บทที่ 27 สามสาวกับหนึ่งเวทีแห่งการแสดง
เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เย่ฟานที่ดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่าก็อุ้มเสี่ยวจิ้ง เดินออกมาจากห้องครัว แต่กลับพบว่าสองสาวกำลังนั่งอยู่บนโซฟา จ้องมองพวกเขาสองคนด้วยสายตาจริงจัง
“พวกเธอไม่ใช่ว่าจะนอนกันเหรอ ทำไมตื่นเร็วกันจัง?” เย่ฟานพูดโดยไม่รู้สึกอับอายใด ๆ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เขาก็ไม่คิดจะหลบเลี่ยง
“พวกเราอยากจะนอนเหมือนกันนะ แต่เสียงของพวกเธอน่ะ ทำเอาจะหลับยังไงได้ล่ะ” อิ๋งอิ๋ง เบือนหน้าขึ้นพลางกลอกตา กล่าวอย่างหมดคำจะพูด
“อะแฮ่ม” ได้ยินดังนั้น เย่ฟานก็เริ่มรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาบ้าง เขาหลับตาและวางหัวลงบนแขนเรียวยาวของเสี่ยวจิ้ง เสมือนคนหลับไปทันที
เสี่ยวจิ้ง ใช้มือนวดเบา ๆ ให้เขาพลางมองไปยังสองสาวแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ต้องขออภัยด้วยนะคะที่ทำให้สองพี่สาวต้องเห็นแบบนี้ ฉันชื่อ เสี่ยวจิ้ง เรียกฉันว่าเสี่ยวจิ้ง หรือจิ้งจิ้งก็ได้ค่ะ”
“หึหึ” เฉียวเฉียว หัวเราะเยาะอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น “ฉันชื่อจางเฉียว เรียกฉันว่าเฉียวเฉียวก็ได้”
“ฉันชื่อจางอิ๋ง เรียกฉันว่าอิ๋งอิ๋งค่ะ” อิ๋งอิ๋งกล่าวโดยไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรู เธอถามเสี่ยวจิ้งต่อว่า “จิ้งจิ้งดูเหมือนจะยังอายุน้อยอยู่เลย เธอยังเรียนอยู่หรือทำงานแล้ว?”
“ฉันยังเรียนอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าพี่สาวทั้งสองคนทำงานแล้วหรือยัง?” เสี่ยวจิ้งตอบด้วยรอยยิ้ม และไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนแอ
“พวกเราทำงานกันแล้วค่ะ อิจฉาจิ้งจิ้งจังที่ยังได้เรียนอยู่” อิ๋งอิ๋งยิ้มแล้วลุกขึ้นมานั่งข้างหย่วนจิ้ง พลางยกขาเย่ฟานขึ้นมาวางบนขาของเธอเอง “จิ้งจิ้งเรียนที่ไหนเหรอ?”
“ไม่ใช่มหาวิทยาลัยดังอะไรค่ะ ไม่อยากพูดถึง แล้วพี่สาวทำงานที่ไหนเหรอคะ?” เสี่ยวจิ้งถามกลับอย่างสุภาพ
แม้ว่าบทสนทนาของสามสาวจะดูสงบ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยการปะทะกันทางจิตวิทยา แม้ว่าทั้งสามจะไม่ได้เป็นแฟนของเย่ฟาน แต่พวกเธอก็ไม่มีใครยอมปล่อยชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปง่าย ๆ
เย่ฟานเองก็ไม่ได้สนใจการสนทนาของพวกเธอ เขาหลับอย่างสบายภายใต้การนวดของเสี่ยวจิ้งและอิ๋งอิ๋ง จนกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าฟ้ามืดแล้ว
ในเวลานั้น สามสาวกำลังเล่นเกมไพ่ “โต้วตี้จู่” โดมิโนจีน กันอย่างดุเดือด โดยมีเสี่ยวจิ้งเป็นเจ้าของเกม ส่วนอิ๋งอิ๋งและเฉียวเฉียวเป็นคู่แข่ง ทั้งสามสนุกกันจนไม่ได้สังเกตว่าเย่ฟานตื่นแล้ว
“โอ๊ะ ขอโทษทีนะคะ ฉันชนะอีกแล้ว ขอบคุณพี่สาวทั้งสองที่ให้โอกาสค่ะ” เสี่ยวจิ้งกล่าวพลางวางไพ่ใบสุดท้ายลงด้วยรอยยิ้ม
“มาอีกเกม ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะชนะได้ตลอด!” เฉียวเฉียวพูดอย่างไม่พอใจ พร้อมกับเตรียมท้าประลองอีกรอบ
“พี่สาวเสียไปตั้งห้าพันหยวนแล้ว ยังจะเล่นต่ออีกเหรอคะ?” เสี่ยวจิ้งยิ้มกริ่ม แสดงความพึงพอใจที่เอาชนะทั้งสองสาวได้
“ไม่เป็นไร พวกเรามีเงินเยอะอยู่แล้ว เย่ฟานให้เงินพวกเราทุกเดือน ยังไงก็เล่นต่อได้” อิ๋งอิ๋งตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ
“งั้นเราก็เล่นต่อสิคะ” เสี่ยวจิ้งไม่ยอมแพ้
“แค่ก ๆ พอได้แล้ว พวกเธอจะเล่นพนันอะไรกันอีกล่ะ” เย่ฟานเดินมาหยุดตรงหน้าพวกเธอ พร้อมกล่าวเตือนเล็กน้อย
“อ๊ะ เย่ฟาน คุณตื่นแล้วเหรอ” เสี่ยวจิ้งลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางพูดด้วยความลำบากใจ “พวกเราแค่เล่นกันสนุก ๆ เรื่องเงินฉันไม่ได้จะเอาจริง ๆ หรอกค่ะ”
“พนันก็คือพนัน ฉันจะโอนเงินให้เธอเดี๋ยวนี้!” เฉียวเฉียวพูดพลางลุกขึ้น เธอแสดงความหงุดหงิดเพราะเสียไปหลายรอบ
“คุณหิวหรือยัง ฉันสั่งอาหารมาส่งให้ไหม?” อิ๋งอิ๋งเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใย
“คุณหิวไหม เดี๋ยวฉันสั่งอาหารมาส่งให้ดีไหม?” อิ๋งอิ๋ง เอ่ยถามด้วยความห่วงใย พลางหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเตรียมสั่งอาหาร แต่ทันใดนั้น เสี่ยวจิ้ง ก็ยื่นมือออกมาห้ามไว้
“อาหารสั่งมามันไม่ค่อยสะอาด เดี๋ยวฉันทำอาหารให้พวกเธอเอง รอสักครู่นะ” เสี่ยวจิ้งกล่าวพลางยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องครัว
“เธอทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?” อิ๋งอิ๋งถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ พร้อมกับ เฉียวเฉียว ที่หันมามองเสี่ยวจิ้งด้วยความสงสัย
“แน่นอนสิ รออีกเดี๋ยวก็จะได้รู้” เสี่ยวจิ้งยิ้มอย่างผู้ชนะ เธอรู้ดีว่าผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งนั้นมักจะมีคะแนนความน่าประทับใจสูงในสายตาผู้ชาย จึงตั้งใจเรียนรู้การทำอาหารมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
“ฉันไปช่วยดีกว่า” เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีสำหรับตัวเอง อิ๋งอิ๋งก็รีบลุกขึ้นตามเข้าไปในห้องครัว แม้เธอจะทำอาหารไม่เป็น แต่การช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ถือว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบ
“งั้นฉันก็จะไปช่วยด้วย” เห็นสองสาวเข้าไปในครัวด้วยกัน เฉียวเฉียวก็ไม่ยอมแพ้ พยายามเดินตามไป
แต่ก่อนที่เธอจะได้ก้าวเข้าไป เย่ฟานก็รวบเอวบางของเฉียวเฉียวไว้ พลางดึงเธอกลับมานั่งลงบนโซฟา “ครัวมีคนอยู่ตั้งสองคนแล้ว ถ้าเธอเข้าไปอีกคน ฉันก็ต้องนั่งอยู่คนเดียว ไม่ได้นะ”
“งั้นฉันอยู่กับคุณก็ได้” เฉียวเฉียวยอมจำนนเล็กน้อย เธอนั่งลงบนตักของเย่ฟาน ทันใดนั้น เย่ฟานก็ฉวยโอกาสจูบเธอเบา ๆ บนริมฝีปาก
“อยู่กับฉันแบบนี้แหละดีแล้ว เธอก็ทำอาหารไม่เป็นนี่” เย่ฟานพูดพลางหัวเราะเบา ๆ
เฉียวเฉียวทำหน้ามุ่ย ก่อนจะโอบคอเย่ฟานไว้แล้วโน้มตัวลงจูบเขาเป็นการตอบโต้
หลังจากจูบกัน เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความไม่พอใจเล็กน้อย “คราวหลังอย่าทำให้ฉันหงุดหงิดอีกนะ!”
“ได้เลย ครั้งหน้าฉันจะระวัง” เย่ฟานตอบพลางลูบหลังเธอเพื่อปลอบโยน
เมื่อได้ยินคำตอบ เฉียวเฉียวจึงเริ่มอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาเย่ฟาน ก่อนจะถามเสียงอ่อนหวาน “คุณชอบฉันจริง ๆ ไหม?”
“ชอบสิ เฉียวเฉียวทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้ มีหรือที่ผมจะไม่ชอบ” เย่ฟานยิ้มพลางตบเบา ๆ บนต้นขาของเธอ
“ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฉันอยากรู้ว่าคุณชอบตัวฉัน หรือว่าคุณชอบหัวใจของฉันกันแน่” เฉียวเฉียว กล่าวพลางเอียงตัวเข้ามาใกล้ พร้อมกับออดอ้อนในน้ำเสียง
เย่ฟานโน้มตัวเข้าไปใกล้ ก่อนจะงับติ่งหูของเธอเบา ๆ และพูดเสียงต่ำ “แน่นอนว่าชอบทั้งสองอย่าง ไม่อย่างนั้นผู้หญิงสวย ๆ มีตั้งมากมาย ทำไมฉันถึงเลือกเธอ ลองคิดดูสิ”
“อืม ฉันก็ชอบเย่ฟานเหมือนกัน” เฉียวเฉียวยิ้มอย่างมีความสุข เพราะผู้หญิงมักชอบคำหวานมากกว่าคำพูดจริงจัง เธอต้องการได้ยินคำพูดที่อบอุ่นหัวใจ ไม่ใช่เหตุผลที่ดูเคร่งขรึม
“พวกเธอทำอาหารคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก กินอะไรรองท้องก่อนดีไหม?” เย่ฟานลูบหัวเธอเบา ๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “แต่ฉันเพิ่งกินไปเองนะ”
“งั้นก็กินอีกสักนิดสิ”
“ก็ได้” เฉียวเฉียวพูดด้วยน้ำเสียงยอมจำนน เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตามที่เขาบอก
ผ่านไปสิบกว่านาที เสี่ยวจิ้ง ก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเอ่ยว่า “อาหารเสร็จแล้วนะ มากินข้าวที่ห้องอาหารกันเถอะ”
“โอเค เธอไปกินกันก่อนเลย เดี๋ยวพวกเราตามไป” เย่ฟานพูดพร้อมกดศีรษะเฉียวเฉียวลงเบา ๆ เป็นเชิงไล่เสี่ยวจิ้งออกไป
อีกสิบกว่านาทีต่อมา ทั้งสองคนจึงเดินเข้ามาในห้องอาหาร และนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น ๆ เพื่อทานมื้อค่ำด้วยกัน
ระหว่างมื้ออาหาร เย่ฟานหันไปถามเสี่ยวจิ้งว่า “คืนนี้เธอจะกลับไปที่มหาวิทยาลัยไหม?”
“ทำไมล่ะ อยากให้ฉันกลับมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสี่ยวจิ้งพูดพร้อมทำปากยื่นเล็กน้อย แสดงท่าทีไม่พอใจ
“เปล่าสักหน่อย แค่ถามเฉย ๆ ห้องในบ้านก็มีเยอะก็จริง แต่ไม่มีผ้าห่ม” เย่ฟานรีบส่ายหัวพร้อมปฏิเสธทันที
“ห้องคุณมีเตียงตั้งหลายเตียง นอนด้วยกันได้สบาย ๆ ฉันไม่กลับไปหรอก” เสี่ยวจิ้งส่ายหัวปฏิเสธ
“อ้อ” เย่ฟานพยักหน้าเบา ๆ พลางคิดในใจว่า คืนนี้เขาอาจต้องหาที่หลบไปนอนข้างนอก และค่อยกลับมาในวันรุ่งขึ้น
(จบบท) ###