บทที่ 40 คืนแห่งหายนะ
บทที่ 40 คืนแห่งหายนะ
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในเงามืด เป็นชายที่สวมใส่เสื้อผ้าซอมซ่อ ร่างผอมแห้งจนเห็นกระดูก ผิวหนังดำเป็นสะเก็ดอย่างน่ากลัว
ชายคนนั้นค่อยๆ อ้าปากออก เผยให้เห็นฟันแหลมคมที่เปื้อนเลือดสด ยังคงมีหยดเลือดหยดลงพื้นอย่างต่อเนื่อง เขาเงยหน้าขึ้น เผยใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัว ดวงตาที่มีประกายแดงก่ำจับจ้องพวกเขาอย่างไม่ละสายตา
เด็กๆ และนักสังคมสงเคราะห์หลายคนที่ได้ยินเสียงโกลาหล ต่างวิ่งออกมาดู แต่ทันทีที่เห็นภาพนั้น ทุกคนต่างร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวก่อนจะวิ่งหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง
“มีคนถูกฆ่า!”
เสิ่นชิวจ้องมองสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้น หัวใจของเขากระตุกวูบ เขารีบมองไปรอบๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ พบว่าบริเวณรอบข้างยังคงเป็นทางเดินที่เขาคุ้นเคย
ใบหน้าของเขาตึงเครียด ในใจคิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า
“แย่แล้ว!”
สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้ คือความเป็นไปได้ที่ทั้งสถานสงเคราะห์นี้อาจถูกพื้นที่ซ้อนทับกับอดีต หากเป็นเช่นนั้นจริง ทุกคนที่นี่จะไม่รอดแน่ แต่ถ้าเพียงแค่สัตว์ประหลาดจากอีกโลกหนึ่งหลุดมาที่นี่ ยังพอมีทางช่วยเหลือได้อยู่ เพราะในเมื่อพื้นที่ซ้อนทับได้นำพวกมันมาที่นี่ ก็ไม่มีเหตุผลที่สิ่งเหล่านั้นจะไม่สามารถถูกซ้อนทับกลับไปยังโลกของมัน
“นี่มันอะไรกันแน่?”
เฉาคุนถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“ยังไม่แน่ใจ อาจจะเป็นคน หรืออาจจะเป็นสัตว์ประหลาดก็ได้ แต่ระวังไว้ก่อนเถอะ เจ้านี่ไม่ใช่สิ่งที่มาจากโลกของเราแน่นอน”
เสิ่นชิวเตือนพวกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่น่าใช่คน หรือสัตว์ประหลาดทั้งหมด แต่อาจจะเป็น ‘ซือเหริน’(ซากศพมนุษย์ลักษณะน่าสยดสยอง) ก็ได้” หวงกานกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือ มือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“อาจจะใช่” เสิ่นชิวเองก็ไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรดี
ตอนนั้นเอง ซือเหรินตัวนั้นปล่อยเหยื่อออกจากปาก แล้วอ้าปากเผยเขี้ยวอันแหลมคม ก่อนจะก้าวเข้ามาหาเสิ่นชิวและเพื่อนๆ ทีละก้าว
“พวกนายไปหาอะไรมา ฉันจะจัดการกับเจ้าสิ่งนี้เอง”
เสิ่นชิวพูดพร้อมกับทำท่าจะเข้าไปเผชิญหน้า
“ไม่ต้อง ฉันถนัดเรื่องต่อสู้มากกว่า ฉันหมัดหนัก!”
หวงกานสูดลมหายใจลึกก่อนพุ่งไปข้างหน้า พร้อมฟาดหมัดหนักเข้าที่ศีรษะของซือเหรินเต็มแรง
เสียงกระแทกดังขึ้น หัวของซือเหรินเอียงไปด้านหนึ่งในทันที
“ฮ่าๆ หมัดฉันสุดยอดใช่ไหมล่ะ!” หวงกานตะโกนด้วยความดีใจ
แต่ไม่ทันไร ซือเหรินตัวนั้นยกมือขึ้นต่อยเข้าที่ดวงตาของหวงกานอย่างแรง จนเขาเซถอยหลัง ดวงตาซ้ายบวมเป่งขึ้นมาทันที
"เสิ่นชิวมองภาพนั้น ตาหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่าพลังของซือเหรินยังคงอยู่ในขอบเขตที่มนุษย์สามารถรับมือได้"
เฉาคุนไม่รอช้า เขาย่อร่างลงเล็กน้อยก่อนพุ่งตัวไปข้างหน้า แล้วเตะเข้าที่ลำตัวของซือเหรินเต็มแรง
ซือเหรินถอยหลังไปเพียงก้าวเดียว ก่อนจะพุ่งตัวกระแทกกลับ จนเฉาคุนล้มลงไปกองกับพื้น มันอ้าปากกว้าง ส่งเสียงแหลมแปลกประหลาด เตรียมกระโจนเข้าใส่เฉาคุน
“ระวัง!”
หวงกานที่พึ่งฟื้นตัวตะโกนออกมาด้วยความร้อนรน
เสิ่นชิวพุ่งเข้าไปทันที เตะเข้าที่หน้าอกของซือเหรินเต็มแรงจนมันถอยไปอีกครั้ง
ก่อนที่ซือเหรินจะตั้งตัวได้ เสิ่นชิวพุ่งเข้าไปคว้าแขนซ้ายของมัน มืออีกข้างจับเข้าที่ข้อต่อแล้วบิดอย่างแรงจนแขนทั้งข้างเบี้ยวไป
ซือเหรินที่ไร้ความเจ็บปวด พยายามกัดเข้าที่เสิ่นชิวอย่างโกรธเกรี้ยว แต่เสิ่นชิวไวกว่า เขาใช้แขนขวารั้งกรามของมันไว้ ก่อนจะใช้ขาเกี่ยวขาของซือเหริน แล้วเหวี่ยงลงพื้นจนมันกระแทกอย่างแรง
ไม่หยุดแค่นั้น เสิ่นชิวคว้าศีรษะของซือเหริน บิดจนหมุนกลับไป 180 องศา แล้วจับขาของมันบิดอย่างรุนแรงอีกครั้ง
หลังทำทุกอย่างเสร็จ เสิ่นชิวปล่อยมือและถอยออกมา ซือเหรินยังไม่ตาย แต่ด้วยศีรษะและแขนขาที่บิดเบี้ยวผิดรูป มันทำได้แค่ดิ้นอยู่กับพื้น
หวงกานที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“นี่นายต่อสู้อย่างกับมืออาชีพ!”
“ก็แค่ฝึกไว้สนุกๆ ตอนว่างเท่านั้นเอง” เสิ่นชิวตอบพลางหายใจหอบเล็กน้อย
เสิ่นชิวตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบ
“มันไม่ได้เก่งแค่ธรรมดาแล้ว นายทหารจริงๆ ยังอาจสู้ไม่ได้เลย นายทำอะไรมากันแน่ตลอดหลายปีนี้? หรือว่านายแอบไปเป็นทหารรับจ้าง?”
เฉาคุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อเช่นกัน
“ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ รีบหาอาวุธไปช่วยคนก่อน ฉันเดาว่ามันคงไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแน่ๆ”
เสียงกรีดร้องดังมาจากทุกทิศทาง เสิ่นชิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น หวงกานและเฉาคุนรีบวิ่งเข้าไปในบ้านใกล้เคียงเพื่อหาอาวุธ
ไม่นานนัก เฉาคุนก็วิ่งออกมาพร้อมไม้กวาดและไม้ถูพื้นในมือ
“นี่!” เขาตะโกนพลางขว้างไม้กวาดให้เสิ่นชิว
เสิ่นชิวรับไม้กวาดมาไว้ในมือ แต่ริมฝีปากเขาก็อดกระตุกไม่ได้
ไม้กวาดไม้ไผ่แค่นี้จะไปช่วยอะไรได้กัน? ถ้ามีดจักรกลที่เขาเคยใช้ติดตัวมาได้ก็คงดี แต่เขาก็รู้ดีว่ามันเป็นแค่ความคิด เพราะการพกอาวุธออกไปข้างนอกในสถานการณ์ปกติเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
รัฐบาลพันธมิตรแดงควบคุมการใช้อาวุธอย่างเข้มงวด แม้ในช่วงที่สถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้ พวกเขาก็ยังไม่ยอมผ่อนปรน เพราะหากอาวุธรั่วไหล อาจนำไปสู่ความวุ่นวายที่ควบคุมไม่ได้
“ฉันเองก็ได้ของมาแล้ว!” หวงกานตะโกนด้วยความฮึกเหิม ขณะที่วิ่งออกมาพร้อมกับเก้าอี้ไม้ในมือ
“ไปกันเถอะ” เสิ่นชิวพูดสั้นๆ ก่อนพาทั้งสองวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนที่มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านบน
ในขณะที่พวกเขาวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟ เด็กๆ และนักสังคมสงเคราะห์จากสถานสงเคราะห์ต่างวิ่งสวนลงมาด้วยใบหน้าหวาดกลัว พร้อมกับตะโกน
“หนีเร็ว มีสัตว์ประหลาดอยู่ข้างบน!”
เสิ่นชิวหยุดชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นพนักงานชายของสถานสงเคราะห์เพื่อถาม
“สัตว์ประหลาดอยู่ที่ไหน?”
“อยู่บนชั้นสาม!” ชายคนนั้นพูดด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งหนีลงไปด้านล่าง
เสิ่นชิวรีบพุ่งขึ้นไปยังชั้นสาม ทันทีที่เขาไปถึง เขาเห็นซือเหรินตัวหนึ่งกำลังนั่งยองๆ กัดกินร่างของเด็กชายวัย 11-12 ปี เนื้อและเลือดกระจายเต็มพื้น
ภาพที่เห็นทำให้หวงกานหันหน้าหนี ก่อนจะอาเจียนอาหารมื้อเย็นออกมาทันที ขณะที่เฉาคุนยืนตัวแข็ง ขาแทบทรุด
ทันใดนั้น เสียงร้องไห้ของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น
เด็กชายวัยเจ็ดขวบวิ่งออกมาจากห้องใกล้ๆ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาถึงกับร้องไห้โฮด้วยความหวาดกลัว
ซือเหรินตัวนั้นได้ยินเสียงร้อง จึงหันไปมองเด็กชาย ก่อนจะทิ้งร่างที่มันกำลังกินอยู่ และวิ่งพุ่งไปหาเด็กชายอย่างบ้าคลั่ง
เสิ่นชิวรีบคว้าเก้าอี้ไม้จากมือหวงกาน และเหวี่ยงใส่ซือเหรินเต็มแรง
เสียงเก้าอี้แตกกระจายดังก้องไปทั่ว แต่การโจมตีนี้แทบไม่ทำให้มันบาดเจ็บเลย อย่างน้อยมันก็ทำให้ซือเหรินเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เสิ่นชิว
เสิ่นชิวตั้งสติ ก่อนยกไม้กวาดขึ้นป้องกันที่หน้าอกของซือเหริน
เสียงไม้กวาดหักดังขึ้นทันที แต่แรงที่ลดลงเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอให้เสิ่นชิวใช้ความเร็วพุ่งเข้าไป เขาล็อกคอซือเหรินด้วยแขน และเหวี่ยงมันลงพื้นอย่างแรง
เฉาคุนรีบโยนไม้ถูพื้นทิ้ง แล้ววิ่งเข้าไปอุ้มเด็กชายที่ร้องไห้เสียงดัง พร้อมปลอบว่า
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้องนะ”
ซือเหรินที่ล้มลงกับพื้นพยายามจะลุกขึ้น แต่เสิ่นชิวไม่ปล่อยโอกาส เขาอ้อมไปด้านหลัง คว้าคอซือเหริน และหักมันอย่างแรง
เสียงกระดูกดัง “กร๊อบ!” ซือเหรินสะบัดแขนขาไปมา เสิ่นชิวอาศัยจังหวะนั้นจับแขนของมันอีกครั้ง และบิดจนหัก
ด้วยความแข็งแกร่งของมัน และการที่เขาไม่มีอาวุธที่เหมาะสม ทำให้การกำจัดซือเหรินตัวนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
หวงกานที่พึ่งเงยหน้าขึ้นหลังอาเจียนเสร็จ ถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เห็น เขายกนิ้วโป้งให้เสิ่นชิวพร้อมพูดว่า
“สุดยอดจริงๆ!”
เสิ่นชิวไม่ได้ตอบคำชม แต่สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที ก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“ระวัง!”
..........