บทที่ 295 ดราม่าน้ำเน่า
รัฐมนตรีเกาไม่คิดว่าการรับประทานอาหารมื้อนี้จะทำให้เขาได้รับข้อมูลที่คาดไม่ถึง ดูเหมือนว่าสหายหนุ่มคนนี้จะมีความสามารถมากกว่าข่าวลือเสียอีก
ขณะนั้นเองผู้อาวุโสหลี่ก็เอ่ยถามขึ้นว่า "สหายอี้หมิน สนใจออกไปต่างประเทศกับฉันไหม?"
หลังจากพูดคุยกันมาพักหนึ่ง เขาก็ยิ่งเห็นคุณค่าของโจวอี้หมินอย่างแท้จริงจึงอยากพาเขาออกไปเปิดหูเปิดตาที่ต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขา
"ผู้อาวุโสหลี่ ท่านอย่ามาดึงตัวเขาไปต่อหน้าผมสิ!" รัฐมนตรีเกาพูดติดตลก
เขาไม่คิดว่าผู้อาวุโสหลี่เองก็อยากดึงตัวโจวอี้หมิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามองเห็นศักยภาพของชายหนุ่มคนนี้สูงมาก มิฉะนั้นคงไม่เพียงแค่พบกันครั้งแรกก็อยากพาเขาออกนอกประเทศแล้ว
ผู้อาวุโสหลี่เองก็รู้ว่าการทำแบบนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสม จึงได้แต่ยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน
โจวอี้หมินปฏิเสธอย่างสุภาพ "ผู้อาวุโสหลี่ ขอบคุณสำหรับความเมตตาครับ แต่คุณปู่คุณย่าของผมยังอยู่ที่นี่ ผมต้องดูแลพวกท่าน"
ผู้อาวุโสหลี่ประหลาดใจไม่น้อย เพราะโจวอี้หมินปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดแม้แต่นิดเดียว
ต้องเข้าใจว่าการ ออกไปต่างประเทศในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายคนอยากไปแต่ไม่มีโอกาสแต่นี่โจวอี้หมินกลับไม่ลังเลเลยสักนิด
แต่นั่นก็ทำให้เขาเห็นถึงความตั้งใจและความกตัญญูของโจวอี้หมิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเลิกคิดที่จะชวนโจวอี้หมินไปต่างประเทศต่อไป
เมื่อรัฐมนตรีเกาได้ยินคำพูดของโจวอี้หมินความกังวลในใจก็คลายลง เขาจึงพยายามเปลี่ยนบรรยากาศของบทสนทนา และสั่งงานใหม่ว่า
"อี้หมิน นายสามารถผลิตถุงลมนิรภัยที่พูดถึงให้เสร็จโดยเร็วได้หรือไม่?"
แค่เข็มขัดนิรภัยอย่างเดียวก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับประเทศได้มากมายแล้ว หากเพิ่มถุงลมนิรภัยเข้าไปอีก หนึ่งบวกหนึ่งย่อมให้ผลลัพธ์ที่มากกว่าสองและผลตอบแทนก็จะสูงขึ้นไปอีก
ผู้อาวุโสหลี่ก็เห็นด้วยทันที หากสามารถขายเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยแบบแพ็กคู่ได้ ก็จะมีอำนาจต่อรองด้านราคามากขึ้น
"รัฐมนตรีเกา ผู้อาวุโสหลี่ วางใจได้เลยครับ ผมจะทำให้ดีที่สุดและจะผลิตถุงลมนิรภัยออกมาให้เร็วที่สุด" โจวอี้หมินให้คำมั่น
แต่เขาก็เสนอเงื่อนไขว่า "ยังต้องการความร่วมมือจากเหล่าช่างฝีมือในโรงงาน และอาจต้องได้รับการสนับสนุนจากโรงงานอื่นๆด้วยเพื่อให้สามารถผลิตได้เร็วที่สุด"
ต้องเข้าใจว่าถุงลมนิรภัยมีความซับซ้อนกว่าการผลิตเข็มขัดนิรภัยมาก แม้ว่าช่างฝีมืออย่างอาจารย์ขงจะช่วยได้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
"อี้หมิน ไม่ต้องกังวล ฉันจะให้ผู้อำนวยการหูสนับสนุนเต็มที่ เรื่องอื่นนายไม่ต้องห่วง สนใจแค่การพัฒนาถุงลมนิรภัยก็พอ" รัฐมนตรีเกากล่าวพร้อมให้ไฟเขียวเต็มที่
"เข้าใจแล้วครับ รัฐมนตรีเกา ถ้าเป็นแบบนี้ ผมจะพยายามให้ถึงที่สุด" โจวอี้หมินตอบรับ
บรรยากาศมื้อนี้ เป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน
หลังจากกินอาหารเสร็จ รัฐมนตรีเกาตั้งใจจะไปส่งโจวอี้หมินกลับบ้านแต่โจวอี้หมินปฏิเสธ "กินอิ่มแล้วควรออกกำลังกาย ผมขี่จักรยานกลับเองดีกว่า"
รัฐมนตรีเกาจึงไม่ได้บังคับ และหันไปส่งผู้อาวุโสหลี่กลับที่พักแทน
เช้าวันรุ่งขึ้น โจวอี้หมินรีบตรงไปที่โรงงานเหล็กเพราะเขาได้ให้คำมั่นสัญญากับรัฐมนตรีเกาแล้วและจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเพียงคำพูดลอยๆ
เมื่อไปถึง เขาตรงไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการหูทันที
แม้ว่ารัฐมนตรีเกาจะให้การสนับสนุนเต็มที่แต่ตามหลักมารยาทและความเหมาะสม เขาก็ควรเข้าไปแจ้งผู้อำนวยการหู ด้วยตัวเองก่อน
เมื่อเห็นโจวอี้หมินเดินเข้ามา ผู้อำนวยการหูก็ทักทายอย่างกระตือรือร้นว่า "อี้หมิน ฉันได้ยินจากรัฐมนตรีเกาแล้ว นายทำให้โรงงานเหล็กของเราภูมิใจมากเลยนะ! ถ้านายต้องการใครมาช่วย แค่บอกหัวหน้าฝ่ายผลิตได้เลย ฉันได้สั่งไว้ล่วงหน้าแล้ว"
รัฐมนตรีเกาเป็นคนสั่งงานโดยตรง เขาไม่มีทางกล้าทำเป็นแค่รับคำสั่งแต่ไม่ปฏิบัติตามแน่นอน เพราะถ้าทำแบบนั้น ผลลัพธ์คงไม่ดีแน่
"ขอบคุณครับ ผู้อำนวยการหู ถ้ามีการสนับสนุนแบบนี้ผมจะรีบไปเริ่มงานก่อน" โจวอี้หมินเองก็อยากพัฒนา ถุงลมนิรภัย ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
"ไปเถอะ! แต่ทำงานก็ต้องดูแลสุขภาพด้วย" ผู้อำนวยการหูเตือนด้วยความหวังดี
โจวอี้หมินรีบไปที่โรงงานผลิต กำลังจะไปหาหัวหน้าฝ่ายผลิตเพื่อให้ช่วยจัดช่างฝีมือมาร่วมทีม
แต่ก่อนที่เขาจะไปถึง จ้าวเต๋อจื้อก็วิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับหายใจหอบหนัก "หัวหน้าโจว มีคนมาหาคุณที่ข้างนอก"
โจวอี้หมินรู้สึกแปลกใจ ใครกันที่มาหาเขาตอนนี้? แต่เขาก็เดินไปทางประตูโรงงาน
เมื่อไปถึงเขาเห็นมีสามคนยืนอยู่ตรงประตูโรงงาน รอบๆมีพนักงานของโรงงานเหล็กรวมถึงพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านยืนมุงดู
พอรู้ว่าทั้งสามคนนั้นมาหาโจวอี้หมิน ทุกคนยิ่งสนใจมากขึ้นไปอีก
คนที่โดดเด่นเสมอ ย่อมมีคนอิจฉาและโจวอี้หมินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
แม้ว่าเขาจะมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีในโรงงาน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะชอบเขา ไม่ว่าในยุคไหน ย่อมต้องมีคนที่อิจฉาความสำเร็จของคนอื่น
เมื่อพวกเขาเห็นว่าในกลุ่มสามคนนั้น มีหญิงสาวที่ยังอายุน้อยและหน้าตาสวยมากคนหนึ่ง พวกเขาก็เริ่มเดากันไปต่างๆ นานา
"คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว!" คนหนึ่งกระซิบ
อีกคนที่ไม่ชอบให้โจวอี้หมินเด่นเกินไป รีบพูดเยาะเย้ย "ใช่ๆ ฉันเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าโจวอี้หมินไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก สงสัยครั้งนี้จะโดนแฉแล้วล่ะ!"
ตั้งแต่โจวอี้หมินเข้ามาทำงานในโรงงานเหล็ก เขากลายเป็นชายต้นแบบในอุดมคติของเหล่าสตรีในโรงงานทันที ทั้งสาวๆ ในฝ่ายประชาสัมพันธ์และห้องพยาบาลต่างก็อยากแต่งงานกับเขา
เรื่องนี้ทำให้ชายหนุ่มในโรงงานหลายคนรู้สึกอิจฉาไม่น้อย เพราะเดิมทีผู้หญิงในโรงงานเหล็กกล้าก็มีอยู่น้อยอยู่แล้ว และที่เหมาะสมจะแต่งงานก็น้อยเข้าไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้น สาวๆเหล่านี้ต่างก็หมายปองโจวอี้หมิน ไม่เพียงแค่ในโรงงานเท่านั้น แม้แต่เวลาพวกเธอไปดูตัว พวกเธอก็เอาโจวอี้หมินมาเป็นมาตรฐานเปรียบเทียบและสุดท้ายก็ไม่เจอใครที่ดีเทียบเท่าเขาเลย
ด้วยเหตุนี้เอง โจวอี้หมินจึงมีศัตรูในจินตนาการเพิ่มขึ้นมาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
ทันทีที่หญิงสาวคนนั้นเห็นโจวอี้หมิน เธอก็ตื่นเต้นและพูดขึ้นว่า "สหาย! ในที่สุดฉันก็เจอคุณแล้ว..."
คำพูดของหญิงสาวทำให้กลุ่มคนที่หวังให้โจวอี้หมินเจอปัญหาถึงกับชะงัก พวกเขาไม่คิดว่าอี้หมินจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือคนอื่น เดิมทีพวกเขาหวังจะได้เห็นเขามีเรื่องฉาวโฉ่ แต่สุดท้ายกลับต้องผิดหวัง
แถมสถานการณ์ตอนนี้ยิ่งทำให้โจวอี้หมินดูโดดเด่นขึ้นไปอีก
วีรบุรุษช่วยสาวงาม บทละครแบบนี้กลับมาตกอยู่ที่เขาเสียได้
โจวอี้หมินมองหญิงสาวตรงหน้า เขารู้สึกว่าเธอคุ้นตาอยู่บ้าง หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็นึกออกว่าเธอคือหญิงสาวที่เขาช่วยไว้เมื่อวานระหว่างทางไปร้านเปี้ยนอี้ฟาง
เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า "อ้อ เป็นคุณนี่เอง เกือบจำไม่ได้เลย ขอโทษทีนะ"
เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
"สหาย ถ้าเมื่อวานคุณไม่ช่วยฉันไว้ ฉันก็คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน" หญิงสาวพูดด้วยความตื่นเต้น
ในยุคนี้ เรื่องชื่อเสียงเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเรื่องนี้แพร่ออกไป โอกาสที่เธอจะมีคนมาขอแต่งงานอาจกลายเป็นศูนย์
ตั้งแต่เธอเข้าสู่วัยที่เหมาะสมสำหรับการแต่งงานก็มีคนมาสู่ขอไม่ขาดสายแต่ไม่มีใครที่เธอสนใจเลย ทำให้เธอยังคงเป็นโสดจนถึงตอนนี้
แต่เมื่อวานโจวอี้หมินกลับปรากฏตัวขึ้นราวกับวีรบุรุษ จนทำให้เธอคิดถึงเขาตลอดตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ จึงเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้น
บทวีรบุรุษช่วยสาวงาม เป็นเรื่องที่ไม่มีวันล้าสมัย
แน่นอนว่า หากคนที่ช่วยไว้เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ฝ่ายหญิงมักจะอยากตอบแทนด้วยชีวิต แต่ถ้าหากเป็นคนขี้เหร่ก็อาจจะได้รับคำพูดทำนองว่า "ไว้ชาติหน้าจะตอบแทนนะ"
"สหาย ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมเชื่อว่าถ้าเป็นใครก็ตามมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็คงจะเข้ามาช่วยเหมือนกัน" โจวอี้หมินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
(จบบท)