บทที่ 13 เกมใหม่ "ไซซีฟัส"
บทที่ 13 เกมใหม่ "ไซซีฟัส"
เช้าวันถัดมา เวลา 9 โมงเช้า
ลู่ฟานมาถึงร้านกาแฟและพบว่าซูถงมาถึงแล้ว
“ไม่ต้องมาเช้าขนาดนี้ก็ได้ เวลาเริ่มงานของบริษัทเราคือเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น ไม่จำเป็นต้องมาเช้าหรือกลับดึก
“ยังไงบริษัทนี้ก็เป็นของเจ้านาย เราในฐานะลูกจ้างก็แค่ทำงานกินเงินเดือนให้พอ ไม่เกินเลยก็พอ”
คำพูดนี้ทำให้ซูถงงงงวยไปหมด
ในแวบแรกมันฟังดูเหมือนคำแนะนำจากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้องในที่ทำงาน แต่ปัญหาคือ…
ลู่ฟานเองก็เป็นเจ้าของบริษัทนี่?
แต่ดูจากท่าทีของเขาแล้ว คำพูดนั้นกลับจริงจังจนไม่น่าใช่การพูดเล่น
ซูถงคิดว่าบริษัทนี้ดูมีอะไรบางอย่างแปลกๆ เหมือนเป็นสถานที่ที่ผิดปกติ เมื่อเทียบกับบริษัทเกมอื่นที่เธอเคยสัมภาษณ์มา
“เกมที่บริษัทเราจะพัฒนาต่อไปมีชื่อว่า ‘ไซซีฟัส’ นี่คือร่างการออกแบบเกม”
“คุณไม่ต้องรับผิดชอบงานพัฒนาเกม ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็สามารถดูร่างการออกแบบเกม หรือเล่นเกม ‘เส้นทางสู่นรก’ ของบริษัทเราไปพลางๆ ได้”
ลู่ฟานพูดพลางวางเอกสารที่พิมพ์ไว้ล่วงหน้าลงบนโต๊ะของซูถง
เอกสารการออกแบบเกมนี้เป็นของลิลิธที่ส่งมาเมื่อคืน
ลู่ฟานยังคงต้องพัฒนาเกมตามที่ลิลิธกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้เลย
ไม่นานนัก ทั้งลู่ฟานและซูถงต่างจดจ่ออ่านร่างการออกแบบเกม บรรยากาศบนชั้นสองของร้านกาแฟกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
เนื้อหาเกม "ไซซีฟัส"
ตามชื่อ เกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานกรีกเรื่องไซซีฟัส
ในเรื่องเล่า ไซซีฟัสเคยเป็นกษัตริย์ แต่เขาทำให้เหล่าเทพเจ้าโกรธ จึงถูกขับไล่ลงนรก และถูกลงโทษให้ผลักก้อนหินขนาดยักษ์ขึ้นไปบนยอดเขา แต่ทุกครั้งที่ใกล้ถึงยอด ก้อนหินจะกลิ้งกลับลงมา ทำให้ต้องเริ่มใหม่เรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เหล่าเทพเจ้ามองว่านี่คือการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุด เพราะไม่มีอะไรโหดร้ายไปกว่าการทำงานที่ไร้ประโยชน์และไร้ความหวัง
ไซซีฟัสเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และมีผู้คนมากมายตีความเรื่องราวนี้ในแง่มุมต่างๆ บ้างก็เปรียบเสมือนชีวิตประจำวันที่วนเวียนอย่างไร้จุดหมาย บ้างก็ใช้แสดงถึงจิตวิญญาณของการต่อสู้แม้ในสถานการณ์สิ้นหวัง
การออกแบบเกม
ในเกมนี้ ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นไซซีฟัส และต้องผลักก้อนหินที่ไม่มีวันถึงยอดเขา
แต่ ‘เขา’ ในเกมนี้ไม่ได้เป็นเพียงเนินเขาธรรมดา แต่เป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและความซับซ้อนสูง
ภูเขาในเกมถูกออกแบบให้เป็น ‘ไฟชำระ’ (Purgatory) ซึ่งต่างจาก ‘นรก’ โดยสิ้นเชิง
นรกคือสถานที่ลงโทษผู้กระทำผิด ส่วนไฟชำระคือสถานที่สำหรับการล้างบาป
ในตำนานที่เกี่ยวข้องกับ ‘ไฟชำระ’ มักมีการกล่าวถึงภูเขาขนาดยักษ์ และในเกมนี้ โลกในเกมจะถูกออกแบบให้มีชั้นต่างๆ ที่สะท้อนถึงแนวคิดนี้
จากด้านล่างสุดของภูเขาคือชายหาดและทะเล ที่มีวิญญาณหลงทางลอยอยู่ เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ได้รับการอภัยบาปในวาระสุดท้าย
เส้นทางขึ้นภูเขาจะแบ่งออกเป็นหลายชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะพิเศษ เช่น:
1. ‘ผู้ที่สำนึกบาปช้าเพราะขี้เกียจ’
2. ‘ผู้ที่ตายอย่างไม่ทันตั้งตัวและสารภาพบาปในนาทีสุดท้าย’
3. ‘ผู้ที่หมกมุ่นในชีวิตประจำวันจนลืมสารภาพบาป’
ชั้นเหล่านี้รวมกันเป็น ‘ไฟชำระรอบนอก’
เมื่อผ่าน ‘ประตูไฟชำระ’ ไปแล้ว ผู้เล่นจะเข้าสู่ชั้นที่เกี่ยวกับการล้างบาปของบาปต่างๆ เช่น:
• ความหยิ่งยโส
• ความอิจฉาริษยา
• ความโกรธ
• ความเกียจคร้าน
• ความโลภ
• ความตะกละ
• ความใคร่
แต่ละชั้นจะมีตัวแทนที่เกี่ยวข้อง เช่น กวินิแซรี (Guinizelli), เบลลาควา (Belacqua), และเบียทริช (Beatrice)
แผนผังทั้งหมดถูกวาดอย่างละเอียดในแผ่นภาพต้นฉบับขนาดใหญ่ ที่ระบุโครงสร้างภูเขาไว้อย่างชัดเจน
• แต่ละชั้นของไฟชำระจะมีสไตล์และธีมที่แตกต่างกัน เช่น ชั้นของ “ตะกละ” ใน “Divine Comedy” ถูกอธิบายว่า วิญญาณที่โลภมากด้านการกินจะผอมแห้งเพราะความหิวโหย ซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยตัวให้ตามใจปากในชีวิตที่ผ่านมา
• ฉากของแต่ละชั้นจะสะท้อนลักษณะเฉพาะของธีมนั้นโดยตรง
• ตัวอย่างเช่น ชั้นของ “ตะกละ” ถูกสร้างขึ้นจากอาหารขนาดมหึมา ผู้เล่นต้องดันก้อนหินผ่านไปในสภาพแวดล้อมที่ประกอบด้วยอาหารยักษ์
• ในชั้นของ “โลภ” ฉากจะเต็มไปด้วยอัญมณีและของมีค่า ส่วนชั้นของ “ราคะ”… ไม่สามารถอธิบายละเอียดได้เนื่องจากการตรวจสอบเนื้อหา
• เมื่อผู้เล่นไปถึงยอดของไฟชำระ จะเข้าสู่ “สวนสวรรค์บนดิน” หรือที่รู้จักในชื่อ “เอเดน”
• ใน “Divine Comedy” ของดันเต้ เมื่อเดินผ่านประตูไฟชำระ เทวดาผู้เฝ้าประตูจะสลักอักษร P เจ็ดตัวบนหน้าผาก (แทนตัวอักษรแรกของบาปในภาษาละติน) และในทุกชั้นที่เดินผ่าน อักษร P จะถูกลบออกหนึ่งตัว ซึ่งแสดงถึงการล้างบาปแต่ละประเภท
• แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้ในเกม “ไซซีฟัส” ผู้เล่นต้องดันก้อนหินจากชั้นล่างสุดซึ่งเป็นชายหาด ไปจนถึงยอดเขาที่เป็นสวนสวรรค์บนดิน
การเล่นเกม
• ระหว่างทาง ผู้เล่นจะเจอเส้นทางที่คดเคี้ยวและซับซ้อน ก้อนหินอาจกลิ้งกลับไปที่จุดเริ่มต้นหากควบคุมผิดพลาด ซึ่งทำให้ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
• การควบคุมในเกมนั้นเรียบง่าย มีเพียง 3 การกระทำ: เดิน, ยกหิน, และกระโดด การกระทำแต่ละอย่างจะมีปฏิสัมพันธ์กับก้อนหินในรูปแบบต่างๆ
• ก้อนหินในเกมมีลักษณะเป็นทรงกลมที่มีขอบเหลี่ยมเพื่อให้ผู้เล่นยังคงมีความหวังในการดันขึ้นยอดเขา
• ขนาดของหินใหญ่โตพอสมควร และเมื่อไซซีฟัสดันหิน ความรู้สึกที่ได้จะดูยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ
• ไซซีฟัสในตำนานมีพละกำลังมหาศาล เขาสามารถยกหินข้ามสิ่งกีดขวางบางอย่างได้ แต่การยกหินจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ และต้องการการคำนวณที่แม่นยำ
อุปสรรคและความยากลำบาก
• ระบบการเคลื่อนที่ในเกมได้รับผลกระทบจากแรงเฉื่อยของก้อนหิน ทำให้การควบคุมเป็นไปอย่างท้าทาย
• ในการเดินขึ้นเนิน ความเร็วของผู้เล่นจะลดลงตามความชัน และการผ่านอุปสรรคบางอย่าง เช่น ร่องเล็กๆ อาจทำให้ก้อนหินหลุดมือได้
• การกระโดดพร้อมหินเป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก เพราะหากกะระยะผิดพลาด ผู้เล่นอาจสูญเสียการทรงตัวและตกลงมา
ศัตรูในเกม
• เกมนี้ไม่ได้มีมอนสเตอร์จำนวนมาก แต่มี “มังกรไฟชำระ” ที่เป็นศัตรูหลัก
• มังกรตัวนี้มีรูปร่างน่ากลัว มีปีกใหญ่และลำตัวที่เต็มไปด้วยรอยแยกและเปลวเพลิงนรก
• มังกรไม่ได้โจมตีไซซีฟัสโดยตรง แต่มักปรากฏตัวในจุดที่ผู้เล่นเดินทางผ่าน โดยมีการกระทำที่ส่งผลกระทบ เช่น การสร้างลมแรงด้วยปีกหรือพ่นเปลวไฟ
• หากผู้เล่นอยู่ในระหว่างการเคลื่อนไหวเมื่อมังกรปรากฏ อาจทำให้ก้อนหินหลุดมือหรือเสียสมดุลจนตกลงมา
• แม้จะอยู่นิ่งๆ เพื่อหลบลม ผู้เล่นยังมีความเสี่ยงที่จะถูกเปลวไฟเผาไหม้
สรุป
• ลู่ฟานไม่เคยพบไซซีฟัสจริง แต่เขาคาดว่าเกมนี้น่าจะยากยิ่งกว่าความเป็นจริงในตำนานเสียอีก!