บทที่ 29 นรกบนดิน
###
“ใครน่ะ?”
หวังเจี้ยนเหรินที่กำลังนอนอยู่บนเตียงใหญ่ ได้ยินเสียงคนพูดก็สะดุ้งลุกขึ้นมาทันที
“หวังผู้จัดการ ไม่ต้องตกใจครับ สาวสวยที่คุณต้องการ ผมหามาให้เรียบร้อยแล้ว!”
เฉินเสี่ยวเป่ยเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วพูดกับหญิงร่างอ้วนว่า “พี่สาวครับ นั่นคือเจ้านายของฉัน เขามีรสนิยมหนัก ชอบผู้หญิงรุนแรง ยิ่งรุนแรงยิ่งชอบ”
“เฮอะๆ เราเข้าใจค่ะ!”
หญิงร่างอ้วนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อีกสามสาวต่างขยับมือเตรียมตัวเข้าโจมตี และพุ่งเข้าไปล้อมหวังเจี้ยนเหริน
“พวกคุณเป็นใคร? ผมเตือนพวกคุณนะ! อย่าทำอะไรบ้าๆ!” หวังเจี้ยนเหรินขดตัวติดมุมผนัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ฮ่าๆ สมเป็นคนชอบเล่นจริงๆ สาวๆ เข้ามาเลย!”
หญิงร่างอ้วนโบกมือสั่งการ
ทันใดนั้น หญิงสาวทั้งสี่คนก็กรูกันเข้าไป โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พวกเธอจับหวังเจี้ยนเหรินล้มลงกับพื้นทันที
“พวกคุณทำอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจ!” หวังเจี้ยนเหรินตัวสั่นงันงก ก่อนจะร้องตะโกนเสียงดัง
“เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!”
หญิงร่างอ้วนสะบัดแขนอย่างแรง ตบหน้าเขาไปสองครั้ง
“คุณ…คุณกล้าตบผม?” หวังเจี้ยนเหรินถูกตบจนงงไปหมด
“คุณไม่ชอบผู้หญิงรุนแรงหรือไง? นี่แค่เรียกน้ำย่อยนะ ของจริงยังอยู่ข้างหน้า!”
หญิงร่างอ้วนพูดพร้อมกับชกต่อยเขาอย่างรุนแรง ไม่กี่อึดใจ หวังเจี้ยนเหรินก็ถูกทุบตีจนหน้าช้ำจมูกบวม หมดสติไป
ขณะเดียวกัน หญิงสาวอีกสามคนก็เริ่มปฏิบัติการ
ฝูหรงโฉบเข้าไป… “ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ”…
ส่วนรูฮวาและอาจวี้ ก็หยิบอุปกรณ์พิเศษขึ้นมา… “ขอละไว้อีกหนึ่งหมื่นคำ”…
“อ๊าก…อู้…โอ๊ย…”
หวังเจี้ยนเหรินถูกทรมานจนแทบไม่เหลือชีวิต น้ำตาไหลพรากจากดวงตา
นรกคืออะไร?
นี่แหละ…คือสิ่งที่เรียกว่านรก!!!
เฉินเสี่ยวเป่ยฝืนกลั้นความรู้สึกขยะแขยง พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอภาพอันร้อนแรงนั้น
หลังจากถ่ายไปได้ประมาณสามนาที
เฉินเสี่ยวเป่ยเก็บโทรศัพท์ลง พร้อมกับยิ้มเยาะ “พี่สาวทั้งสี่คน สู้ๆ นะครับ! เอาความสามารถออกมาให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าอย่าลืมให้เจ้านายผมเพิ่มทิปให้พวกคุณด้วย! ผมขอตัวก่อนนะ!”
หลังจากนั้น เฉินเสี่ยวเป่ยก็ให้จินเฟยเปิดประตูห้องน้ำ
“เสี่ยวเป่ย! ทำไมถึงเป็นเธอ…เสี่ยวเป่ย…”
ในเวลานั้น หลินเซียงที่มีใบหน้าอิดโรย ดวงตาว่างเปล่า รู้สึกเหมือนหัวใจถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ไม่อาจบรรยายได้
“ไม่ต้องกลัว! ผมมารับคุณไป มีฉันอยู่ ไม่มีใครทำร้ายคุณได้!”
เฉินเสี่ยวเป่ยเผยรอยยิ้มอ่อนโยนและอบอุ่น ก่อนจะพาหลินเซียงเดินออกจากห้องไป
.......
หลินเซียงบอกว่าอยากหาที่เงียบๆ เพื่อสงบจิตใจ
เฉินเสี่ยวเป่ยกลัวว่าเธอจะทำอะไรโง่ๆ จึงต้องติดตามเธอไปด้วย
“นายท่าน ไปกับคุณหลินเถอะครับ ผมไม่ไปเป็นก้างขวางคอ…” จินเฟยพูดอย่างเข้าใจสถานการณ์
“ดีเลย ฉันก็มีเรื่องอยากให้นายไปจัดการ” เฉินเสี่ยวเป่ยมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกดดัน
“ครูหลิน คุณรอผมตรงนี้สองนาทีนะ”
เฉินเสี่ยวเป่ยพูดเสร็จแล้วก็เดินไปกับจินเฟยในที่ห่างออกมา
“นายท่าน คิดจะจัดการสือต้าฟงใช่ไหม?” จินเฟยที่ฉลาดมากเข้าใจความหมายของเฉินเสี่ยวเป่ยทันที
เฉินเสี่ยวเป่ยพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อสือต้าฟงต้องการชีวิตฉัน ฉันก็จะไม่ปล่อยเขาไว้เหมือนกัน!”
“เข้าใจแล้ว คืนนี้ผมจะไปฆ่าทั้งครอบครัวของเขา!” จินเฟยพูดด้วยแววตาเย็นชา เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย
ด้วยความสามารถของเขา การฆ่าคนธรรมดาเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย
เฉินเสี่ยวเป่ยกลับจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจและพูดว่า “ฉันบอกให้นายฆ่าคนทั้งครอบครัวไหม? ไอ้บ้าคลั่ง!”
“เอ่อ…งั้นนายท่านหมายถึงอะไร?” จินเฟยก้มหน้าลงถาม
“ความตายไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว ฉันอยากให้เขาอยู่แบบตายทั้งเป็น!” เฉินเสี่ยวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ดวงตาเป็นประกายเย็นยะเยือก
“งั้น…ผมควรทำยังไง?” จินเฟยกลืนน้ำลายด้วยความกลัว จู่ๆ เขารู้สึกว่ามองเฉินเสี่ยวเป่ยไม่ออก และเฉินเสี่ยวเป่ยก็เริ่มดูน่ากลัวขึ้นในสายตาของเขา
“นายไม่ใช่ราชาแห่งโจรหรอกหรือ?”
เฉินเสี่ยวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คืนนี้ ฉันอยากให้นายโจรกรรมต้าฟงจิวเวลรี่ให้เกลี้ยง! แม้แต่เศษเสี้ยวก็อย่าให้เหลือ!”
“นี่…นี่มันเป็นไปได้ด้วยหรือครับ?”
จินเฟยตกตะลึงและพูดเสียงอ่อน “การลอบเข้าไปในร้านต้าฟงจิวเวลรี่ไม่ใช่เรื่องยาก การเปิดประตูคลังสมบัติก็ไม่ยากเหมือนกัน แต่ของในนั้นมันเยอะมาก ผมขนออกมาไม่หมดแน่…”
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ให้นายไปทำงานที่ไม่มีทางสำเร็จหรอก”
เฉินเสี่ยวเป่ยหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา และเปิดกล่องสมบัติวิเศษ
“ดูให้ดีนะ แค่กดปุ่ม ‘เก็บ’ นี้ สิ่งของก็จะถูกเก็บเข้าสู่กล่องสมบัติของฉันทันที!”
เฉินเสี่ยวเป่ยกดปุ่ม ‘เก็บ’ บนก้อนหินข้างทาง
เหมือนกับครั้งที่เขาเก็บล่าเถียว ก้อนหินก็ถูกดูดเข้าไปในกล่องสมบัติทันที
“พระเจ้า…นี่มันเทคโนโลยีบ้าอะไร?”
จินเฟยอ้าปากค้างจนตาแทบถลน
“หยุดพูดมาก! ฉันจะให้โทรศัพท์นี้กับนาย หวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง!” เฉินเสี่ยวเป่ยพูด
“นายท่านวางใจได้เลย! มีโทรศัพท์วิเศษนี้ ผมจะเก็บกวาดต้าฟงจิวเวลรี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ! เชิญนายท่านรอดูข่าวพรุ่งนี้ได้เลยครับ!”
จินเฟยรับโทรศัพท์ด้วยความเคารพ ราวกับได้รับของศักดิ์สิทธิ์ แล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
“สือต้าฟง นี่เป็นสิ่งที่แกหามาเอง!”
เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มเยาะ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
สือต้าฟงมีทรัพย์สินสามร้อยล้าน
เพื่อซื้อภาพชุนชู๋ชิวซวง เขาได้ระดมทุนทั้งหมดที่มี และนำร้านต้าฟงจิวเวลรี่ไปจำนองกับธนาคาร
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ก็คือเครื่องประดับในร้านเท่านั้น!
ถ้าการโจรกรรมของจินเฟยสำเร็จ ก็เหมือนกับการตัดรากฐานของตระกูลสือ ทำให้พวกเขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง!
เมื่อเป็นเช่นนี้ สือต้าฟงจะต้องกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีแม้แต่ความสามารถในการชำระหนี้
สุดท้าย สิ่งที่รอเขาอยู่ก็มีแค่จุดจบเดียว—ล้มละลายอย่างสิ้นเชิง! อยู่แบบตายทั้งเป็น!
เฉินเสี่ยวเป่ยปรับอารมณ์ให้สงบ เดินกลับไปหาหลินเซียง และถามว่า “ครูหลิน คุณอยากไปที่ไหน? เราไปกันเถอะ”
“ฉันอยากไปดื่มเหล้า…” หลินเซียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงของเธอแฝงความเศร้าหมอง
“อืม…เรื่องแบบนี้ การระบายออกก็ดีเหมือนกัน” เฉินเสี่ยวเป่ยโบกรถแท็กซี่
รถวิ่งไปยังย่านตะวันตก
บริเวณนั้นเต็มไปด้วยสถานบันเทิง
เฉินเสี่ยวเป่ยที่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ ตัดสินใจพาหลินเซียงไปยังบาร์ของพี่ไก่งวง
พี่ไก่งวงต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งส่งเครื่องดื่ม ทั้งจัดที่นั่งให้
ใครใช้ให้เฉินเสี่ยวเป่ยเป็นอาจารย์ที่เขาเคารพกันล่ะ?
เวลานั้นเป็นช่วงที่ไนต์คลับคึกคักที่สุด พอพี่ไก่งวงต้อนรับเฉินเสี่ยวเป่ยเสร็จ เขาก็ขอตัวไปจัดการงานต่อ
ทันทีที่เขาเดินไป หลินเซียงก็เปิดขวดเบียร์ขึ้นดื่มอย่างกระหาย เธอดื่มเข้าไปอึกใหญ่
“แค่กๆ…”
หลินเซียงไม่คุ้นกับการดื่มเหล้า จึงสำลักและไอไม่หยุด
“ดื่มช้าๆ ไม่มีใครแย่งคุณหรอก” เฉินเสี่ยวเป่ยพูดยิ้มๆ
หลินเซียงส่ายหน้า ก่อนจะดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า “นายต้องคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย…ที่ขายตัวให้หวังเจี้ยนเหรินเพราะเงิน…ใช่ไหม?”