงนี้ไม่มีทางได้เข้าไปครบทุกคนแน่นอน”

เฉียวซาง “...”

เข้าใจละ ความหมายก็คือไม่มีความจำเป็นต้องต่อแถว เพราะยังไงก็อาจจะไม่ได้เข้าไปอยู่ดี...

ระหว่างที่เฉียวซางกำลังรออยู่นั้น

ที่สนามฝึกซ้อมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

ทอมป์สันเดินเข้ามา สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก เหมือนมีบางอย่างในใจที่ทำให้เขาหงุดหงิด

เด็กหนุ่มผมดำที่กำลังสวมถุงมือมวย ซ้อมต่อยกับสัตว์อสูรของตัวเองอยู่ หยุดการเคลื่อนไหวเมื่อเห็นทอมป์สันเดินมา เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า

“เป็นอะไรไป สีหน้าดูแย่มากเลย?”

ทอมป์สันถอนหายใจเบาๆ ก่อนเดินไปนั่งที่ม้านั่งข้างสนาม พลางพูดว่า

“เด็กผู้หญิงจากโรงเรียนมัธยมปลายไซแนนท์ที่ชื่อเฉียวซางน่ะ เธอมีสัตว์อสูรประเภทผีอยู่ตัวหนึ่ง”

“สัตว์อสูรประเภทผี?” เด็กหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ไม่น่าเชื่อเลย เป็นคุณสมบัติที่ไม่คิดว่าจะเจอ ฉันเคยคิดมาตลอดว่าผู้หญิงส่วนใหญ่น่าจะไม่ชอบสัตว์อสูรประเภทนี้เสียอีก”

“แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ” ทอมป์สันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะที่เขามองอีกฝ่ายตรงๆ “สิ่งสำคัญก็คือ สัตว์อสูรประเภทผีของเธอน่ะ ยังมีคุณสมบัติประเภทพลังจิตด้วย”

เด็กหนุ่มผมดำได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ทอมป์สัน เขาหยุดคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“นายคงไม่ได้ดูผิดใช่ไหม? ต้องแยกให้ออกนะ ว่าสัตว์อสูรที่มีคุณสมบัติประเภทพลังจิต กับสัตว์อสูรที่แค่ใช้ทักษะพลังจิตได้ มันไม่เหมือนกันเลย”

“ฉันไม่โง่นะ ราด์โก” ทอมป์สันพูดอย่างไม่พอใจ “สัตว์อสูรประเภทผีตัวนั้นใช้พลังจิตได้ สัตว์อสูรที่ไม่มีคุณสมบัติพลังจิตไม่มีทางใช้ทักษะนี้ได้แน่นอน”

ราด์โกหยุดถอดถุงมือชั่วครู่ เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายและพูดว่า

“ครอบครัวของเธอต้องใหญ่โตแบบไหนกันนะ ที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งมีสัตว์อสูรหายากได้มากมายขนาดนี้?”

ทอมป์สันแค่นเสียงเบาๆ ราวกับเยาะเย้ย “ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแต่ก็ดันไปทำพันธสัญญากับเหยี่ยวเกราะเหล็กเนี่ยนะ”

ราด์โกหันมามองหน้าเขาทันที “นายเพิ่งไปมีปัญหากับเหยี่ยวเกราะเหล็กมาหรือเปล่า?”

ทอมป์สันไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ความเงียบของเขาก็เหมือนเป็นคำยอมรับอยู่กลายๆ

ราด์โกถอนหายใจพร้อมกับขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูเหนื่อยใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า

“นี่แสดงว่านายยอมรับแล้วสินะ”

เขาเติบโตมาพร้อมกับทอมป์สันตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเขารู้สถานการณ์ของครอบครัวทอมป์สันดีกว่าใครๆ

ทอมป์สันที่เกลียดชังเหยี่ยวเกราะเหล็กอย่างมากนั้น แท้จริงแล้วความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากเหตุผลเพียงข้อเดียว นอกจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพ่อของเขาแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ซ่อนอยู่ ซึ่งไม่มีใครเคยรู้มาก่อน

ในวัยเด็ก ทอมป์สันเคยชื่นชอบเหยี่ยวเกราะเหล็กมาก เรียกได้ว่าหลงใหลอย่างเต็มที่ ก่อนที่ตำราอสูรจะตื่นขึ้น เขามักพูดอยู่เสมอด้วยความตื่นเต้นว่า สัตว์อสูรตัวแรกที่เขาอยากทำพันธสัญญาด้วยจะต้องเป็นเหยี่ยวเกราะเหล็ก ครอบครัวของเขาเองก็ตั้งใจอย่างยิ่ง จึงได้เตรียมเหยี่ยวเกราะเหล็กที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่ไว้ให้เขาโดยเฉพาะ เพื่อที่ว่าเมื่อเขาตื่นพลังจากตำราอสูร จะสามารถทำพันธสัญญาได้ทันทีอย่างไม่มีปัญหา

เขาใช้เวลาร่วมกับเหยี่ยวเกราะเหล็กตัวนั้นอยู่นานพอสมควร ผูกพันกับมันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องที่เขาไม่คาดฝันขึ้น ปราการเหล็กไร้พ่ายของพ่อเขาได้บังคับยกเลิกพันธสัญญาและพาเจ้าเหยี่ยวเกราะเหล็กตัวนั้นหนีไปต่อหน้าต่อตาเขา

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เจ็บปวดมากขึ้นคือ ทอมป์สันที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน เขารู้ว่าเหยี่ยวเกราะเหล็กตัวนั้นยอมไปเองโดยไม่มีการบังคับ มันเลือกที่จะจากเขาไปโดยสมัครใจ

เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างบาดแผลลึกในใจของทอมป์สัน เด็กชายที่เคยหลงรักและชื่นชอบเหยี่ยวเกราะเหล็กอย่างมาก กลับกลายเป็นเกลียดชังพวกมันยิ่งกว่าใคร ทุกครั้งที่เขาเห็นเหยี่ยวเกราะเหล็ก เขามักจะแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนเสมอ

แต่ถึงอย่างนั้น การกลั่นแกล้งสัตว์อสูรก็ต้องดูว่าเจ้าของเป็นใคร และเฉียวซางจากโรงเรียนมัธยมปลายไซแนนท์ก็ดูจะไม่ใช่เป้าหมายที่ง่ายนัก

ราด์โกที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังจะเปิดปากเพื่อวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียให้เพื่อนฟัง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ทอมป์สันก็แค่นเสียงและพูดออกมาก่อนว่า

“ฉันรู้น่าว่านี่มันช่วงแข่งขันกระชับมิตร แต่ตอนเดินมาทางนี้ ฉันบังเอิญเจอเหยี่ยวเกราะเหล็กเข้าก็เลยให้เหยี่ยวน้ำลายพิษพ่นน้ำลายใส่มัน ใครจะคิดว่ามันดันหลบได้”

“นั่นแหละดีแล้ว” ราด์โกถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย “โรงเรียนตั้งหลายแห่งมารวมตัวกันที่นี่ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาคงจะดูไม่ดีแน่”

“จะมีอะไรดูไม่ดี?” ทอมป์สันพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแส “ใครจะพิสูจน์ได้ว่าฉันตั้งใจ? อีกอย่างน้ำลายของ เหยี่ยวน้ำลายพิษก็แค่ทำให้ขนตรงนั้นของเหยี่ยวเกราะเหล็กร่วงไปสักอาทิตย์ ที่ฉันเห็น เหยี่ยวเกราะเหล็กตัวนั้นขนมันก็ดูเหมือนจะร่วงอยู่แล้ว จะร่วงเพิ่มอีกนิดจะเป็นอะไรไป?”

พูดมาถึงตรงนี้ ทอมป์สันเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ เขาจึงทำสัญลักษณ์อัญเชิญด้วยมือเรียกเหยี่ยวน้ำลายพิษออกมา

“แกพลาดได้ยังไง แค่พ่นน้ำลายยังทำให้โดนไม่ได้?” ทอมป์สันเงยหน้ามองสัตว์อสูรของตัวเองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“พอย...พอย...”

เหยี่ยวน้ำลายพิษก้มหัวลงทำท่าเหมือนกำลังรู้สึกผิด

แต่แล้วจู่ๆ ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านมาอย่างไม่คาดคิด

“พอย... ชิ่ว!”

เหยี่ยวน้ำลายพิษ จามออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว น้ำลายกระเด็นลงด้านล่าง

“พอยพอย!”

เหยี่ยวน้ำลายพิษรู้ว่าตัวเองทำพลาดครั้งใหญ่ มันรีบใช้ปีกสะบัดน้ำลายที่กำลังตกลงไปให้กระเด็นออกไปทางด้านข้าง

แต่ถึงจะพยายามมากแค่ไหน ยังไงก็ยังมีหยดหนึ่งที่เล็ดลอดตกลงมาจนได้

ทอมป์สันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาที่ศีรษะในทันที พร้อมกับหัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็ง

เขาเริ่มเข้าใจบางอย่าง และใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อไปในทันที

“ซีริลโล นาย...” ราด์โกมองไปที่ศีรษะของเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หยุดเอาไว้

“พอย...พอย...”

เหยี่ยวน้ำลายพิษค่อยๆถอยหลังอย่างเงียบๆ ด้วยท่าทางที่เหมือนพยายามจะเลี่ยงความผิด

ทอมป์สันสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างยากลำบาก ก่อนจะรวบรวมความกล้าและเอามือลูบไปที่ศีรษะตัวเอง แล้วดึงแรงๆ

“อ๊าก!!!”

สองวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วสนามฝึกซ้อม ทำให้ทุกคนในละแวกนั้นหันมามองด้วยความตกใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด