ตอนที่แล้วตอนที่ 115 กลับไปเจอหน้าลูกชายเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายเสีย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 117 กึ่งวิญญาณแรกก่อตั้ง

ตอนที่ 116 ความโกรธของตระกูลหยุน(ฟรี)


“ท่านบรรพชน เรื่องราวเป็นเช่นนี้” หยุนหรูไห่รีบเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ขาดตกบกพร่อง และไม่ได้เสริมแต่งให้เกินจริงแต่อย่างใด เขาบอกเล่าเรื่องราวตามที่มันเกิดขึ้นทุกประการ

“เช่นนั้นเอง” หลังจากฟังจนจบ เซียนหยุนเหอก็มีสีหน้าบึ้งตึง

ในฐานะเซียนเฒ่าที่มีอายุ 700 ปี เขาจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าฮ่องเต้แห่งต้าเฉียน เจียงหรูซาน กำลังยุยงเขา? หยุนเซียงจะลอบสังหารลู่เฉินผู้ที่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับนางได้อย่างไร  หากไม่ได้รับการยุยงปั่นประสาท

แต่ในมุมมองของเขา เขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง

หยุนเซียงเป็นหลานรุ่นที่แปด พรสวรรค์ไม่ได้โดดเด่น หากนางตาย ก็จงตายไป ยังห่างไกลจากการทำให้เขาโกรธเคืองถึงขั้นต้องชำระแค้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจที่สุดคือการที่ไม่มีอาวุโสคนใดในสำนักชิงตันให้ความสนใจเรื่องนี้เลยต่างหาก

หากเขาไม่ได้ออกจากการบำเพ็ญเพียร เรื่องนี้ก็คงจะเงียบหายไป

นี่ถือเป็นการไม่ให้เกียรติเขาอย่างมาก! และไม่อาจยอมรับได้

“ไอ้พวกสารเลว!” เขาตะโกนเสียงดังราวกับฟ้าผ่า คนของตระกูลหยุนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหวาดกลัว พวกเขาคิดในใจ ไม่รู้ว่าบรรพชนหยุนกำลังด่าใคร ลู่เฉินหรือคนของสำนักชิงตัน?

“ดูเหมือนว่าข้าจะเก็บตัวนานเกินไป! หลายคนคงลืมไปแล้วว่าข้ายังอยู่!” เซียนหยุนเหอทุบโต๊ะไม้ข้าง ๆ โต๊ะจนเนื้อแข็งแตกเป็นเสี่ยง ๆ

หยุนหรูซานที่กำลังคุกเข่าอยู่รีบกล่าว “ขอบรรพชนให้ความเป็นธรรมแก่เราด้วยเถิด!”

เสียงก้องสะท้อนไปทั่วห้องโถง

ตอนนี้สาเหตุการตายของหยุนเซียงไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญคือเซียนหยุนเหอต้องการชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อให้สำนักชิงตันตื่นรู้!

เมื่อคิดดังนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนและออกคำสั่ง “ตีกลองศึกตระกูลหยุน! ทุกคนในตระกูลที่มีพลังบ่มเพาะก่อตั้งรากฐานขึ้นไป ให้ไปที่เมืองหลวงหนานตู! ข้าจะให้ทุกคนได้รู้ว่าตระกูลหยุนไม่ใช่เหยื่อที่ใครจะมารังแกก็ได้!”

ตึง! ตึง! ตึง!

เสียงกลองดังก้องไปทั่วสำนักชิงตัน เรือเหาะมากมายทะยานขึ้นฟ้า สัตว์อสูรขนาดยักษ์กางปีก แสงกระบี่พุ่งทะลุอากาศ

ภาพอันน่าตื่นเต้นนี้ทำให้เซียนจากสำนักอื่น ๆ ต่างก็ออกมาดูด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหยุน?”

“ได้ยินมาว่าบรรพชนหยุนออกจากการบำเพ็ญเพียร เขาต้องการแก้แค้นให้หยุนเซียงที่ตายไปเมื่อหลายปีก่อน!”

“ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้อยู่ ศัตรูเป็นเซียนอิสระในเมืองหนานตู เห็นว่าแซ่ลู่”

“ใช่แล้ว ลู่เฉินแห่งเมืองหลวง”

“ถึงคราวเคราะห์ใหญ่ของเขาแล้ว ได้ยินมาว่าเซียนหยุนเหอเป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาไม่อาจทนรับความอัปยศเช่นนี้ได้ ส่วนลู่เฉินก็เป็นแค่เซียนอิสระ…”

“ดีแล้ว ให้คนนอกได้รู้ว่าคนของสำนักชิงตันไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกก็ได้!”

ในขณะเดียวกัน บนภูเขาแห่งหนึ่ง

เจียงเยว่เอ๋อร์กำลังนั่งอยู่กับเหล่าศิษย์พี่น้องของนาง ฟังเซียนอัคคีบรรยายเกี่ยวกับประสบการณ์การบ่มเพาะ พลันเสียงกลองและความวุ่นวายข้างนอกก็ดึงดูดความสนใจไป

“เงียบ!” เซียนอัคคีตบโต๊ะ “ตั้งใจฟัง! ประสบการณ์ของเซียนวิญญาณแรกก่อตั้งมีค่ามากกว่าเรื่องไร้สาระข้างนอกหรือไม่? ถ้าใครอยากออกไปดูนัก ก็ออกไปเลย!”

เหล่าเซียนหญิงเงียบกริบ

เซียนอัคคีเรียกชื่อเจียงเยว่เอ๋อร์ “ส่วนเจียงเยว่เอ๋อร์ อีกสองปีเจ้าจะได้ไปฝึกที่แดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ยแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างมาก เจ้าต้องพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุดภายในสองปีนี้  เพื่อที่เจ้าจะสามารถหลอมโอสถในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้!”

เจียงเยว่เอ๋อร์หน้าแดงเมือ่ได้ยินอาจารย์ตนพูดเช่นนั้น นางก้มหน้าลงต่ำก่อนกล่าว “อาจารย์ ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว”

เดือนสิงหาคมในเมืองหลวงหนานตู เป็นช่วงฤดูร้อน

แสงแดดแผดจ้า เสียงจักจั่นเรไรดังระงม ลู่เฉินมองดูเสี่ยวจ้าวเหิงด้วยความพึงพอใจ ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะอายุแค่เพียงเจ็ดขวบ แต่นางได้เรียนรู้วิทยายุทธ์มาตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน

นอกจากการเรียน ลู่เฉินยังสอนวิชาหลอมรวมปราณจาก “เคล็ดบ่มเพาะปฐมกำเนิดห้าธาตุ” ที่เขาคิดค้นขึ้นเองอีกด้วย ไม่นึกเลยว่าเสี่ยวจ้าวเหิงจะมีพรสวรรค์มาก นางสามารถทะลวงสู่ระดับหลอมรวมปราณขั้นสองได้ภายในเจ็ดวัน

“ดีมาก” ลู่เฉินพยักหน้าอย่างพอใจ ลูบหัวของจ้าวเหิง “อีกไม่กี่เดือน เจ้าก็จะอายุแปดขวบแล้ว เมื่อตอนนั้นมาถึง ข้าจะสอนวิชาเซียนให้เจ้าอย่างเต็มที่”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ อาจารย์” เสี่ยวจ้าวเหิงโค้งคำนับ

“ดี”

เด็กน้อยวิ่งลงจากเขาด้วยความเร็วสูง เพื่อไปบอกข่าวดีนี้ให้ปู่ของนางจ้าวอี้จั๋วทราบ

หวงฉีหลินอุ้มเสี่ยวผิงอันเดินเข้ามาหา ตอนนี้เสี่ยวผิงอันอายุได้สามขวบแล้ว เขาดูน่ารักและแสนเรียบร้อย ไม่ชอบร้องไห้ ดวงตาสีดำกลมโตชวนเอ็นดู

หวงฉีหลินถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าเสี่ยวผิงจะมีพรสวรรค์หรือไม่”

ลู่เฉินยิ้ม “ลูกชายที่ข้าให้กำเนิดจะไม่มีพรสวรรค์ได้อย่างไร? ไม่ต้องห่วงไปหรอก”

“ก็ได้” หวงฉีหลินพยักหน้า แต่หากไม่ได้รับการตรวจสอบ นางยังคงเป็นกังวลร่ำไป นางกลัวว่าร่างกายของนางจะเป็นตัวถ่วงลู่เฉิน

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน เสียงตะโกนก็ดังมาจากเชิงเขา “มีรายงานมา!”

“รายงานการศึกหรือ? ทำไมถึงส่งมาให้ข้า?” ลู่เฉินขมวดคิ้ว “ให้เขาเข้ามา”

“ได้สิ” จ้าวอี้จั๋วกล่าว “เข้ามาได้”

จ้าวอี้จั๋วอาศัยอยู่ที่เชิงเขาหวังฟู เขาไม่มีอะไรทำจึงช่วยลู่เฉินเฝ้าประตูจวน นับเป็นเรื่องที่แปลกมากที่มีถึงมหาปราชญ์ยุทธ์เป็นคนเฝ้าประตูเช่นนี้

ทหารนำรายงานการรบวิ่งขึ้นเขา

แนวหน้าของลู่โฉ่วอี๋อยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก ดังนั้นจึงใช้นกพิราบสื่อสารส่งข่าว ใช้เวลาถึงสามวันกว่าข่าวจะมาถึง

“ฝ่าบาทมีรับสั่ง สำหรับรายงานฉบับนี้ ให้อ๋องหนานประทับตราด้วยตัวเองขอรับ”

“ตกลง”

ลู่เฉินรับรายงาน ฉีกผนึกออก และหยิบกระดาษแผ่นเล็กออกมา

บนนั้นมีข้อความว่า “เซียนหยุนเหอ ปรมาจารย์วิญญาณแรกก่อตั้งแห่งสำนักชิงตันออกจากการบำเพ็ญเพียรแล้ว เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อเจ้า เมื่อเจ้าเห็นจดหมายฉบับนี้ จงรีบหนีไปในทันที อย่าได้อยู่ที่นี่ต่อ!”

“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!” ลู่เฉินหรี่ตา

ตอนที่หยุนหรูไห่จากไป เขาได้ทิ้งคำพูดไว้ว่าตระกูลหยุนมีเซียนวิญญาณแรกก่อตั้ง เขารู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ

ในที่สุด ปัญหาก็มาถึง

“เฉินเอ๋อร์ รายงานว่าอย่างไรบ้าง?” ฮูหยินหลิวที่เดินออกมาจากเรือนเอ่ยถาม

“ไม่ต้องห่วง ท่านแม่ เพียงเรื่องเล็กน้อย” ลู่เฉินกล่าวอย่างคลุมเครือ เขาไม่ได้บอกรายละเอียด เพราะกลัวว่าแม่จะเป็นห่วง

“ก็ได้” ฮูหยินหลิวไม่ได้ถามต่อ แต่ก็ยังคงเป็นห่วง

“จ้าวเหลย มอบเงินสิบตำลึงให้ทหารผู้นี้ จากนั้นก็รีบบอกทุกคนในจวน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”

“ขอรับ!” จ้าวเหลยรีบไปปฏิบัติตามคำสั่ง

บรรยากาศในจวนตึงเครียด จางฉุยที่อยู่วังข้าง ๆ รีบวิ่งมาทันทีเมื่อได้ยินข่าว “น้องลู่ เกิดอะไรขึ้น?”

ลู่เฉินยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้เขาดู

จางฉุยหน้าซีดเผือด “เซียนหยุนเหอ บรรพชนหนึ่งในผู้ก่อตั้งสำนักชิงตัน ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ได้ยินมาว่าเขามีนิสัยใจร้อนและเป็นคนที่รับมือยากที่สุดของสำนักชิงตัน น้องลู่ เจ้าควรจะหลบไปก่อนตามที่จดหมายบอกน่าจะดีกว่า”

ลู่เฉินส่ายหน้าและถาม “เซียนหยุนเหอมีพลังระดับใด? ใช้อาวุธอะไรบ้าง?”

จางฉุยไม่รู้เรื่องนี้เลย

ถึงแม้ว่าลู่เฉินจะมีระบบช่วยเหลือ แต่เขาก็ต้องรู้จักศัตรูให้มากที่สุด เขารีบส่งยันต์สื่อสารพันลี้ไปยังภูเขาหมาง ขอให้พวกเขารวบรวมข้อมูลของเซียนหยุนเหอให้ได้มากที่สุด

คืนนั้น ลู่เฉินเดินเข้าห้องเงียบ ๆ เพียงลำพัง

เขามองดูเวลาฝึกฝน 113 ปีและตัดสินใจที่จะพัฒนาตัวเองอีกครั้ง

[ใช้ประสบการณ์บ่มเพาะกับ…]

“เคล็ดชีวิตนิรันดร์”

[ระยะเวลาฝึกฝน…]

“113 ปี”

[หลายปีหลังจากที่ท่านทะลวงสู่ระดับแก่นทองคำขั้นสอง ท่านเริ่มฝึกฝนอย่างหนักอีกครั้ง ปีแรก พรสวรรค์ของท่านยอดเยี่ยมมาก ท่านฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว]

[ปีที่สอง ท่านทะลวงสู่ช่วงกลางขั้นสอง]

[ปีที่สาม ท่านทะลวงสู่ช่วงปลายขั้นสอง]

[ปีที่สี่ ท่านทะลวงสู่ช่วงสูงสุดขั้นสอง ท่านไม่ลังเลที่จะทะลวงระดับต่อไป ในวันสุดท้ายของปี ท่านทะลวงสู่ระดับแก่นทองคำขั้นสามสำเร็จ แก่นทองคำของท่านแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ]

“เยี่ยมมาก!” ลู่เฉินแอบดีใจ รากวิญญาณเซียนสวรรค์ช่างไม่ธรรมดา ระดับแก่นทองคำใช้เวลาเพียงสี่ปีต่อหนึ่งขั้น นับว่าเร็วมาก!

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด