บทที่ 35 กองทัพเทียนฉิง
บทที่ 35 กองทัพเทียนฉิง
เสิ่นชิวนอนเหยียดตัวบนเตียง สายตามองเพดานเหนือหัว เมื่อได้ผ่อนคลายลง ความเหนื่อยล้าที่ซ่อนเร้นก็พลันกลับมาอีกครั้ง แม้จะรู้สึกดีขึ้นหลังจากรับการรักษา แต่การฟื้นฟูสมบูรณ์ยังต้องการการพักผ่อนอีกมาก
เขากำลังจะหลับตาพักสักครู่ แต่ภาพบางอย่างวูบขึ้นมาในหัวจนต้องลุกขึ้นนั่ง เขาคิดอะไรบางอย่างก่อนจะลุกไปอาบน้ำ จากนั้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อโค้ทยาวสีดำมาใส่ พร้อมกับหยิบกระเป๋าเงินสดออกมา
เสิ่นชิวดึงเงินห้าหมื่นจากในกระเป๋า ใส่ถุงสีดำเตรียมไปที่ สถานสงเคราะห์เซิ่งอิน ความทรงจำวัยเด็กทำให้เขาเปลี่ยนแผนการพักผ่อน มาเป็นการเดินทางแทน
ครั้งหนึ่งในอดีต สถานสงเคราะห์เคยเจอวิกฤติทางการเงินเช่นนี้ เขาและเด็ก ๆ คนอื่น ๆ ต้องอดทนต่อความหิวโหยทุกวัน และเฝ้ารอความช่วยเหลือจากคนใจบุญอย่างไร้ความหวัง วันเหล่านั้นเจ็บปวดและยากจะลืม
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ เสิ่นชิวเดินออกจากชุมชน มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟใต้ดินใกล้เคียง เขาโดยสารรถไฟสาย 17 ที่ปัจจุบันมีผู้โดยสารเบาบางจนดูเงียบเหงา
เสิ่นชิวนั่งใกล้ประตูรถไฟ รอฟังเสียงประกาศ:
“เรียนผู้โดยสารประจำขบวน ประตูจะปิดในไม่ช้า ปลายทางสถานี ไห่เฉียว”
ระหว่างนั่งอยู่ เขาหาวด้วยความเหนื่อย ห้องพักพิเศษของสถานสงเคราะห์อยู่บริเวณชายขอบพื้นที่ที่ 10 ซึ่งไม่มีรถไฟใต้ดินเข้าถึงโดยตรง หลังลงที่สถานีปลายทาง เขายังต้องต่อรถบัสด่วนอีกทอดหนึ่ง
52 นาทีต่อมา เสิ่นชิวลงจากสถานีรถไฟใต้ดินและเดินไปยังจุดจอดรถบัสประจำทาง รถบัสสาย 114 มาถึงทันทีที่เขาก้าวถึงป้าย เขารีบขึ้นรถและเลือกที่นั่งใกล้หน้าต่าง
ไม่นานนัก มีชายหนุ่มคนหนึ่งมานั่งข้างเขา ชายคนนี้ดูสุภาพ ใส่เสื้อเชิ้ตขาว มือถือช่อกุหลาบแดง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ชัดเลย ไปนัดเดต” เสิ่นชิวคิดในใจ พร้อมอมยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นพลังชีวิตของคนหนุ่ม
รถบัสเต็มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเริ่มออกเดินทาง เสิ่นชิวมองออกไปนอกหน้าต่าง สิ่งปลูกสร้างเรียงรายผ่านสายตา เขต พื้นที่ที่ 10 แตกต่างจาก พื้นที่ที่ 7 อย่างชัดเจน ด้วยตึกแถวราคาประหยัดและถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน
เสียงเด็กชายตัวเล็กในเสื้อยืดลายการ์ตูนดังขึ้นจากด้านหลัง
“แม่! ดูสิ รถหุ้มเกราะมาแล้ว!”
เสิ่นชิวสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองตามเด็กชาย เขาเห็นรถถังและยานเกราะติดอาวุธหลายคันแล่นอยู่บนถนน ขณะที่ในอากาศมีเฮลิคอปเตอร์ SID-02 บินผ่าน บนอุปกรณ์ทุกชิ้นมีสัญลักษณ์ นกแห่งสันติภาพ เด่นชัด
“นี่มันอะไรกัน?” เสิ่นชิวอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นกองกำลังนี้
“กองทัพเทียนฉิง” ปรากฏตัวในพื้นที่นี้ ซึ่งปกติแทบไม่มีใครได้เห็นพวกเขา กองทัพนี้เป็นหน่วยรบพิเศษของ เมืองฉิงคง และไม่เคยออกปฏิบัติการในสถานการณ์ปกติ
ผู้โดยสารในรถเริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น:
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงกับต้องเอากองทัพมาด้วย”
“คงเกี่ยวกับมาตรการควบคุมพิเศษในเมืองฉิงคง นายไม่เคยได้ยินเหรอ?”
“ไม่เคยสิ มีอะไรเกิดขึ้น?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจนัก แต่การตรวจคนเข้าเมืองเข้มงวดขึ้นมาก หากไม่มีคนค้ำประกัน การสมัครเข้าเมืองจะถูกปฏิเสธหมด แต่ถ้าออกจากเมืองจะผ่อนปรนหน่อย”
“งั้นอย่าเพิ่งออกไปเลย ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น”
การสนทนาขาดช่วงไป เมื่อรถบัสจอดกะทันหัน เสิ่นชิวมองไปข้างหน้าเห็นว่าทางแยกด้านหน้า ถูกตั้งด่านตรวจโดยกลุ่มทหารติดสัญลักษณ์ นกแห่งสันติภาพ
“เกิดอะไรขึ้น?” เสียงผู้โดยสารหลายคนถามอย่างสงสัย
คนขับรถหันมาปลอบใจ:
“อย่าตกใจไปครับ พอตรวจเสร็จแล้ว เราจะได้เดินทางต่อ”
ไม่นาน ประตูรถบัสเปิดออก หัวหน้าทีมในเครื่องแบบสีฟ้า ผู้มีท่าทางสุขุมและหน้าตาหล่อเหลา ก้าวขึ้นมาพร้อมกับลูกทีมอีกสามคน
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ
“ทุกท่านอย่าตกใจ ผมคือ จ่าหลี่เยี่ยน จากกองทัพเทียนฉิง เรากำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบยานพาหนะที่ผ่านไปมา ขอให้ทุกท่านให้ความร่วมมือด้วยครับ”
เสียงตอบรับจากผู้โดยสารดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“ไม่มีปัญหา”
“เป็นหน้าที่ที่ต้องร่วมมืออยู่แล้ว”
ผู้โดยสารทุกคนตอบกลับด้วยความเข้าใจและให้ความร่วมมือ ไม่มีใครแสดงความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย
จ่าหลี่เยี่ยนกล่าวต่อ
“ขอบคุณทุกท่าน ขอให้ทุกคนเตรียมบัตรประจำตัว หากมีใครที่เข้ามาในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต หรืออยู่เกินกำหนดเวลา ขอให้แจ้งตัวเองออกมา”
ทุกคนในรถต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครลุกขึ้น เสิ่นชิวเองก็หยิบบัตรประจำตัวออกมาจากกระเป๋าอย่างเงียบ ๆ เช่นเดียวกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ
ทีมของจ่าหลี่เยี่ยนนำอุปกรณ์เฉพาะออกมา ตรวจสอบบัตรประจำตัวของทุกคนอย่างสุภาพและมืออาชีพ
เมื่อถึงคิวของแม่ลูกคู่หนึ่ง เด็กชายตัวเล็กในชุดการ์ตูนมองหลี่เยี่ยนด้วยแววตาชื่นชม
“ลุงครับ ลุงเท่มากเลยครับ! ผมอยากเป็นฮีโร่เหมือนลุงเมื่อโตขึ้น”
จ่าหลี่เยี่ยนยิ้มอย่างอบอุ่น พลางลูบศีรษะเด็กชายเบา ๆ
“ลุงเชื่อว่าเธอทำได้แน่นอน”
เด็กชายมองจ่าหลี่เยี่ยนด้วยความหวัง
“ลุงครับ ผมขอถ่ายรูปกับลุงได้ไหม?”
จ่าหลี่เยี่ยนตอบอย่างสุภาพ
“ขอโทษที ตอนนี้ลุงกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าแน่นอน”
แม่ของเด็กชายรีบกล่าวขอโทษ
“ขอโทษนะคะ เด็กยังไม่ค่อยรู้เรื่อง หวังว่าจะไม่รบกวนคุณ”
“ไม่เป็นไรเลยครับ” หลี่เยี่ยนตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
เสิ่นชิวมองฉากนี้ด้วยความรู้สึกอบอุ่น ภาพลักษณ์ของกองทัพเทียนฉิงในสายตาของเขาดีขึ้นอีกระดับ กองทัพนี้เป็นที่ยอมรับและชื่นชมของประชาชนในเมืองฉิงคง เขาเองเคยคิดจะสมัครเข้ากองทัพเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่เพราะปัญหาด้านสุขภาพจิต ทำให้เขาไม่ผ่านการคัดเลือก
สิบกว่านาทีต่อมา การตรวจสอบเสร็จสิ้น จ่าหลี่เยี่ยนทำความเคารพผู้โดยสารและกล่าว
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ”
“ขอบคุณมากค่ะ/ครับ” ผู้โดยสารต่างโบกมือกล่าวลา
รถบัสเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง เสิ่นชิวนั่งนิ่ง มองวิวภายนอกอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงต่อมา รถจอดที่ ถนนเซิ่งอิน คนขับประกาศ
“ถึงสถานีปลายทางแล้วครับ!”
เสิ่นชิวลุกขึ้น เดินตามฝูงชนไปยังทางออก เมื่อเขาก้าวลงจากรถ ก็พบกับหญิงสาวในชุดเสื้อไหมพรมสีขาว หน้าตาสะสวย ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์
“เสี่ยวเซี่ย!”
“จ้าวซง!”
ชายหนุ่มที่นั่งข้างเสิ่นชิวก่อนหน้านี้ รีบก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับช่อดอกไม้ในมือ ทั้งสองโอบกอดกันด้วยความสุข…
..........