ตอนที่แล้วบทที่ 31 : ความรักสู้เกมไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 : เดิมพันด้วยตำแหน่งรองหัวหน้า

บทที่ 32 : แก้แค้นไม่ข้ามคืน


จงเจี้ยนเฉิง ผู้จัดการทั่วไปประจำเขตเจียงหลิงของเซินทงเอ็กซ์เพรส ยังไม่อยากเปลี่ยนตัวแทนหลักที่วิทยาลัยการเงิน แต่เขาก็ตั้งเงื่อนไขว่าต้องรวบรวมพัสดุให้ได้วันละ 100 ชิ้น

เฉินฮั่นเซิงไม่ได้คิดแค่จะทำตามตัวเลขนั้น เวลาเจรจาธุรกิจ จะเดินตามความคิดของอีกฝ่ายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีแนวคิดของตัวเองด้วย

หลังฝึกทหารจบ ชมรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัยก็เริ่มรับสมาชิกใหม่ แต่งานในห้องเรียนก็เยอะเหมือนกัน เฉินฮั่นเซิงจึงปรึกษากับหูหลินอวี้ "ช่วงนี้ฉันอยากไปลงสมัครสภานักศึกษา งานประจำวันฝากเธอดูแลหน่อยนะ"

หูหลินอวี้งงๆ "นายไม่ได้จะทำธุรกิจเหรอ ทำไมสนใจพวกนี้จัง"

เพื่อคลายความกังวลของหูหลินอวี้ เฉินฮั่นเซิงอธิบายอย่างจริงจัง "ทำธุรกิจต้องรักษาสมดุล ตอนนี้ฉันไม่มีทั้งเงินทั้งทรัพยากร ถ้าจะยกระดับสถานะในสายตาคนอื่น ก็ต้องอาศัยพวกนี้เสริมก่อน สุดท้ายให้การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ถึงจะมีอำนาจต่อรองได้"

"แต่ฉันก็อยากเข้าสภานักศึกษานะ" หูหลินอวี้บ่นอย่างไม่พอใจ

"อย่าเพิ่งคิดมาก เธอตั้งใจทำงานในห้องให้ดีก่อน รอพี่ได้เป็นประธานสภาฯ แล้วจะดึงเธอเข้ามาเคลือบทองทีเดียว"

เฉินฮั่นเซิงพูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้หูหลินอวี้โมโหจนขบฟันกรอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

องค์กรแบบสภานักศึกษามีทั้งระดับคณะและระดับภาควิชา ระดับคณะยากกว่า เฉินฮั่นเซิงจึงตัดสินใจเข้าสภานักศึกษาระดับภาคก่อน

เขาสนใจฝ่ายประสานงานภายนอกมากที่สุด ฝ่ายนี้เหมาะกับจุดเด่นของเฉินฮั่นเซิง และยังเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจในอนาคตด้วย

ภาควิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ถือเป็นภาคใหญ่ในวิทยาลัยการเงินซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสายศิลป์ ดังนั้นเมื่อเฉินฮั่นเซิงเดินฝ่าแดดมาถึงตึกเรียนตอนเที่ยง ก็เห็นนักศึกษาปีหนึ่งมากมายยืนต่อแถวรอสัมภาษณ์ฝ่ายประสานงานภายนอกอยู่หน้าห้องแล้ว

ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนร่วมห้องมาด้วย แต่เป็นผู้หญิงทั้งหมด ถานหมิน เพื่อนร่วมบ้านเกิดก็อยู่ในนั้น พวกเธอเห็นเฉินฮั่นเซิงก็ประหลาดใจ รีบเดินมาทักทาย

"หัวหน้าห้อง จะเข้าสภานักศึกษาด้วยเหรอ?"

"ใช่แล้ว เพื่ออนาคตของสาขาบริหารรัฐกิจห้อง 2 ของเรา ต้องมีคนแฝงตัวเข้าไปในสภานักศึกษาสิ" เฉินฮั่นเซิงยิ้มตอบ

สาวๆ หัวเราะคิกคัก แล้วปรึกษากันก่อนจะตัดสินใจเดินจากไป "หัวหน้าห้องคะ พวกเราไปดูฝ่ายอื่นดีกว่า คนในห้องเดียวกันไม่ควรแข่งกันเอง ต้องรวมตัวกันสู้กับคนนอก"

เฉินฮั่นเซิงรู้ว่าพวกเธอตั้งใจลดการแข่งขันให้เขา แต่ไม่พูดอะไร เพียงโบกมือยิ้มๆ "ได้ พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องซื้อข้าว ฉันเลี้ยงเอง"

ถานหมินยังหันมาให้กำลังใจก่อนจากไป "สู้ๆ นะเพื่อนร่วมบ้านเกิด ขอให้ได้เป็นรองประธานฝ่ายนะ"

พอดีมีรุ่นพี่ปี 3 หรือ 4 เดินผ่านมา ได้ยินคำว่า "รองประธานฝ่าย" เขาหันมามองเฉินฮั่นเซิง แล้วแค่นหัวเราะก่อนเดินเข้าห้องสัมภาษณ์ไป

เนื่องจากวันนี้เป็นแค่การสัมภาษณ์รอบแรก เพื่อคัดกรองนักศึกษาปี 1 ที่สนใจเบื้องต้น แต่ละคนจึงมีเวลาพูดไม่มาก ไม่นานก็ถึงคิวเฉินฮั่นเซิง

เฉินฮั่นเซิงเดินเข้าไป เห็นด้านล่างมีคนนั่งอยู่สามคน หญิงหนึ่งชายสอง ผู้หญิงนั่งตรงกลาง ผู้ชายนั่งสองข้าง จากตำแหน่งที่นั่ง ผู้หญิงน่าจะเป็นประธานฝ่าย ส่วนผู้ชายสองคนเป็นรองประธาน

หน้าพวกเขามีป้ายชื่อวางอยู่ ประธานฝ่ายชื่อชีเหวย รองประธานคนหนึ่งชื่อโจวเสี่ยว อีกคนชื่อเหยาชิงกั๋ว

โจวเสี่ยวคือรุ่นพี่ที่เพิ่งมองเฉินฮั่นเซิงเมื่อครู่นี้

เฉินฮั่นเซิงเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้ม ค้อมศีรษะทักทายรุ่นพี่ทั้งสามคน ชีเหวยกับเหยาชิ่งกั๋วก็พยักหน้ารับเบาๆ ให้สัญญาณว่าเฉินฮั่นเซิงเริ่มแนะนำตัวได้

แต่ในจังหวะนั้น โจวเสี่ยวก็พูดขัดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย "ไม่ต้องแนะนำแล้ว ตอนนี้ฝ่ายประสานงานภายนอกอยากรับผู้หญิง นายไม่เข้าเงื่อนไข"

"ห๊ะ?"

เฉินฮั่นเซิงถึงกับอึ้ง คิดในใจว่านี่มันข้ออ้างบ้าบออะไร แม้ตกรอบก็ไม่เป็นไร แต่การไม่ให้แม้แต่โอกาสพูดมันหมายความว่าไง

ชีเหวยกับเหยาชิงกั๋วก็ตกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

โจวเสี่ยวโน้มตัวไปกระซิบกับชีเหวย "ขอโทษนะที่ไม่ได้ปรึกษาก่อน แต่ฝ่ายเราต้องติดต่อกับร้านค้าและหาผู้สนับสนุนบ่อย ผมว่าผู้หญิงน่าจะได้เปรียบกว่า"

ไม่ทันที่ชีเหวยจะตอบ โจวเสี่ยวก็หันมาพูดกับเฉินฮั่นเซิง "น้องๆ ออกไปได้แล้ว อย่าเสียเวลาคนอื่นเลย"

ในห้องและนอกห้องมีนักศึกษาปีหนึ่งอยู่เยอะ ทุกคนมองเฉินฮั่นเซิงด้วยความเห็นใจ และรู้สึกกลัวพฤติกรรมของโจวเสี่ยว

โจวเสี่ยวนั่งตัวตรง พอใจกับการใช้อำนาจในมือของตัวเองมาก

แต่รอแล้วรอเล่า เห็นนักศึกษาปีหนึ่งคนนี้ยังยืนอยู่บนแท่นพูด โจวเสี่ยวจึงวางปากกาลงเสียงดัง "ปัง" แล้วตวาดว่า "จะให้ฉันพูดซ้ำเป็นครั้งที่สามไหม?"

ชีเหวยกับเหยาชิงกั๋วไม่เข้าใจว่าทำไมโจวเสี่ยวถึงทำแบบนี้ แต่การปฏิบัติต่อนักศึกษาใหม่แบบนี้ไม่เหมาะสมแน่ๆ กำลังจะออกมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์

แต่เฉินฮั่นเซิงเปิดปากก่อน

"แกได้เป็นเจ้าหน้าที่จิ๊ดเดียว ทำเป็นเจ๋งชิบหาย จะให้ช่วยเอามือไพล่หลังให้ไหมวะ?"

"ฮือ......"

พอเฉินฮั่นเซิงพูดจบ ทั้งห้องสัมภาษณ์ฝ่ายประสานงานภายนอกก็เต็มไปด้วยเสียงอุทานตกใจ

นักศึกษาใหม่ท้าทายรองประธานฝ่าย นี่มันเรื่องที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

ชีเหวยกับเหยาชิงกั๋วถึงกับงง คิดในใจว่าวันนี้มันวันอะไรกันนะ แรกๆ โจวเสี่ยวก็มาตั้งกฎเกณฑ์กับนักศึกษาใหม่โดยไม่มีเหตุผล แต่นักศึกษาคนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นพวกหัวแข็งสุดๆ โต้กลับมาทันที

เฉินฮั่นเซิงไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่ ถ้าที่นี่ไม่ต้อนรับ ย่อมมีที่อื่นที่ต้อนรับ แต่ก่อนจะไป ต้องตบหน้าคนพวกนี้ให้เจ็บๆ ก่อน

อดทนตอนนี้ยิ่งคิดยิ่งโกรธ ถอยตอนนี้ยิ่งคิดยิ่งขาดทุน เฉินฮั่นเซิงไม่ใช่ว่าทนการดูถูกไม่ได้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนดูถูก

รองประธานฝ่ายประสานงานภายนอกของสภานักศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับกลาง จะให้เฉินฮั่นเซิงต้องยิ้มประจบด้วยเหรอ

โจวเสี่ยวคงไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ตอนนี้เขาถึงได้สังเกตเห็นว่านักศึกษาปีหนึ่งที่ยืนอยู่บนแท่นนั้น ทั้งสายตาและท่าทางล้วนแฝงความดื้อดึง มีความเถื่อนของคนที่พร้อมจะสู้ทุกรูปแบบ

เฉินฮั่นเซิงจ้องโจวเสี่ยวด้วยสายตาดุดัน พวกอย่างโจวเสี่ยวนอกจากจะทำตัวเป็นใหญ่ในสภานักศึกษาแล้ว พอเจอเรื่องจริงๆ กลับไม่รู้จะจัดการยังไง เขาถึงกับรู้สึกหวาดกลัวเมื่อถูกเฉินฮั่นเซิงจ้องมอง

แต่เขาก็ไม่อยากเสียหน้า จึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจเฉินฮั่นเซิงพูดว่า "นักศึกษาสมัยนี้ช่างไม่มีระเบียบเอาเสียเลย"

"น้องคะ ฉันชีเหวย ประธานฝ่ายประสานงานภายนอก ขอให้ใจเย็นๆ ก่อน ถ้ามีความเข้าใจผิดเราก็คุยกันได้"

สุดท้าย ชีเหวยต้องออกมาแก้สถานการณ์เอง

แต่นิสัยเถื่อนที่ไม่เกรงใครของเฉินฮั่นเซิงเมื่อถูกยั่ว นอกจากพ่อแม่แล้วแทบไม่กลัวใครเลย เขามองชีเหวยพลางพูดว่า "ผมใจเย็นดี แค่มีอะไรจะคุยกับรองประธานโจวสักหน่อย"

พูดจบก็เดินไปทางโจวเสี่ยว เหยาชิงกั๋วกลัวโจวเสี่ยวจะโดนต่อย รีบยืนขวางกลาง เฉินฮั่นเซิงสะบัดแขนที เหยาชิงกั๋วเกือบล้มกระแทกพื้น

"แกจะทำอะไร?"

ตอนนี้โจวเสี่ยวเริ่มกลัวแล้ว เฉินฮั่นเซิงตัวสูงกว่าเขาหนึ่งช่วงศีรษะ ทั้งตัวใหญ่กว่า สำคัญที่สุดคือท่าทางดุดันน่ากลัว

"ถ้าบอกว่าคุณสมบัติอื่นไม่เหมาะก็ว่าไป แต่เรื่องเพศมันยังไงกัน สภานักศึกษาก็มีการเลือกปฏิบัติเรื่องชายหญิงด้วยเหรอ?"

เฉินฮั่นเซิงไม่ได้คิดจะทำร้ายร่างกาย เพราะพอลงมือแล้ว ต่อให้มีเหตุผลก็จะกลายเป็นไม่มีเหตุผลทันที

โจวเสี่ยวรีบถอยหลังไปหลายก้าว รอจนชีเหวยมายืนขวางระหว่างทั้งคู่อีกครั้ง เขาถึงได้กล้าพูดว่า "ฝ่ายประสานงานภายนอกต้องการการสื่อสารและการประสานงาน แน่นอนว่าผู้หญิงต้องเหมาะกว่า"

"ไร้สาระ ทำงานได้ถึงจะดี มันเกี่ยวอะไรกับเพศ" เฉินฮั่นเซิงจ้องโจวเสี่ยวอย่างดูถูก "แล้วถ้าต้องการผู้หญิงจริง ทำไมแกไม่ไสหัวไปซะล่ะ?"

(จบบทที่ 32)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด