19 - กำจัดปืนกลบนยอดเขาให้ได้ก่อน..
"หัวหน้า! ไอ้พวกญี่ปุ่นมันทิ้งคนเจ็บไว้จริงๆ ด้วย ท่านรู้ได้ยังไงก่อนล่วงหน้า!"
เมื่อเห็นว่าพวกญี่ปุ่นทิ้งทหารบาดเจ็บไว้บนเนินเขาข้างทาง จงเฉิงจวิ้น ก็ยิ่งนับถือ หวงอวี่ จนหมดใจ
ก่อนหน้านี้หวงอวี่บอกว่า พวกญี่ปุ่นจะต้องทิ้งคนเจ็บไว้และเดินทางต่อโดยไม่แบกภาระ จงเฉิงจวิ้นไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นเดิมพันกระสุนสิบลูกกับหวงอวี่
ตอนแบ่งกำลัง จงเฉิงจวิ้นได้รับกระสุนห้าสิบลูก ส่วนหวงอวี่ซึ่งเป็นมือแม่นปืนที่สุดในกองที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยหลัง ได้รับการอนุมัติพิเศษให้พกกระสุนหนึ่งร้อยลูกจากผู้บังคับการ
จงเฉิงจวิ้นไม่ได้แย้งอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจของผู้บังคับการ เพราะเขาคิดว่ากระสุนพวกนั้นเป็นสิ่งที่หวงอวี่สมควรได้รับด้วยความสามารถของเขาเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อิจฉากระสุนพวกนั้น
เมื่อกองทัพแยกกัน จงเฉิงจวิ้นก็จ้องกระสุนของหวงอวี่อยู่ในใจ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพนันกับหวงอวี่
แม้จะเจ็บใจที่เสียกระสุนไปสิบลูก แต่จงเฉิงจวิ้นกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า
การที่พวกญี่ปุ่นทิ้งทหารบาดเจ็บไว้และแยกกำลัง เป็นโอกาสให้กองหนุนของพวกเขาได้จัดการกับกองทหารบาดเจ็บของศัตรู
ตราบใดที่หวงอวี่พาทุกคนกำจัดพวกศัตรูเหล่านั้นได้ กระสุนสิบลูกที่เขาเสียไปก็สามารถเก็บจากศัตรูมาเติมกลับได้เสมอ
แต่สิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุดตอนนี้คือ หวงอวี่รู้ได้อย่างไรว่าไอ้พวกญี่ปุ่นจะทิ้งทหารบาดเจ็บไว้
มันเหมือนกับว่าหวงอวี่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า และเดาความคิดของศัตรูได้ทะลุปรุโปร่งจนเหลือเชื่อ
“ไม่แน่นะ ถ้าเข้าใจดีๆ ข้าอาจจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากท่าน!”
หวงอวี่ไม่มีความคิดที่จะปิดบังใดๆ เมื่อเห็นจงเฉิงจวิ้นถามอย่างจริงใจ เขาจึงย้อนถามว่า
“เจ้าคิดว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้พวกญี่ปุ่นตามทันผู้บังคับการคืออะไร?”
“ก็ต้องเป็นความเร็วในการเดินทัพสิ!” จงเฉิงจวิ้นตอบอย่างมั่นใจ
“ใช่ ตอนหัวค่ำพวกมันกลัวว่าจะกลายเป็นเป้าสังหารของเรา เลยไม่กล้าจุดคบเพลิง”
“ผลก็คือความเร็วในการเดินทัพช้ามาก ผู้บังคับการเลยทิ้งระยะห่างได้ไกล!”
“เพื่อไม่ให้เสียเป้าหมาย พวกมันเลยต้องเสี่ยงจุดคบเพลิงเดินทัพ และตามผู้บังคับการทัน”
จงเฉิงจวิ้นตบหัวตัวเอง ก่อนจะร้องเสียงดังอย่างเข้าใจ
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
“ถ้าการไม่จุดคบเพลิงทำให้ความเร็วในการเดินทัพลดลง การมีคนเจ็บเยอะก็ทำให้ความเร็วลดลงเหมือนกัน!”
“ดังนั้นผู้บังคับการถึงให้เรายิงให้ศัตรูบาดเจ็บแทนที่จะฆ่าพวกมัน!”
“การสร้างคนเจ็บจำนวนมากให้พวกมัน จะเป็นการถ่วงความเร็วในการเดินทัพของพวกมัน”
“ถ้าพวกมันอยากรักษาความเร็วเพื่อไล่ตามผู้บังคับการ ก็ต้องยอมทิ้งคนเจ็บไว้!”
“นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก ตั้งแต่แรกก็วางกับดักให้พวกมันจนดิ้นไม่หลุด!”
“แต่แบบนี้ผู้บังคับการจะอันตรายนะขอรับ!”
“ถ้าไม่มีคนเจ็บมาถ่วง พวกมันต้องไล่ตามเร็วขึ้นแน่ๆ”
“ผู้บังคับการเองก็นำทรัพย์สินที่ยึดมาได้จำนวนมาก แถมยังถูกไล่ตามมาตลอดหกถึงเจ็ดชั่วโมง ไม่มีโอกาสได้พักหายใจเลย ถ้าพวกมันตามทันจะทำยังไง?”
หวงอวี่ตอบด้วยความมั่นใจ “เจ้าประเมินผู้บังคับการต่ำไปแล้ว!”
“ข้ามั่นใจแปดส่วนว่าในกองกำลังที่พวกมันไล่อยู่ตอนนี้ ไม่มีผู้บังคับการแล้ว”
“พวกเราชำนาญการรบกลางคืน การเดินทัพในความมืดก็เป็นเรื่องปกติ เจ้าคิดว่าผู้บังคับการจะเดินทัพโดยจุดคบเพลิง ให้พวกมันเห็นว่าอยู่ที่ไหนงั้นหรือ?”
“ข้าเข้าใจแล้ว นี่เป็นกลอุบายหลอกลวงของผู้บังคับการ...กองทัพที่จุดคบเพลิงเดินทัพ เป็นเพียงกองทัพหลอกที่ผู้บังคับการส่งออกไปดึงความสนใจพวกมัน ส่วนกองทัพหลักที่บรรทุกทรัพย์สินได้หนีไปไกลแล้ว!”
“อย่างนี้เราก็สบายใจได้ และมุ่งไปจัดการกับกองกำลังคนเจ็บของพวกมัน โดยไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้บังคับการ!”
“หัวหน้าขอรับ จากนี้พวกเราจะบุกยังไง สั่งมาได้เลย!”
จงเฉิงจวิ้นพูดจบ ก็มองเนินเขาเล็กๆ ที่พวกศัตรูบาดเจ็บยึดอยู่ด้วยแววตาคาดหวังเต็มเปี่ยม
"คืนนี้การรบเพื่อล้อมปราบนี้จะใช้เวลาไม่น้อยกว่าสามชั่วโมง!" ใบหน้าของหวงอวี่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที ขณะเฝ้าสังเกตเนินเขาและวิเคราะห์สถานการณ์
"นอกจากพวกทหารบาดเจ็บกว่าสี่สิบคนและหน่วยป้องกันที่เป็นกองกำลังขนาดเล็กแล้ว ไอ้พวกญี่ปุ่นยังมีปืนกลหนักหนึ่งกระบอกกับปืนครกหนึ่งกระบอก ตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งสามารถยิงกราดใส่กองกำลังที่พยายามบุกขึ้นไปได้จากที่สูง!"
"ถ้าเราอยากยึดเนินเขานี้ด้วยความสูญเสียให้น้อยที่สุด จำเป็นต้องจัดการปืนกลหนักและปืนครกบนยอดเขาให้ได้ก่อน!"
"กองหนุนของเรามีเพียงปืนกล 'ไหวปาจื่อ' หนึ่งกระบอกกับปืนยิงลูกระเบิดหนึ่งกระบอก หากปะทะกันซึ่งๆ หน้า คงไม่มีทางสู้พวกมันได้ จำเป็นต้องใช้แผนลวง!"
"ให้ทหารเก่าสามนายคอยซุ่มโจมตีพวกญี่ปุ่นตามทางไปเรื่อยๆ ทำให้พวกมันคิดว่ากำลังไล่เป้าหมายที่ถูกต้องอยู่ และพยายามพาพวกมันให้ไกลจากที่นี่มากที่สุด"
"ส่วนคนที่เหลือ ให้ค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้เนินเขา เตรียมพร้อมโจมตีพวกทหารบาดเจ็บของศัตรู!"
คิชิทานิ ทาโร่ หัวหน้าผู้รับหน้าที่คุ้มกันทหารบาดเจ็บ เป็นคนรอบคอบมาก โยชิดะ มาซาอิจิ ยังได้กำชับเขาก่อนออกเดินทางว่าให้เพิ่มความระมัดระวัง และห้ามทิ้งเนินเขาโดยง่าย
ทันทีที่กองกำลังหลักออกเดินทางไป คิชิทานิก็เริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น เขาถือกล้องส่องทางไกลส่องมองที่ต่ำ เดินวนรอบยอดเขาอย่างระแวดระวัง สอดส่องทุกต้นไม้ใบหญ้า เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีทหารแปดเส้นทางซุ่มอยู่ใกล้ตีนเขา
แต่หลังจากเดินสำรวจมานานถึงสองชั่วโมง ก็ไม่พบร่องรอยของทหารแปดเส้นทางเลยแม้แต่น้อย เขาเริ่มเหนื่อยและผ่อนคลายความระวัง ก่อนจะเอนตัวพักพิงอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่
ทันใดนั้น "บึ้ม!" เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นบนยอดเขา ท่ามกลางเปลวไฟสว่างจ้า ทหารญี่ปุ่นสองนายที่เป็นทหารปืนครกถูกแรงระเบิดอัดจนกระเด็นและแน่นิ่งไปในทันที
คิชิทานิ ตกใจจนตัวสั่น รีบลืมตาขึ้นมองไปยังยอดเขา
สายตาของเขาเบิกโพลงทันที พลางตะโกนเสียงหลง "เกิดอะไรขึ้น! ทำไมพื้นที่ปืนครกบนยอดเขาถึงเกิดระเบิด!"
"เป็นปืนยิงลูกระเบิดขอรับ!" ทหารบาดเจ็บนายหนึ่งร้องบอก
"ข้าเห็นแสงไฟจากการยิงลูกระเบิดที่ระยะ 300 เมตรตรงนั้นแน่ๆ ต้องมีพวกแปดเส้นทางซ่อนตัวอยู่!"
"ปืนกลเบาปืนกลหนัก รีบตอบโต้ ยิงพวกมันที่นั่นให้หมด เปิดฉากยิง!" คิชิทานิที่ตกใจอยู่ในทีแรก รีบตั้งสติแล้วสั่งการด้วยความมั่นใจ
ระยะ 300 เมตรแม้จะไกล แต่ก็ยังอยู่ในระยะยิงที่มีประสิทธิภาพของปืนกลทั้งเบาและหนัก
ด้วยความได้เปรียบจากที่สูง หากสามารถระบุตำแหน่งเป้าหมายได้ พวกเขาสามารถกำจัดศัตรูได้ไม่ยาก
"ปัง! ปัง! ปัง!"
ปืนกลเบาและปืนกลหนักทั้งสี่กระบอกพ่นลำแสงเพลิงออกมาทันที โดยเฉพาะปืนกลหนักบนยอดเขาที่พ่นลำแสงยาวถึงสองฟุต ดูสว่างจ้ากลางความมืดของยามค่ำคืน
เพียงชั่วพริบตา ปืนกลทั้งสี่กระบอกก็ยิงกระสุนออกไปนับร้อยนัด
โดยเฉพาะปืนกลหนักที่ยิงต่อเนื่องจนกระสุนสองแผ่นหมดในรวดเดียว
ถ้าตอนนี้เป็นเวลากลางวัน คิชิทานิ คงได้เห็นภาพที่พื้นที่เป้าหมายถูกยิงกระหน่ำจนราบเป็นหน้ากลอง
แต่ทหารแปดเส้นทางที่เขาหมายจะกำจัดกลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลย
หลังจากยิงลูกระเบิดเสร็จ พวกเขารีบล่าถอยออกจากจุดซ่อนตัวภายใต้การปกป้องของก้อนหิน และระหว่างทางยังคงจับตาดูตำแหน่งของปืนกลหนักของศัตรูอย่างแม่นยำอีกด้วย!
(ขอทุกท่านช่วยสนับสนุน โปรดติดตามตอนต่อไป ขอบคุณค่ะ)