ตอนที่แล้วบทที่ 25 การทดสอบเข้าเรียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 เจตจำนงเหล็กกล้าของโจวไป๋

บทที่ 26 กฎสามข้อแห่งการฝึกเต๋า


บทที่ 26 กฎสามข้อแห่งการฝึกเต๋า

“ว่าแต่นะ ผู้เข้าสอบที่มีค่าพลังแห่งวิญญาณ 99 จากเมืองตงฮว่าฉันรู้จักเกือบหมดแล้ว แต่ทำไมนายถึงไม่อยู่ในรายชื่อพวกนั้น? นายเพิ่งมาเมืองนี้หรือเปล่า?” จิ่งซิ่วถามพลางจ้องโจวไป๋ด้วยความสงสัย

โจวไป๋พยักหน้า

“ฉันเป็นผู้รอดชีวิตจากพื้นที่นอกเมือง เพิ่งถูกทีมช่วยเหลือพากลับมาเมื่อไม่นานมานี้”

จิ่งซิ่วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“นอกเมือง? ทุกวันนี้ยังมีคนรอดชีวิตอยู่ข้างนอกได้อีกเหรอ?”

เธอรีบยกมือปิดปากด้วยความรู้สึกผิด

“ขอโทษนะ แต่การที่นายเอาชีวิตรอดในที่แบบนั้นมาได้ แสดงว่านายต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งมากจริงๆ ฉันว่าพวกเราเทียบไม่ได้เลย ยกเว้น จั่วเต้า ที่เก่งจนเกินมนุษย์”

สายตาของจิ่งซิ่วที่มองโจวไป๋เต็มไปด้วยความชื่นชม

โจวไป๋ยิ้มแหยๆ พลางเกาหลังศีรษะ

“ไม่ขนาดนั้นหรอก ทุกอย่างมันก็แค่โชคช่วย”

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ครูหนุ่มคนหนึ่งลอยตัวเหนือกลุ่มผู้เข้าสอบ เขามองลงมาพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“สวัสดีทุกคน ผมคือ หลี่จงหยาง ครูผู้คุมสอบรอบนี้ และจะเป็นครูของพวกคุณในอนาคต

พวกคุณทุกคนคือผู้ที่มีศักยภาพจะเข้าสู่เต๋าและเป็นนักเรียนของโรงเรียนเต๋าตงฮว่า

ดังนั้น คุณคงทราบดีว่าเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ชิงจิ้งซ่านเหริน มหาอาจารย์ของเราคนหนึ่ง ได้เสนอ กฎสามข้อแห่งการฝึกเต๋า ซึ่งต่อมากลายเป็นหลักการที่ได้รับการยอมรับจากผู้ฝึกเต๋าทั่วทั้งโลก กฎนี้สำคัญมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามละเมิด”

หลี่จงหยางกล่าวต่อด้วยสีหน้าจริงจัง

“กฎข้อแรก ห้ามเผชิญหน้ากับสวรรค์โดยตรง

กฎข้อที่สอง ห้ามวิญญาณออกจากร่าง

กฎข้อที่สาม ห้ามละโมบและเสี่ยงเกินเหตุ

การยึดมั่นในกฎสามข้อนี้ จะช่วยให้พวกคุณเดินในเส้นทางแห่งเต๋าได้ไกลขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความบ้าคลั่งหรือความผิดเพี้ยน”

“เพื่อปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ได้ พวกคุณต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งและมีวินัยในตนเอง ดังนั้น โรงเรียนเต๋าตงฮว่าจึงเพิ่มการทดสอบความมุ่งมั่นในเส้นทางเต๋า เพื่อวัดว่าพวกคุณสามารถอดทนต่อความยากลำบากที่รออยู่ข้างหน้าได้หรือไม่”

นักเรียนรอบๆ ตั้งใจฟังอย่างสงบเรียบร้อย บางคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหลี่จงหยาง

คริสตินาที่ซ่อนตัวในจิตของโจวไป๋ แอบพยักหน้าหลังได้ยินกฎทั้งสามข้อ

“ฟังดูคุ้นๆ เหมือนฉันเคยพูดเอาไว้นี่นา”

โจวไป๋กลอกตา

“คนเขาพูดมาตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้ว เธอจะไปเกี่ยวอะไรด้วย”

หลี่จงหยางพูดต่อ

“ตอนนี้ ผู้เข้าสอบ 12,000 คนที่เหลือ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 สนามสอบเพื่อเข้าสู่การทดสอบรอบที่สอง”

เขาร่ายมือสร้างตราประทับ พื้นดินใต้เท้าของทุกคนเริ่มเรืองแสงสีน้ำเงิน และค่อยๆ ก่อตัวเป็นลู่วิ่งวงกลมขนาดใหญ่ ยาวถึง 4 กิโลเมตร

“การทดสอบรอบนี้คือ การวิ่ง” หลี่จงหยางอธิบาย

“แต่ไม่ใช่การวิ่งธรรมดา ลู่วิ่งนี้เป็นสมบัติแห่งการฝึกเต๋าที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทางวิ่งสวรรค์”

“การวิ่งบนทางวิ่งสวรรค์ ไม่ใช่แค่การใช้พลังร่างกาย แต่ต้องใช้จิตใจอย่างมหาศาล เพราะทุกย่างก้าวจะกระตุ้นพลังแห่งวิญญาณ ซึ่งจะทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าเร็วกว่าปกติถึงสิบเท่า”

“และในรอบนี้ ห้ามใช้พลังแห่งวิญญาณช่วยวิ่ง คุณต้องพึ่งพาร่างกายเพียงอย่างเดียว ใครก็ตามที่มีจิตใจที่มั่นคงจะสามารถวิ่งบนทางวิ่งสวรรค์ได้เร็วกว่าและนานกว่า”

หลี่จงหยางหยุดให้เวลาทุกคนได้ซึมซับ ก่อนกล่าวต่อ

“และที่สำคัญ ทุกย่างก้าวที่กระตุ้นพลังแห่งวิญญาณ ยังช่วยให้พวกคุณฝึกดูดซับพลังนี้ได้ด้วย ยิ่งจิตใจแข็งแกร่ง การฝึกบนทางวิ่งสวรรค์ก็จะยิ่งได้ผลเร็วขึ้น”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลี่จงหยาง ผู้เข้าสอบหลายคนมองไปยังทางวิ่งสวรรค์ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้ในใจจะมีความกังวล แต่ใบหน้าของพวกเขาก็ฉายแววอยากลองท้าทาย

สำหรับผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบรอบแรกและมายืนอยู่ที่นี่ได้ ล้วนมีความมั่นใจในพรสวรรค์และจิตใจของตัวเอง การวิ่งบนทางวิ่งสวรรค์ที่อาจช่วยเพิ่มพลังแห่งวิญญาณ จึงกลายเป็นโอกาสที่น่าดึงดูด

ขณะเดียวกัน คริสตินาที่อยู่ในจิตของโจวไป๋ หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกอุ้งเท้าขึ้นปิดปาก

โจวไป๋ขมวดคิ้วถามในใจ

“มีอะไรหรือเปล่า?”

คริสตินาสะบัดอุ้งเท้าพลางตอบ

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

หลี่จงหยางกล่าวต่อ

“ในการทดสอบรอบนี้ ทุกคนจะต้องวิ่งบนทางวิ่งสวรรค์พร้อมกัน ตั้งแต่นาทีที่ห้าเป็นต้นไป ใครที่วิ่งไม่ไหวสามารถหยุดได้ แต่จะถือว่าถูกคัดออกทันที และทุกๆ 5 วินาที เราจะคัดผู้ที่วิ่งช้าที่สุดออกจนกว่าจะเหลือเพียง 300 คนสุดท้าย พวกเขาคือผู้ที่มีจิตใจแน่วแน่ที่สุด และผ่านการทดสอบนี้ไปได้”

เมื่อได้ยินคำอธิบาย ผู้เข้าสอบเริ่มตึงเครียด

ในแต่ละสนามมีผู้เข้าสอบ 3,000 คน และจะคัดเหลือเพียง 300 คน ซึ่งหมายถึงอัตราการผ่านเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น เป็นอัตราการผ่านที่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมามาก

ความคิดเรื่องข่าวลือที่ว่า "ทรัพยากรของมนุษย์กำลังลดน้อยลงทุกปี" เริ่มแวบเข้ามาในหัวของหลายคน

หลี่จงหยางร่ายพลังแห่งวิญญาณจากจิตสำนึกออกสู่โลกภายนอก พร้อมกับยกสายรัดข้อมือที่เตรียมไว้แล้วขึ้นมา แต่ละอันลอยไปอยู่ตรงหน้าผู้เข้าสอบทั้ง 3,000 คนอย่างแม่นยำ

โจวไป๋รู้สึกทึ่งในใจ

“พลังแห่งวิญญาณของเขานี่สุดยอดจริงๆ ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ยังควบคุมได้อย่างแม่นยำจนสามารถจัดการสายรัดข้อมือ 3,000 เส้นพร้อมกันได้”

หลี่จงหยางอธิบายต่อ

“สายรัดข้อมือนี้จะบันทึกความเร็วของพวกคุณ หลังจากผ่านไปห้านาที ทุกๆ ห้าวินาที สายรัดข้อมือของคนที่วิ่งช้าที่สุดจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แสดงว่าถูกคัดออก หากหยุดวิ่งโดยสิ้นเชิงก็จะถูกคัดออกเช่นกัน”

“ตอนนี้ทุกคนสวมสายรัดข้อมือและเตรียมร่างกายให้พร้อม”

ไม่กี่นาทีต่อมา ผู้เข้าสอบทั้ง 3,000 คนเริ่มออกวิ่งบนทางวิ่งสวรรค์

โจวไป๋วิ่งไปพร้อมกับจิ่งซิ่ว แต่ยังไม่กี่ก้าว เขาก็รู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็นซึ่งเกาะอยู่บนร่างกายและจิตใจ มันทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นสิบเท่าของปกติ

ความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ทางร่างกาย แต่ยังเป็นความเหนื่อยล้าทางจิตใจ

เช่นเดียวกับทุกคน ในห้านาทีแรกพวกเขาใช้ความเร็วต่ำที่สุดเพื่อประหยัดพลังงาน

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งนาที โจวไป๋ก็เริ่มหอบหายใจหนัก

แม้ว่าร่างกายของเขาจะได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นหนุ่มสาวและมีสุขภาพดี ในอดีตเขาถือว่าเป็นคนที่แข็งแรงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้แค่หนึ่งนาทีก็รู้สึกเหมือนขาทั้งสองข้างเป็นตะกั่ว แต่ละก้าวเหมือนต้องใช้พลังใจมหาศาลในการยกขึ้น

“ให้ตายสิ... เหนื่อยเกินไปแล้ว... ไม่น่าจะไหว” เขาพึมพำในใจ

เมื่อเงยหน้ามองไปรอบๆ โจวไป๋เห็นผู้เข้าสอบจำนวนมากที่กำลังหอบหนักเช่นเดียวกัน หลายคนเหงื่อท่วมตัวและดูเหมือนจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

แต่จิ่งซิ่วที่อยู่ข้างเขา แม้เหงื่อจะชุ่มหน้าและเส้นผม แต่สายตาของเธอยังคงมั่นคง ท่าทางของเธอไม่มีทีท่าจะสั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย...

..........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด