ตอนที่แล้วบทที่ 32 ทำเอาแทบหมดแรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 ดอกไม้แห่งดวงดาว

บทที่ 33 การสอบสวน


บทที่ 33 การสอบสวน

ไม่นานนัก เสิ่นชิวเดินออกมาจากคลินิก มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า

ยามเช้าบนถนนมีผู้คนเดินผ่านไปมาบ้างประปราย และในบางครั้งก็เห็นเหล่าผู้พิทักษ์เดินลาดตระเวน

ร้านค้าที่เรียงรายตามถนนเปิดอยู่เพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือยังคงปิดเงียบ

เสิ่นชิวเหลือบตามองรอบๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังชุมชนที่พัก

ไม่นาน ลิฟต์ของอาคารหมายเลข 4 ชั้น 4 ในหมู่บ้านเซียงหยวนเปิดออก

เสิ่นชิวก้าวออกจากลิฟต์และเดินไปยังบ้านของเขา แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องหยุดชะงัก

เขาสังเกตเห็นชายสองคนในชุดเครื่องแบบลายดำสลับของแผนก KPI ยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเขา

ชายคนหนึ่งดูมีอายุประมาณสามสิบปี ใบหน้าแสดงความสุขุม ส่วนอีกคนดูอายุน้อยกว่า ใบหน้าสะอาดสะอ้าน

“พวกคุณเป็นใคร? มายืนที่หน้าบ้านผมทำไม?”

เสิ่นชิวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบ

ชายที่มีท่าทีสุขุมหยิบเอกสารประจำตัวออกมาและพูดว่า

“เราคือเจิ้งตัวและเกาลี่ จากแผนก KPI คุณคือคุณเสิ่นชิวใช่ไหม?”

“ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”

เสิ่นชิวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

สายตาที่เฉียบคมของเจิ้งตัวจ้องมองสำรวจเสิ่นชิว ก่อนจะพูดว่า

“คุณเสิ่น ไม่ต้องตกใจนะครับ เราแค่มาเพื่อตรวจสอบบางเรื่อง หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือ”

“ว่ามาเลยครับ ผมจะช่วยเท่าที่ทำได้”

เสิ่นชิวตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงอารมณ์

เกาลี่เริ่มตั้งคำถามทันที

“คุณเสิ่นชิว เมื่อสองคืนก่อน คุณไปถ่ายงานที่คลองเทียนฉิงใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

เสิ่นชิวตอบโดยไม่ลังเล

“แล้วในระหว่างการถ่ายทำ คุณหายตัวไปหรือเปล่า?”

เกาลี่ถามต่อ

“ไม่ครับ”  เสิ่นชิวตอบกลับอย่างนิ่งสงบ

“คุณโกหก คืนนั้นที่คลองเทียนฉิงเกิดเหตุการณ์คนหายตัวไปจำนวนมาก เราได้รับแจ้งและทำการปิดพื้นที่ รวมถึงทำการสำรวจรายชื่อคนในพื้นที่ แต่ในรายชื่อกลับไม่มีชื่อของคุณ”

เกาลี่จ้องตาเสิ่นชิวอย่างไม่ละสายตา

บรรยากาศรอบตัวเงียบงัน ความตึงเครียดแผ่กระจาย

“ไม่มีชื่อผมในรายชื่อก็ถูกแล้วครับ เพราะผมกลับบ้านตั้งแต่ช่วงบ่าย นี่คือหลักฐานการเสร็จงานของผม

คุณสามารถตรวจสอบได้ ถ้าไม่เชื่อก็ลองเช็กกล้องวงจรปิดในชุมชนได้เลย”

เสิ่นชิวหยิบเอกสารหลักฐานการเสร็จงานที่ซุนซูให้เขาออกมายื่นให้

เกาลี่รับเอกสารมาด้วยความแปลกใจ เขาตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่ามีลายเซ็นและตราประทับอย่างถูกต้อง ไม่น่าจะเป็นของปลอม

ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดในชุมชน เจิ้งตัวรู้ดีว่ามันเสียมาตั้งแต่หลายเดือนก่อน เพราะเจ้าของห้องหลายคนค้างชำระค่าบริการ ไม่มีการซ่อมแซมใดๆ

เจิ้งตัวมองเอกสารด้วยสายตาที่แฝงความสงสัย ก่อนจะถามว่า

“คุณเสิ่นชิว ถ้าคุณกลับบ้านตั้งแต่ช่วงบ่าย แล้วทำไมเราไม่พบข้อมูลการใช้บริการขนส่งของคุณเลย?”

เสิ่นชิวอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่า

“เพื่อนผมมารับครับ”

“ใคร?”

เจิ้งตัวถามพร้อมจ้องหน้าเสิ่นชิว

“เขานี่แหละ ถ้าไม่เชื่อก็โทรถามได้เลย”

เสิ่นชิวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดรายชื่อ และโทรหาพ่อค้าเจ้าเล่ห์ จากนั้นยื่นโทรศัพท์ให้เจิ้งตัว

เจิ้งตัวรับโทรศัพท์ด้วยความระแวงและเปิดลำโพง

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น

แม้เสิ่นชิวจะรักษาท่าทีสงบ แต่ในใจก็เต็มไปด้วยความกังวล เขากำลังเดิมพันว่าพ่อค้าเจ้าเล่ห์จะสามารถช่วยเขาได้

ไม่นานเสียงปลายสายก็ดังขึ้น เป็นเสียงของพ่อค้าเจ้าเล่ห์ที่ฟังดูระแวง

“เสิ่นชิว?”

เจิ้งตัวเอ่ยถามทันที

“คุณคือเพื่อนของเสิ่นชิวใช่ไหม?”

เสียงของพ่อค้าเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็นระมัดระวังทันที และถามกลับด้วยน้ำเสียงแฝงความสงสัย

“คุณเป็นใคร? แล้วทำไมมือถือของเสิ่นชิวถึงอยู่ในมือคุณ?”

“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของแผนก KPI ตอนนี้ผมต้องการความร่วมมือจากคุณ เสิ่นชิวบอกว่าเมื่อวานช่วงบ่ายเขาอยู่กับคุณ จริงไหม?”

เจิ้งตัวถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

เสิ่นชิวที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ใจเต้นแรงขึ้นทันที ในใจคิดว่า “แย่แล้ว พวกเขากำลังพยายามดักพ่อค้าเจ้าเล่ห์”

“เมื่อวาน? ไม่นะ น่าจะเป็นวันก่อนต่างหาก ช่วงบ่ายเขาเลิกงานเร็ว ผมถึงได้ไปรับเขา”

พ่อค้าเจ้าเล่ห์ตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงร่าเริง

เมื่อได้ยินคำตอบของพ่อค้าเจ้าเล่ห์ เสิ่นชิวก็โล่งอกทันที ในใจคิดว่า “ฉันเดาไม่ผิดจริงๆ!”

หลังจากเหตุการณ์ที่คลองเทียนฉิง พ่อค้าเจ้าเล่ห์น่าจะติดตามข่าวสารอยู่แล้ว และเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาคือใคร เขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ”

เจิ้งตัวกล่าวพลางวางสาย และคืนโทรศัพท์ให้เสิ่นชิว

“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม?”

เสิ่นชิวรับโทรศัพท์กลับมาและถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

แต่เจิ้งตัวและเกาลี่ไม่ได้เชื่อสิ่งที่เสิ่นชิวพูดทั้งหมด พวกเขายังคงถามต่อ

“คุณเสิ่น เราขอเข้าไปดูในบ้านของคุณหน่อยได้ไหม?”

“ได้เลย”

เสิ่นชิวตอบโดยไม่ปฏิเสธ เพราะเขารู้ดีว่า คำถามนี้เป็นเพียงพิธีการเท่านั้น ต่อให้เขาปฏิเสธ พวกเขาก็ต้องเข้ามาอยู่ดี

“งั้นรบกวนเปิดประตูให้เราหน่อยครับ”

เกาลี่พูดอย่างสุภาพ

เสิ่นชิวยื่นมือแตะเครื่องสแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตู และพาทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน

“คุณเสิ่น อยู่คนเดียวตลอดเลยเหรอ?”

เจิ้งตัวถามขณะมองดูรูปถ่ายในห้องนั่งเล่น

“ครับ อยู่คนเดียวมาตลอด”

เสิ่นชิวตอบพลางพยักหน้า

“บ้านคุณน่าอยู่ดีนะ”

“ก็โอเคครับ”

“ถึงแม้ว่าที่นี่จะอยู่ในพื้นที่ที่เจ็ด แต่ราคาบ้านก็ไม่ถูกเลย การที่คุณอยู่คนเดียวได้นี่ถือว่ายอดเยี่ยมมาก”

ทั้งสองคนเดินสำรวจในห้องนั่งเล่นอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ พวกเขาเดินไปหยุดที่ห้องนอนด้านซ้าย

“คุณเสิ่น เราขอเข้าไปดูในห้องนี้ได้ไหม?”

“ตามสบายเลย”

เสิ่นชิวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ขอโทษที่รบกวน”

เกาลี่เปิดประตูห้อง และสิ่งที่ปรากฏคืออุปกรณ์กีฬาเอ็กซ์ตรีมที่จัดเก็บไว้อย่างดี

ทั้งสองคนแสดงความแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็กลับมาสงบนิ่งในทันที พวกเขาเดินสำรวจห้องก่อนจะออกมา

“พอหรือยัง?”

เสิ่นชิวถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ขอเราดูห้องของคุณอีกหน่อยได้ไหม?”

เกาลี่ยิ้มเล็กน้อยและถาม

เสิ่นชิวสูดหายใจลึกก่อนจะพาพวกเขาไปยังห้องของตัวเอง

เจิ้งตัวและเกาลี่มองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาเริ่มคิดว่าอาจจะสงสัยผิดคน หรือเสิ่นชิวไม่ได้หายตัวไปจริงๆ เพราะการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ของเขา

แต่แม้จะสงสัย ทั้งสองก็เดินตามเสิ่นชิวเข้าไปในห้อง

“ตามสบาย”

เสิ่นชิวกล่าวขณะยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ

เจิ้งตัวและเกาลี่แยกกันสำรวจในห้อง

เกาลี่มองไปที่เตียงที่จัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อยจนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ ในยุคนี้หนุ่มโสดที่มีระเบียบแบบนี้หาได้ยาก…

..........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด