ตอนที่แล้วบทที่ 22 วิธีใช้แมวที่ถูกต้อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 ฝึกฝนอย่างตั้งใจ

บทที่ 23 เมืองตงฮว่า


บทที่ 23 เมืองตงฮว่า

รถม้าเหาะขนาดมหึมาพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง

ไอชานั่งอยู่ที่เท้าของโจวไป๋ ส่วนคริสตินายืนอยู่บนหัวของเธอ ตั้งตัวตรง เอาอุ้งเท้าวางพาดที่ขอบหน้าต่าง ดวงตาแมวเบิกกว้างจ้องมองทิวทัศน์ด้านนอก

ด้วยความดื้อดึงของคริสตินา บวกกับความคิดของโจวไป๋ที่มองว่าแมวตัวนี้ยังไงก็ต้องออกมาเจอโลกภายนอกอยู่ดี เขาจึงปล่อยเธอออกมาให้ช่วยจับตาดูไอชาแทนตนเอง

โจวไป๋หันมองทิวทัศน์สองข้างทาง มีเพียงความเวิ้งว้างของพื้นที่รกร้างและซากปรักหักพัง บางครั้งยังเห็นแสงเพลิงวาบขึ้นมาสองครั้ง พร้อมเสียงระเบิดดังก้องไกล ราวกับกำลังเกิดการสู้รบ

โลกใบนี้ถูกสงครามระหว่างปีศาจแห่งสวรรค์กับมนุษย์ทำลายจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

ว่ากันว่าหลังจากมนุษย์ถูกบีบให้ล่าถอยมายังพื้นที่เพียงหนึ่งในสามของทวีปตะวันออก เพื่อป้องกันการโจมตีของปีศาจแห่งสวรรค์และรับมือกับการปนเปื้อนของพลังวิญญาณ นอกเหนือจากฐานที่มั่นบางแห่งแล้ว 90% ของประชากรล้วนถูกกระจุกตัวอยู่ในห้าเมืองหลักทางทิศตะวันออก ตะวันตก ใต้ เหนือ และศูนย์กลาง ที่ซึ่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแห่งเซียนและนักรบได้รวมตัวกัน

และเมืองตงฮว่า ที่โจวไป๋กำลังมุ่งหน้าไป ก็คือหนึ่งในห้าเมืองหลักเหล่านั้น

...

สองชั่วโมงต่อมา โจวไป๋ก็ได้เห็นเงามืดขนาดมหึมามากมายลอยอยู่กลางอากาศ พวกมันเรียงตัวกันหนาแน่นราวกับเรือเหาะขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่เป็นกลุ่มใหญ่

'นี่มันไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลย'

เมืองตงฮว่าคือมหานครขนาดยักษ์ที่มีประชากรเกินสามร้อยล้านคน หนาแน่นกว่าที่โจวไป๋จินตนาการไว้เสียอีก

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแห่งเซียน อาคารจำนวนมากจึงสามารถลอยอยู่บนฟ้า ขยายพื้นที่เมืองให้สามารถรองรับประชากรจำนวนมหาศาลได้

เมืองตงฮว่าถูกแบ่งออกเป็นหลายเขต ตั้งแต่เขตที่อยู่อาศัยของประชาชนบนพื้นดิน เขตทหารที่ความสูง 500 เมตร เขตปกครองที่ 1,000 เมตร เขตโรงเรียนเต๋าที่ 1,500 เมตร และอื่น ๆ โดยจัดสรรตามระดับความสูงตั้งแต่ 50 เมตรใต้ดิน ไปจนถึง 2,000 เมตรเหนือพื้นดิน

รอบเมืองถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังบาง ๆ ที่แทบมองไม่เห็น

นี่คือค่ายกลขนาดมหึมาที่ปกป้องเมืองตงฮว่าทั้งเมือง สามารถต้านทานปีศาจแห่งสวรรค์และชำระล้างพลังวิญญาณปนเปื้อน ป้องกันการติดเชื้อ ด้วยการป้องกันถึงสามชั้น—ค่ายกล การปรับแต่งพลังวิญญาณ และวัคซีนรูน—ความเสี่ยงของการปนเปื้อนจึงถูกลดลงอย่างมาก

"ใหญ่มหึมาจริง ๆ"

เมื่อรถม้าเหาะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เมืองมากขึ้น โจวไป๋ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความกว้างใหญ่และความหนาแน่นของมัน อาคารที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้าบดบังแสงอาทิตย์จนแทบไม่เหลือที่ว่าง

อาคารเหล่านี้ล้วนมีสไตล์เดียวกัน—ขาว เทา ดำ—ไม่มีการตกแต่งใด ๆ มากเกินจำเป็น ดูเหมือนบล็อกไม้ที่ลอยตัวไปมาแล้วประกอบกัน

โจวไป๋ก้มลงมองถนนด้านล่าง เพราะท้องฟ้าถูกบดบังด้วยอาคารมากมาย ถนนจึงดูมืดสลัว ประกอบกับความแออัดของอาคารและตรอกซอกซอยที่คับแคบ ทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

หลังลงจากรถ โจวไป๋หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่จางอ้ายเต้าให้มา ในนั้นมีที่อยู่สองแห่ง—จุดลงทะเบียนสอบเข้าโรงเรียนเต๋าตงฮว่า และบ้านของเพื่อนจางอ้ายเต้า

เนื่องจากโจวไป๋เพิ่งมาถึงและยังไม่มีที่พัก จางอ้ายเต้าจึงให้ที่อยู่นี้เพื่อให้เขาไปพักกับเพื่อนของตนก่อนถึงวันสอบ

พาแมวหนึ่งตัวกับหมาหนึ่งตัวติดตัวไปด้วย โจวไป๋จึงเริ่มเดินถามทางไปยังจุดลงทะเบียนสอบเข้า และจากนั้นก็ออกตามหาบ้านของเพื่อนจางอ้ายเต้า

ตลอดทาง คริสตินาและไอชาดึงดูดสายตาผู้คนอยู่ไม่น้อย ในยุคสมัยนี้ การเลี้ยงแมวเลี้ยงหมาเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมาก

มองดูถนนที่แม้ฟ้ายังไม่มืดสนิท แต่กลับดูมืดครึ้มราวกับเป็นเวลากลางคืน โจวไป๋ถอนหายใจ เมืองตงฮว่านี้จากที่ไกลดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่เมื่อเดินอยู่บนถนนกลับให้ความรู้สึกเหมือนต้องอยู่ในเงามืดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง...

ผู้คนบนท้องถนนต่างเร่งรีบเป็นส่วนใหญ่ แทบไม่มีใครเดินทอดน่องหรือหยุดคุยกัน ทุกคนล้วนดูเหมือนกำลังเร่งแข่งกับเวลา

ถนนหนทางสะอาดสะอ้านเกินไป ไม่เพียงไร้ซึ่งขยะ แต่ยังขาดต้นไม้ สวนหย่อม หรือแม้แต่แสงไฟนีออนที่มักพบเห็นในเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับความทรงจำของโจวไป๋โดยสิ้นเชิง

‘เย็นชา แม่นยำ ราวกับเป็นเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วยชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน’

นี่คือความรู้สึกแรกที่เขามีต่อเมืองตงฮว่า

ไอชาที่เดินอยู่ข้าง ๆ แลบลิ้นออกมา พลางส่งเสียงเรียกเขา “ฉัน...หิว...”

ทันใดนั้น คริสตินาที่ขี่อยู่บนหลังไอชาก็ตบหัวเธอด้วยอุ้งเท้าแมวทันที “ใครบอกให้แกพูด! บอกแล้วไงว่าห้ามพูดเวลาที่อยู่ข้างนอก”

ไอชาก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด บางทีอาจเป็นเพราะการทดลองของดร.จวงประสบความสำเร็จ ไอชาที่กลายร่างเป็นสัตว์อย่างสมบูรณ์สามารถพูดออกมาเป็นคำสั้น ๆ ได้ เช่น "โจวไป๋" หรือ "ฉันหิว"

แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น โจวไป๋จึงสั่งห้ามเธอพูดในที่สาธารณะ

ได้ยินเสียงของไอชา โจวไป๋ก็ยื่นมือไปลูบหัวเธอเบา ๆ ไอชาก็ใช้หัวถูมือของเขากลับ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปลอบว่า “รออีกหน่อยนะไอชา ใกล้จะถึงแล้ว เดี๋ยวก็มีของกินแล้วล่ะ”

พวกเขาเดินไปจนถึงกลุ่มอาคารหลังเล็ก ๆ ที่ตั้งเรียงกันเป็นระเบียบเหมือนกระป๋องเหล็กที่วางซ้อนกันอย่างเป็นระบบ นี่คืออพาร์ตเมนต์ที่สวรรค์สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงฝีเท้าดังขึ้น ก่อนที่ชายชราผมสีดอกเลาจะเปิดประตูออกมา เมื่อเห็นโจวไป๋ เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย “เจ้าเป็นใคร?”

“จางอ้ายเต้าเป็นคนบอกให้ผมมา ผมจะเข้าสอบเข้าโรงเรียนเต๋าตงฮว่า แต่ไม่มีที่พัก เขาบอกว่าผมสามารถมาพักที่นี่ได้สักสองสามวัน…”

ชายชราหัวเราะเยาะ “มันยังจำพ่อแก่ ๆ คนนี้ได้ด้วยรึ?” เขาส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในบ้าน “เข้ามาสิ ปิดประตูด้วย”

โจวไป๋เดินเข้าไปในห้อง ภายในค่อนข้างรก ข้าวของวางระเกะระกะทั้งบนโต๊ะและพื้น หลายมุมเต็มไปด้วยฝุ่นและรอยเปื้อน ทำให้บ้านดูเก่าทรุดโทรม

แม้ใบหน้าของชายชราจะดูเคร่งขรึมและน้ำเสียงเย็นชา แต่เพียงไม่นานหลังจากโจวไป๋นั่งลง ชายชราก็ยกชามโจ๊กกับผักดองมาให้เขา

แม้แต่ไอชาและคริสตินาก็ยังได้รับขนมปังคนละก้อน

ไอชาคาบขนมปังแล้วรีบกลืนลงไปทันที ขณะที่คริสตินา—ผู้ที่ไม่จำเป็นต้องกินหรือขับถ่าย—ตบหัวไอชาพลางพูดเบา ๆ ว่า “จากนี้ไปเชื่อฟังฉันดี ๆ นะ ขนมปังนี่เป็นของแก เข้าใจไหม?”

ไอชาเอียงคอ มองคริสตินาด้วยสายตาสงสัย

อีกด้านหนึ่ง หลังจากโจวไป๋เดินเข้ามาในบ้าน ชายชราก็มองหน้าของเขาอย่างละเอียด สีหน้าสลับไปมาระหว่างรอยยิ้มกับความเคร่งขรึม

โจวไป๋กินโจ๊กไปได้ไม่กี่คำก็รู้สึกอึดอัดกับสายตานั้น จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “คุณตา...จ้องหน้าผมทำไมครับ?”

“เจ้า...” ชายชราพึมพำ “เป็นลูกชายของจางอ้ายเต้ารึเปล่า?”

พรวด!

โจวไป๋พ่นโจ๊กออกมา ก่อนจะส่ายหน้ารัว ๆ

ชายชรากลับหัวเราะออกมา “หน้าเหมือนข้าตอนหนุ่ม ๆ เลยนะ…” เห็นโจวไป๋รีบปฏิเสธ เขาก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “เอาเถอะ ข้ารู้ว่ามันไม่ยอมรับข้าเป็นพ่อหรอก”

สายตาของเขาที่มองโจวไป๋เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความเมตตา จู่ ๆ ก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพึมพำว่า

“ข้ารู้ว่ามันเกลียดข้า เกลียดที่ข้าบังคับให้มันไปเป็นทหารหลังจากสอบตก จนแม่ของมันต้องหย่ากับข้าเพราะเรื่องนี้

แต่ข้าเป็นทหารมาทั้งชีวิต ข้ารู้ว่าความสงบสุขในตอนนี้เปราะบางแค่ไหน ถ้าทุกคนคิดแต่จะปกป้องตัวเอง ถ้าทุกคนกลัวอันตรายจนไม่มีใครยอมก้าวออกไปข้างหน้า… สุดท้ายเราก็จะไม่เหลืออะไรเลย”

โจวไป๋พึมพำ “อยู่ดี ๆ ก็เล่าอดีตขึ้นมาซะงั้น…”

“อ้ายเต้า…” ชายชราจ้องมองโจวไป๋ด้วยแววตาหวาดหวั่น “เจ้าจะเกลียดพ่อหรือเปล่า?”

โจวไป๋ “หา?”

คริสตินามองเขาแล้วพูดขึ้น “ความจำเสื่อมหรือเปล่า? สมัยก่อนเขาใช้พลังจิตต่อสู้ แต่ไม่ได้พัฒนาระดับพลังให้สูงขึ้น พอแก่ตัวลงเลยมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งเส้นทางแห่งเต๋าและพลังวิญญาณต่างก็ถูกบิดเบือนไปแล้ว การใช้มันเป็นเวลานานโดยไม่พัฒนาขึ้น ย่อมส่งผลให้พละกำลังและสภาพจิตใจถดถอยลงไปเรื่อย ๆ”

..........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด