ตอนที่แล้วบทที่ 1 : เมาไม่ขับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 : ที่แท้ก็เป็นเพื่อนบ้านกันนี่เอง

บทที่ 2 : เธอเป็นใคร?


สองหนุ่มเดินเตร่มาถึงหน้าประตูโรงเรียน ตลอดทางหวังจื่อป๋อพูดมากกว่า ส่วนเฉินฮั่นเซิงแทบไม่ตอบอะไร เขากำลังพยายามปรับตัวให้เข้ากับเมืองกั่งเฉิงเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน

หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย เฉินฮั่นเซิงรู้สึกว่าเศรษฐกิจบ้านเกิดไม่ค่อยดี เลยตัดสินใจอยู่ที่เจี้ยนเหยี่ยนเมืองหลวงของมณฑลเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว นานๆ ทีถึงจะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ก็มาแบบรีบๆ ไปแบบรีบๆ ไม่มีเวลาสังเกตความเปลี่ยนแปลงของบ้านเกิด

มีเพียงยามเมาในรุ่งสาง ที่ความรู้สึกและความทรงจำจะผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่พอถึงวันรุ่งขึ้นก็ถูกความวุ่นวายในชีวิตจริงแทนที่อย่างรวดเร็ว

"คนอย่างฉันย้อนเวลากลับมาทำไมกันนะ?"

เฉินฮั่นเซิงรู้สึกอึดอัด ตัวเองในปี 2019 มีทั้งเงินทั้งตำแหน่ง มีทั้งบริษัททั้งลูกน้อง ไม่เข้าเงื่อนไขพื้นฐานของคนย้อนเวลาที่ต้อง "โดนนอกใจ พ่อแม่ตาย ยากจนข้นแค้น หิวโหยอดอยาก" เลยสักข้อ

"เฮ้ย เสือก! ฉันไม่ได้อยากย้อนเวลามาเลยนะโว้ย!"

เฉินฮั่นเซิงอดสบถออกมาไม่ได้ หวังจื่อป๋อกำลังพร่ำพรรณนาถึงเรื่องน่าอายเมื่อคืนที่เฉินฮั่นเซิงเมาไม่ฟังคำทัดทาน ดันจะไปสารภาพรักกับเซียวหรงอวี้ให้ได้ เขาชะงักไปนิด "นายฟังฉันพูดบ้างรึเปล่าเนี่ย?"

"อ๋อ ฟังอยู่"

เฉินฮั่นเซิงตอบขอไปที แล้วล้วงกระเป๋า ไม่มีกระเป๋าสตางค์ ไม่มีมือถือ ไม่มีการชำระเงินแบบด่วน เขาถอนหายใจแล้วถามหวังจื่อป๋อ "นายมีเงินติดตัวไหม ฉันอยากไปซื้อของที่ร้านค้า"

"จะซื้อน้ำเหรอ?"

หวังจื่อป๋อเข้าอกเข้าใจดี รู้ว่าหลังเมาค้างปากมักจะแห้ง อีกอย่างวันนี้ก็ร้อนด้วย

"จะดื่มอะไร จินลี่เป่าหรือโค้ก?"

หวังจื่อป๋อเตรียมเลี้ยง

"น้ำเปล่าก็พอ แล้วก็ซื้อบุหรี่มาซองนึงด้วย" เฉินฮั่นเซิงตอบ

หวังจื่อป๋อตาโตทันที จ้องมองเฉินฮั่นเซิงไม่วางตา "นายไปหัดสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย?"

เฉินฮั่นเซิงรู้สึกรำคาญนิดๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนสมัยเด็กจะช่างพูดขนาดนี้ โบกมือบอก "อารมณ์ไม่ดี สูบซักมวนคลายเครียด"

หวังจื่อป๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เชื่อฟังไปซื้อบุหรี่ให้ ร้านค้าอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมหนึ่งกั่งเฉิง เฉินฮั่นเซิงมองประตูเหล็กกว้างใหญ่นั้น นึกในใจว่านี่คือความทรงจำกว่าพันวันในสามปีมัธยมปลายของเขา

ไม่นานหวังจื่อป๋อก็กลับมา "นี่ บุหรี่ของนาย"

"เฮอะ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นหงถาซาน"

เฉินฮั่นเซิงอดยิ้มไม่ได้ ตั้งแต่ทำงานมาก็แทบไม่ได้สูบบุหรี่ยี่ห้อนี้แล้ว เขาฉีกซองอย่างคล่องแคล่ว แล้วยื่นให้หวังจื่อป๋อมวนหนึ่ง "จะสูบไหม?"

หวังจื่อป๋อลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจสูบด้วยกันกับเพื่อน

หวังจื่อป๋อยังคงมีความคิดแบบนักเรียนทั่วไป ขี้อาย ไม่เหมือนเฉินฮั่นเซิงที่ผ่านโลกมามาก ระดับความกล้าแสดงออกจึงต่างกันอย่างชัดเจน

เฉินฮั่นเซิงพับขากางเกงถึงเข่าแล้วทิ้งตัวนั่งบนขอบถนน พ่นควันขณะหรี่ตามองนักเรียนที่เดินผ่านไปมาอย่างครุ่นคิด

หวังจื่อป๋อนั่งเก้ๆ กังๆ สูบบุหรี่แล้วยังต้องหันหน้าไปอีกทาง รีบสูดทีนึงแล้วซ่อนก้นบุหรี่ไว้ข้างหลัง ก่อนจะพ่นควันออกมาเป็นวงๆ ดูเหมือนกาน้ำชาปากแหลมไปเลย

หวังจื่อป๋อสูบอย่างระมัดระวัง แต่พอมองเฉินฮั่นเซิง เขาก็อดชมไม่ได้ "เฮ้ย ท่าสูบบุหรี่ของนายดูเท่ห์ดีนะ"

เฉินฮั่นเซิงเป็นนักสูบเก่า แม้แต่การเคาะเถ้าบุหรี่ยังมีจังหวะจะโคน

"ก็แค่ทำจนชิน"

เฉินฮั่นเซิงตอบเรียบๆ ทำให้หวังจื่อป๋อยิ่งอิจฉา ท่าทางของเฉินฮั่นเซิงตอนนี้ทั้งดูหยิ่งทั้งน่าหมั่นไส้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเท่ห์จริงๆ

ยังไม่ทันสูบหมดมวน ก็มีกลุ่มคนขี่จักรยานมาแต่ไกล หวังจื่อป๋อรีบดับบุหรี่แล้วเตือนเฉินฮั่นเซิง "รีบทิ้งเร็ว"

ท่าทางของหวังจื่อป๋อทำเอาเฉินฮั่นเซิงตกใจ "มีครูมาเหรอ?"

"ไม่มีครูหรอก เป็นเพื่อนร่วมห้องเราเอง" หวังจื่อป๋อตอบ

เฉินฮั่นเซิงเกือบจะทิ้งบุหรี่อยู่แล้ว แต่พอได้ยินแบบนี้ก็ชะงักมือกลับ เขาเคารพอาชีพครูมาก แต่เพื่อนมัธยมปลายจะมีอะไรให้ต้องแคร์ เรียนจบกันแล้วจะทำไมได้?

กลุ่มนักเรียนพวกนั้นคงมารับจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกัน พวกเขาพูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความหวังและความใฝ่ฝันต่อชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย พอผ่านเฉินฮั่นเซิงกับหวังจื่อป๋อ ทุกคนก็หยุดชะงัก

ตอนนี้เฉินฮั่นเซิงดูมอซอมาก ทั้งอาการเมาค้างและความสับสนหลังย้อนเวลา ไม่ได้แต่งตัว นั่งเหยียดขาอย่างไม่เกรงใจใคร ปากยังคาบบุหรี่ ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าวัย 18 ปี ก็คงเหมือนลุงวัยกลางคนที่ไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง

เพื่อนร่วมชั้นต่างมองเฉินฮั่นเซิงอย่างตกตะลึง ในโรงเรียนมัธยมหนึ่งกั่งเฉิงที่เน้นการศึกษาแบบนี้ นักเรียนหญิงยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไว้ผมยาว ดังนั้นการสูบบุหรี่จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของความตกต่ำเลยทีเดียว

"พวกนายไปรับจดหมายตอบรับกันใช่ไหม?"

หวังจื่อป๋อรู้สึกว่าต้องพูดอะไรสักอย่าง

กลุ่มนักเรียนไม่มีใครตอบ พวกเขาเบนสายตาไปที่เด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง

เด็กสาวคนนั้นหน้าตาน่ารักจริงๆ กระโปรงลายดอกยาวคลุมเข่าสะบัดพลิ้วในสายลมเย็นยามเย็น แผ่ความสดใสร่าเริง เธอสูงประมาณ 168 เซนติเมตร เพราะอากาศร้อนใบหน้าจึงมีสีระเรื่อเล็กน้อย สันจมูกโด่งตรง ริมฝีปากอิ่มแดง คางเรียวขาว ดวงตาใสกระจ่างใต้แพขนตาดก ผมนุ่มสลวยตกลงมาถึงไหล่

เมื่อสาวน้อยจูงจักรยานสีส้มอ่อนเดินเข้ามา เฉินฮั่นเซิงถึงกับได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลิลลี่

"เฉินฮั่นเซิง นายจะสูบบุหรี่ได้ยังไง!"

เสียงไพเราะ แต่แฝงความโกรธ

เฉินฮั่นเซิงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเธอเป็นใคร ได้แต่หันไปมองหวังจื่อป๋อ แต่หวังจื่อป๋อไม่เข้าใจความหมาย เลยจ้องตากลับมาเฉยๆ เฉินฮั่นเซิงเลยจำต้องถามออกไป "เธอเป็นใคร?"

"ฮื่อ"

กลุ่มว่าที่นักศึกษาส่งเสียงครางพร้อมกัน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่อดส่ายหน้าไม่ได้ ที่ในละครว่าไว้ก็ถูกจริงๆ ผู้ชายเปลี่ยนใจเร็วจริงๆ เมื่อคืนยังสารภาพรักกับเขาอยู่เลย แค่โดนปฏิเสธก็แกล้งทำเป็นจำไม่ได้

"ฮั่นเซิง นายไม่ควรทำแบบนี้"

ชายหนุ่มอีกคนเดินออกมาจากกลุ่ม รูปร่างสูง รอยยิ้มอบอุ่น "การสูบบุหรี่ไม่ใช่นิสัยนาย หวังว่านายจะก้าวผ่านความผิดหวังในความรัก และต้อนรับวันพรุ่งนี้ที่สดใส พวกเราทุกคนหวังให้นายพัฒนาตัวเอง"

ฟังดูเหมือนคำปลอบใจและให้กำลังใจ แต่แฝงความเสแสร้งและการมองลงมาจากที่สูง เฉินฮั่นเซิงเป็นเจ้าของธุรกิจมาหลายปี อีกทั้งมีนิสัยหยิ่งผยองอยู่แล้ว จะยอมให้คนที่ไม่สนิทมาเหยียบย่ำเพื่อแสดงตัวได้อย่างไร

แม้เฉินฮั่นเซิงจะนั่งอยู่กับพื้น แต่พอเขาเงยหน้า ยืดอก สายตาเย็นชา จ้องมองชายหนุ่มที่พูดโดยไม่พูดอะไร จนอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด เขาถึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลน "แล้วแกเป็นใครวะ?"

ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ย่อมมีทั้งท่าทางที่ไม่เกรงใจใคร และความน่าเกรงขามที่สั่งสมมา จะให้เด็กที่ยังไม่ได้ออกสู่สังคมมาเทียบได้อย่างไร แค่ระดับการวางท่าก็คงมองไม่เห็นเศษธุลีของเฉินฮั่นเซิงแล้ว ดังนั้นพอปะทะกันเข้าก็พ่ายแพ้ในทันที

"นายช่างน่าผิดหวังจริงๆ"

ชายหนุ่มทิ้งประโยคที่แสร้งทำเสียงแข็งทั้งที่ใจฝ่อ แล้วหันไปพูดกับสาวสวย "เราไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจคนแบบนี้หรอก"

แต่เด็กสาวไม่ฟัง เธอก้าวเข้ามาใกล้อีกสองสามก้าวแล้วพูดกับเฉินฮั่นเซิง "ถ้านายจะแกล้งทำเป็นจำฉันไม่ได้ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อคืนฉันก็พูดชัดเจนแล้วนะว่าจนกว่าจะเรียนจบมหา'ลัย ฉันยังไม่อยากคบใคร"

"ถ้านายยังสูบบุหรี่อีก ฉันจะไปฟ้องป้าเหลียง" เด็กสาวเชิดคางพูด

เฉินฮั่นเซิงชะงักไปนิด เขาเพิ่งกลับมาในช่วงเวลา 18 ปีก่อน ยังไม่อยากพบพ่อแม่ด้วยสภาพแบบนี้ อีกอย่างวันนี้เป็นวันรับจดหมายตอบรับ มีนักเรียนที่เดินผ่านหยุดดูอยู่ไม่น้อย

เฉินฮั่นเซิงคิดสักครู่ แล้วโยนก้นบุหรี่ทิ้งอย่างว่าง่าย

สาวน้อยยิ้มน้อยๆ มีแววเจ้าเล่ห์แห่งชัยชนะ เธอหยิบน้ำขวดหนึ่งจากตะกร้าจักรยาน "ล้างหน้าซะ เดี๋ยวค่อยไปรับจดหมายตอบรับ"

"ขอบคุณ ฉันมีแล้ว"

เฉินฮั่นเซิงปฏิเสธทันที

"เฮอะ กลเก่าๆ พอถูกปฏิเสธก็แกล้งทำเย็นชา" ชายหนุ่มคนเมื่อกี้พูดอย่างดูแคลน

แต่สาวน้อยกลับดื้อดึงพอตัว ถึงเฉินฮั่นเซิงจะไม่รับ เธอก็ยังวางน้ำไว้ข้างเท้าเขา แล้วแค่นเสียงฮึ ก่อนจะจูงจักรยานสีส้มน่ารักเข้าโรงเรียนไป

จนกระทั่งพวกเขาเดินไปไกลแล้ว เฉินฮั่นเซิงถึงได้นึกขึ้นมาได้ "เธอคือเซียวหรงอวี้สินะ"

"มาแกล้งทำต่อหน้าฉันทำไม"

หวังจื่อป๋อพูดอย่างไม่พอใจ "ฉันรู้ว่านายเจ็บที่โดนปฏิเสธ แต่พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันนะ มีอะไรก็คุยกับฉันได้"

หวังจื่อป๋อคิดว่าเมื่อกี้เฉินฮั่นเซิงแกล้งทำ เพื่อรักษาหน้า

เฉินฮั่นเซิงไม่รู้จะอธิบายยังไง ได้แต่ตบไหล่หวังจื่อป๋อ "เข้ามหา'ลัยก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว การเจ็บปวดคนเดียวเงียบๆ คือคุณสมบัติที่ดีของผู้ใหญ่"

(จบบทที่ 2)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด