ตอนที่แล้วบทที่ 595 แช่แข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 597 ต่างฝ่ายต่างไม่พอใจ

บทที่ 596 เรือบรรทุกเครื่องบิน


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 596 เรือบรรทุกเครื่องบิน

“ขัดขวางเหรอ?”

ฟอลคอนดึงผ้าห่มห่มร่างกายแน่น ตัวสั่นด้วยความหนาว มองเหล่าอเวนเจอร์สในค่ายพักด้วยสายตาหมดหวัง พูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ว่า “ขอโทษนะ กัปตัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณท้อ แต่คุณคิดจริง ๆ เหรอครับว่า อเวนเจอร์สจะหยุด【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】สัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ มันใหญ่กว่าหลายร้อยเมตรนะ”

“จากข่าวล่าสุดจากแคนาดา 【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】ตัวนั้นใหญ่กว่าสองร้อยเมตรแน่นอน แค่ขยับตัวก็เป็นหายนะครั้งใหญ่ของมนุษยชาติแล้ว ยังไม่นับพลังเปลวไฟที่น่ากลัวอีก”

โทนี่ขมวดคิ้ว หน้าเครียด พูดพลางอ้างอิงข้อมูลที่จาร์วิสรวบรวมมา

“พูดแล้วก็แปลก ทำไมเต่าทะเลขนาดยักษ์ที่โผล่มาจากทะเลถึงพ่นไฟได้ล่ะ?”

ด็อกเตอร์แบนเนอร์ฟังโทนี่จบก็อดสงสัยไม่ได้ พูดออกไปตามสัญชาตญาณนักวิจัย

เพราะรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นกระดองหลังขนาดใหญ่หรือรูปร่าง 【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】ก็ดูเหมือนเต่าทะเลมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่กลับใช้การพ่นไฟโจมตีแทนการพ่นน้ำ

“เรื่องนี้ ฉันเคยได้ยินป๋าเล่าว่า เอกสารโบราณเรียก【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】ว่าปีศาจแห่งไฟ นี่อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมมันถึงพ่นไฟได้ และภารกิจที่นิวเม็กซิโกครั้งนั้น ยันต์ทั้งสองชิ้นก็แสดงพลังระเบิดด้วยไฟออกมาด้วย”

นาตาชาหวนนึกถึงบทสนทนาที่เคยคุยกับป๋า แล้วตอบกลับไปว่า

“อืม”

แบนเนอร์เงยหน้ามองนาตาชา แล้วก็ยกไหล่ขึ้นเล็กน้อย

ถึงแม้คำอธิบายของนาตาชาก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้แบนเนอร์เข้าใจว่า ทำไม【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】ที่รูปร่างคล้ายสัตว์ทะเลถึงมีพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดคือการพ่นไฟ แต่เมื่อนึกถึงเวทมนตร์ที่ป๋ามักพูดถึง แบนเนอร์ก็ต้องสรุปว่า คำตอบของข้อสงสัยทั้งหมดล้วนเกิดจากเวทมนตร์วิเศษนั่นเอง

“เฮ้ พวกคุณ ผมว่าตอนนี้ปัญหาสำคัญที่สุด ไม่ใช่การถกเถียงกันเรื่องต้นกำเนิดของ【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】หรอกนะ……”

เห็นว่าเหล่าอเวนเจอร์เริ่มคุยเรื่อง【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】ออกทะเล แซมจึงต้องเอ่ยขึ้นมา เพื่อดึงให้กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง

“ถึงแม้พวกคุณจะรู้ต้นกำเนิดของ【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】 มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับการต่อสู้ที่จะมาถึงหรอก”

“คุณพูดถูก แซม”

สตีฟรับไม้ต่อจากฟอลคอน แล้วหันไปมองทุกคน ใบหน้าเคร่งเครียด เขาพูดว่า “การต่อสู้ครั้งต่อไป อาจจะเป็นการต่อสู้ที่อันตรายที่สุดเท่าที่เหล่าอเวนเจอร์เคยเผชิญมา”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น แค่พวกเรากี่คน มันน้อยเกินไปไหม?”

แบนเนอร์ฟังคำพูดหนักแน่นของกัปตันอเมริกาจบ ก็เหลือบมองเหล่าอเวนเจอร์ที่อยู่รวมกันไม่กี่คน จึงเอ่ยขึ้นว่า

“แน่นอนว่าไม่ใช่แค่พวกคุณหรอกนะ!”

และในขณะที่คำพูดของแบนเนอร์ยังตกตะกอน เสียงใส ๆ ก็ดังขึ้นมาในค่ายพักทหารของเหล่าอเวนเจอร์

พวกเขาต่างจ้องมองไปยังประตูค่ายพักที่ถูกเปิดออก ร่างที่ห่อหุ้มอย่างมิดชิดปรากฏขึ้นต่อหน้าเหล่าอเวนเจอร์

“เฮ้อ~”

เมื่อเข้ามาในเต็นท์ค่ายพักแล้ว หลบร่มเงาจากแสงแดด ร่างนั้นก็ถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าอันสง่างามของเจ้าหน้าที่คาร์เตอร์

“ฉันเกลียดแสงแดด ฉันรู้สึกเหมือนใช้พลังไม่ได้เลยเวลาอยู่กลางแดด”

คาร์เตอร์บ่นเรื่องแสงแดดที่ทำร้ายเธอในฐานะแวมไพร์ไปพลาง พลางใช้สายตาสำรวจเหล่าอเวนเจอร์ที่อยู่ในเต็นท์ สายตาของเธอหยุดอยู่ที่สตีฟชั่วครู่ก่อนจะไปตกอยู่ที่แซม แล้วพูดว่า “แซม ไอ้คนที่คุณพูดถึงน่ะ หายากเอาเรื่องเลยนะ”

“ฉันใช้เวลาและความพยายามมากมายกว่าจะชักชวนให้เขามาช่วย ด้วยความช่วยเหลือจากฮิลด์”

พูดจบ เจ้าหน้าที่คาร์เตอร์ก็หันไปมองด้านหลัง ส่ายหัวแล้วตะโกนว่า “เข้ามาได้แล้ว”

“เอ่อ… สวัสดีครับทุกคน…”

เสียงเจ้าหน้าที่คาร์เตอร์ยังไม่ทันจะเลือนหายไป สกอตต์แลง ในชุดแอนท์แมนก็ยิ้มแหย ๆ หน้าตึงเครียด ยกมือไหว้เหล่าอเวนเจอร์สอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

“นี่น่ะเหรอไอ้คนที่คุณพูดถึง?”

โทนี่มองชุดมดคนของสกอตต์แลง แล้วหันไปถามฟอลคอนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“อย่าไปดูถูกเขาจากภายนอกสิ”

ฟอลคอนพยักหน้ามองสกอตต์แลง นึกถึงตอนที่เคยต่อสู้กับเขา จึงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “พลังของเขาน่ะมันจัดการได้ยุ่งยากมากเชียวนะ”

สกอตต์แลง อดีตโจรผู้ลักเล็กขโมยน้อย ปัจจุบันคือแอนท์แมน ถูกเหล่าอเวนเจอร์สจับจ้องอยู่ เขายังทำตัวไม่เป็นธรรมชาติ ขยับไปมาเล็กน้อยในชุดแอนท์แมน แล้วไอออกมาหนึ่งที พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อยว่า “จริง ๆ แล้วตอนที่อเวนเจอร์สติดต่อผมครั้งแรก ผมยังไม่ค่อยเชื่อเลย เพราะนี่มันอเวนเจอร์สนะ ซูเปอร์ฮีโร่ที่เห็นได้จากทีวีหรือข่าวสารอยู่บ่อย ๆ ลูกสาวผม เคซี่ ยังมีของเล่นไอรอนแมนเลย ถึงจะเป็นของปลอมก็เถอะ แต่เคซี่ก็รักมาก เอาไปไว้ข้าง ๆ ของเล่นที่ผมให้เธอ…”

“ตายจริง! ออกจากบ้านมาลืมบอกเคซี่เรื่องเข้าร่วมอเวนเจอร์สซะแล้ว! ยิ่งกว่านั้นยังไม่ได้บอกแม็กกี้เลย ถ้ารู้มีหวังโดนบ่นจนตัวโก่งแน่ ๆ”

พูดถึงคนรักของตัวเองแล้ว อารมณ์ตึงเครียดของสกอตต์แลงก็คลายลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงกับเริ่มเล่าเรื่องส่วนตัวให้เหล่าอเวนเจอร์ฟังไม่หยุดปาก

“ขอโทษนะ คุณ...”

เห็นสกอตต์แลงพูดอย่างตื่นเต้น ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โทนี่จึงต้องเอ่ยขัด

“สกอตต์แลง ผมชื่อสกอตต์แลงครับ ลูกสาวผมชอบคุณมาก ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณจะช่วยเซ็นต์ชื่อให้ผมได้ไหมครับ?”

“ขอบคุณนะ คุณสกอตต์แลง”

โทนี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย มองสกอตต์แลงที่อารมณ์เริ่มคุกรุ่นอยู่ตรงหน้า แล้วตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“แต่ผมต้องเตือนคุณหน่อยนะ คุณไม่ได้เข้าร่วมอเวนเจอร์ส ที่จริงเราแค่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณเท่านั้น”

“อ๋อ ผมตื่นเต้นเกินไปหน่อย”

คำพูดของโทนี่ราวกับน้ำเย็นที่ราดลงหัวใจที่กำลังลุกโชนของสกอตต์แลง

ในเต็นท์ สกอตต์แลงเบิกตาโพลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ แล้วพูดเยาะเย้ยตัวเองว่า “ผมก็บอกแล้วไงว่า อเวนเจอร์สจะไปต้องการอดีตนักโทษอย่างผมได้ยังไง ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความคิดเพ้อฝันของผมเองซะมากกว่า”

“คุณสกอตต์แลงครับ”

เห็นท่าทีของโทนี่ทำร้ายจิตใจสกอตต์แลง สตีฟจึงเหลือบมองอย่างลังเล ก่อนจะเอ่ยปลอบใจว่า “อดีตของคุณมันไม่ได้หมายความว่าอนาคตของคุณจะเป็นแบบนั้น ถึงแม้ว่าคุณเคยเป็นอาชญากรมาก่อน แต่ตอนนี้คุณก็ได้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ช่วยเหลือผู้คนแล้ว ผมว่าเคซี่ ลูกสาวของคุณก็ต้องชื่นชมคุณเหมือนกับที่ชื่นชมโทนี่แน่ ๆ”

“คุณพูดถูกครับ กัปตัน”

ด้วยอิทธิพลของรัศมีกัปตันอเมริกา ความรู้สึกหดหู่ของสกอตต์แลงที่เกิดจากคำพูดของโทนี่ก็ค่อย ๆ คลายลง

“พวกเจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า?”

ขณะที่เหล่าอเวนเจอร์และสกอตต์แลงกำลังสนทนากันอย่างสนุกสนานอยู่ภายในเต็นท์

ร่างกายกำยำของใครบางคนในกลุ่มที่อยู่ด้านนอกก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป และตรงดิ่งเข้ามาในเต็นท์

“ธอร์?!”

เมื่อเห็นเงาร่างคุ้นเคยที่บุกเข้ามาในเต็นท์ เหล่าอเวนเจอร์ต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ

“ขอโทษนะ เดินตากแดดนานเกินไปจนลืมไปเลย”

เมื่อเห็นธอร์บุกเข้ามา เจ้าหน้าที่คาร์เตอร์ก็เหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ จึงหันไปพูดกับทุกคน

“คนที่ฉันไปขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่แค่สกอตต์แลงคนเดียวหรอกนะคะ”

เสียงของเจ้าหน้าที่คาร์เตอร์ยังคงก้องอยู่ในอากาศ ร่างของผู้คนมากมายที่รออยู่ด้านนอกรีบเดินตามธอร์ที่ร้อนรนเข้าไปในเต็นท์

……

ตูมมม——

ตูม——

แคนาดา เมืองท่าเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

แรงระเบิดครั้งใหญ่พร้อมเปลวเพลิงสีแดงฉานราวกับเลือด ได้เผาผลาญท้องฟ้าของเมือง

ภายใต้การทำลายล้างของ【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】 เมืองเล็ก ๆ ที่เคยรุ่งเรืองกลับกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง

ตูม!

มันอ้าปากพ่น【ลูกไฟพลาสม่า】ขนาดมหึมา จุดชนวนรถบรรทุกน้ำมันที่อยู่ห่างออกไป ทำให้เกิดระเบิดและเปลวเพลิงที่รุนแรงยิ่งขึ้น ใต้แสงไฟที่โหมกระหน่ำ 【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】สะบัดตัวเล็กน้อย เพียงแค่หางปัดเบา ๆ ครั้งเดียวก็ทำให้ตึกหลังหนึ่งพังราบเป็นหน้ากลอง

ภายในร้านขายของโบราณ ไรอันได้เรียนรู้ถึงพลังทำลายล้างอันมหาศาลของการ์ดตัวละครระดับ A นั่นคือ【กาเมร่า】อย่างถ่องแท้

พลังที่หาตัวจับยากนี้ เหนือกว่าพลังของการ์ดใบอื่น ๆ ที่เขาเคยได้มาทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น ไรอันรู้สึกว่าแม้แต่ชูคาคุที่แปลงร่างมาจาก【กาอาระ】ซึ่งมีความสามารถในการทำลายล้างในวงกว้าง ก็ไม่มีทางต้านทาน【กาเมร่า】สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้ได้เลย

ดูเหมือนว่าตัวตนของ【กาเมร่า】นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการทำลายล้างโดยเฉพาะ

แสงไฟลุกโชนสะท้อนให้เห็นรูปร่างของ【กาเมร่า】ในบท【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】ที่ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นไปอีก ดวงตาสีแดงก่ำฉายแววโกรธแค้นอย่างที่สุด 【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】มองไปรอบ ๆ เมืองเล็ก ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นคำรามกึกก้องไปทั่ว ทันใดนั้นมันก็อ้าปากกว้าง พลังงานน่าสะพรึงกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในพริบตา

【ลูกไฟพลาสม่าพลังงานสูง】

เปลวเพลิงน่าหวาดหวั่นเผาไหม้เมืองเล็ก ๆ รอบตัว【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】ให้กลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตาเดียว

ถึงแม้ว่าชาวเมืองจะอพยพออกไปหมดแล้วก่อนที่【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】จะมาถึง ตามคำสั่งของกองทัพแคนาดา แต่พลังของ【จ้าวศักดิ์สิทธิ์】ก็ยังทำลายความพยายามอย่างหนักของชาวเมืองหลายชั่วอายุคนให้กลายเป็นเพียงความสูญเปล่าในพริบตา

“โอ้ พระเจ้า!”

ในขณะเดียวกัน บนเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ห่างจาก “จ้าวศักดิ์สิทธิ์” ออกไปหลายสิบไมล์ แรงระเบิดและคลื่นความร้อนจาก “ลูกไฟพลาสม่าพลังงานสูง” ทำให้ตัวเครื่องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้ ช่างภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ CBC ของแคนาดาบนเฮลิคอปเตอร์ก็ยังคงพยายามอย่างสุดชีวิต บันทึกภาพ “จ้าวศักดิ์สิทธิ์” ที่กำลังพ่น “ลูกไฟพลาสม่าพลังงานสูง” ออกมา

และด้วยการถ่ายทอดสด เหตุการณ์นี้จึงถูกส่งไปทั่วทุกมุมโลกในทันที

ทั่วโลกได้ร่วมเป็นสักขีพยานถึงพลังทำลายล้างมหาศาลของ “ลูกไฟพลาสม่าพลังงานสูง” ในเวลาเดียวกัน

……

ใสขณะนั้นเอง ณ มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ

กองเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดมหึมา กำลังแล่นเข้าใกล้แคนาดาอย่างต่อเนื่อง

“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

บนเรือยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมน กัปตันคาวอน·ฮากิมซาเดห์รับฟังข้อมูลข่าวกรองจากเพนตากอนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะวางสายไป

ทางเพนตากอนแจ้งข่าวร้ายแก่กัปตันคาวอน ฮากิมซาเดห์ ว่ากองทัพของพลเอกโรเซอเวลต์พินาศย่อยยับหมดสิ้น

ถึงแม้ในกองทัพจะมีความขัดแย้งกันบ้างเพราะความแตกต่างทางฝ่าย และในฐานะทหารเรือ กัปตันคาวอน ฮากิมซาเดห์ กับพลเอกโรเซอเวลต์ก็ไม่ค่อยลงรอยกันนัก แต่ข่าวร้ายที่ว่ากองทัพบกถูกทำลายราบคาบก็ทำให้กัปตันคาวอน ฮากิมซาเดห์ ผู้บัญชาการเรือยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมนถึงกับอึ้งไปเลย

การพ่ายแพ้ของกองทัพพลเอกโรเซอเวลต์หมายความว่าตอนนี้มีเพียงกองเรือบรรทุกเครื่องบินที่เขาบัญชาการเท่านั้นที่เหลือกำลังรบ

ถึงเพนตากอนจะแจ้งข่าวกรองเกี่ยวกับอเวนเจอร์สมาด้วย

แต่เช่นเดียวกับพลเอกโรเซอเวลต์ กัปตันคาวอน ฮากิมซาเดห์ก็ไม่ไว้ใจเหล่าซูเปอร์ฮีโร่นั่นเช่นกัน

“บอกลูกเรือให้เร่งเครื่องเต็มกำลัง!”

“รับคำสั่งครับกัปตัน”

กัปตันคาวอน ฮากิมซาเดห์ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดข่าวกรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งให้เร่งเครื่องเต็มกำลัง

การที่กัปตันคาวอน ฮากิมซาเดห์ขึ้นเป็นกัปตันของเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างเรือยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมนได้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

ความจริงแล้ว ก็ดูได้จากชื่อของเขา คาวอน ฮากิมซาเดห์ นั่นเอง

คาวอน ฮากิมซาเดห์ มีเชื้อสายเปอร์เซียครึ่งหนึ่ง ทำให้เส้นทางการเลื่อนยศในกองทัพสหรัฐฯ ของเขามีอุปสรรคแฝงอยู่เสมอ แม้จะไม่ชัดเจนนัก เหตุนี้จึงทำให้เขาต้องแสดงความจงรักภักดีต่อสหรัฐฯ อย่างเด็ดเดี่ยวมากขึ้น เพื่อยืนหยัดในจุดยืนของตน

ขณะเดียวกัน เขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส แฮร์รี เอส. ทรูแมน ซึ่งเขาเป็นผู้บัญชาการอยู่ในเวลานี้

เรือลำนี้เริ่มก่อสร้างในปี 1981 ลงน้ำในปี 1984 และเข้าประจำการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1986 นับเป็นหนึ่งในเรือบรรทุกเครื่องบินที่ยังประจำการอยู่ในกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่อายุน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนิมิตซ์รุ่นก่อน ๆ เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้มีขนาดและคุณลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน้ำหนักบรรทุก พื้นที่ภายใน และขนาดของห้องต่าง ๆ

ดาดฟ้าบินออกแบบเป็นแบบปิด ประกอบด้วยดาดฟ้าลาดเอียงและดาดฟ้าตรง รวมพื้นที่มากกว่าสนามฟุตบอลถึงสองสนาม มีรูปทรงหลายเหลี่ยมที่ไม่สม่ำเสมอ ดาดฟ้าเก็บเครื่องบินกว้างใหญ่ ยาว 208 เมตร กว้าง 33 เมตร สูง 7.6 เมตร จุเครื่องบินได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนเครื่องบินทั้งหมดที่ได้รับมอบหมาย เหนือดาดฟ้าเก็บเครื่องบินแบ่งเป็น 9 ชั้น สูงจากกระดูกงูเรือถึงยอดเสา 76 เมตร เสมือนสนามบินขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนผืนทะเล

เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการโจมตีจากขีปนาวุธและตอร์ปิโด ตัวเรือและดาดฟ้าของเรือบรรทุกเครื่องบินจึงสร้างจากเหล็กกล้าอัลลอยคุณภาพสูง แผ่นเหล็กด้านข้างเรือหนาถึง 64 มิลลิเมตร เรือลำนี้ยังใช้โครงสร้างป้องกันแบบหลายชั้น ติดตั้งผนังกั้นน้ำ 23 ผนัง และผนังกั้นไฟ 10 ผนัง แบ่งเป็นห้องแยกย่อยมากกว่า 2,000 ห้อง โครงสร้างเหล็กเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนา ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ทำให้ตัวเรือปิดสนิทและมีความสามารถในการอยู่รอดสูงมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ไม่ได้อยู่แค่ที่ตัวเรือ แต่ยังรวมถึงเรือรบจำนวนมากที่คุ้มกันอยู่โดยรอบ และเครื่องบินที่บรรทุกอยู่บนเรือ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เรือลำนี้แข็งแกร่ง ทั้งยังมีกำลังรบสูง

คาวอน·ฮากิมซาเดห์ ผู้บัญชาการเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ จึงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมต่อการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น

(จบตอน)

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด