บทที่ 12 ผู้ทดสอบที่เหมาะสม
บทที่ 12 ผู้ทดสอบที่เหมาะสม
ในส่วนของสัญญาภายใต้หัวข้อ “ค่าตอบแทนแรงงานและการแบ่งปันกำไรของบริษัท” มีข้อจำกัดที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า:
“เงินเดือนพื้นฐานของพนักงานบริษัท ‘นรกสวรรค์’ จะเท่ากับ 80% ของเงินเดือนพื้นฐานที่สูงที่สุดที่พนักงานคนดังกล่าวสามารถได้รับในบริษัทอื่นบนโลกมนุษย์”
ทำไมลิลิธถึงกำหนดข้อจำกัดนี้ขึ้นมา?
เห็นได้ชัดว่า นี่คือหลุมพรางที่เธอตั้งใจวางเอาไว้
ในมุมมองของลิลิธ “บริษัทนรกสวรรค์” มีค่าเพียงแค่การสร้างเกมเพื่อเก็บเกี่ยวอารมณ์ด้านลบ ดังนั้นบริษัทนี้จึงไม่จำเป็นต้องทำกำไรเลย
ส่วนเงื่อนไขที่ว่า “เมื่อบริษัทนรกสวรรค์กลายเป็นบริษัทเกมที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกมนุษย์ สัญญาจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ” นั้นก็เป็นเพียงเช็คเปล่าที่เธอออกให้กับลู่ฟาน เป็นเงื่อนไขที่ไม่มีวันเป็นจริง
ดังนั้นลิลิธจึงตั้งข้อจำกัดเกี่ยวกับเงินเดือนพื้นฐาน เพื่อทำให้ลู่ฟานไม่สามารถจ้างพนักงานที่มีคุณภาพสูงได้
พนักงานยิ่งแย่เท่าไหร่ เกมยิ่งห่วยเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถเก็บเกี่ยวอารมณ์ด้านลบได้มากเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ ลู่ฟานกลับใช้ข้อจำกัดนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อปฏิเสธผู้สมัครที่เขาไม่ต้องการ
แม้ว่าหลังจากนี้ลิลิธจะถามถึง เขาก็สามารถตอบกลับด้วยเหตุผลที่หนักแน่นได้
ไม่นานนัก เวลาเดินมาถึงบ่ายสามโมง
ในระหว่างนี้ ลู่ฟานสัมภาษณ์ผู้สมัครงานไปสองคน ซึ่งล้วนไม่ประสบความสำเร็จ
และในครั้งนี้ ผู้สมัครที่มาเป็นหญิงสาวอายุน้อย เมื่อเห็นประวัติของเธอ ลู่ฟานถึงกับเหงื่อตก
ซูถง หญิงสาว อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาจบใหม่จากคณะวรรณกรรม มหาวิทยาลัยชื่อดังในเมืองหลวง
เธอไม่มีประสบการณ์ทำงานนักศึกษา และไม่มีประสบการณ์ฝึกงาน แต่ได้รับทุนการศึกษาระดับชาติสี่ปีติดต่อกัน
เป็นสุดยอดนักศึกษาตัวจริง!
ลู่ฟานไอเบาๆ แล้วถามอย่างตั้งใจว่า “ด้วยผลการเรียนของคุณ คุณน่าจะได้รับสิทธิ์เรียนต่อปริญญาโทโดยตรงใช่ไหม?”
ซูถงพยักหน้า เสียงใสไพเราะ “ใช่ค่ะ แต่ฉันสละสิทธิ์ไปแล้ว”
เธอแทบไม่ได้แต่งหน้า เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เรียบง่าย แต่มีรอยยิ้มสดใสและเปล่งประกายแห่งความกระตือรือร้นอยู่เสมอ
สิ่งนี้ทำให้ลู่ฟานอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนางเอกในละครเช้าของญี่ปุ่น ที่มักจะสดใส ร่าเริง และมุ่งมั่น
“ทำไมถึงเลือกแบบนั้น?” ลู่ฟานถามด้วยความงุนงง
ซูถงตอบอย่างจริงจัง “เพราะฉันเริ่มสนใจวงการเกมมากขึ้น และอยากเป็นนักออกแบบที่ยอดเยี่ยม เพื่อสร้างเกมที่สนุกให้กับผู้เล่นทั่วโลกค่ะ!”
เพียงเพราะเหตุผลนี้เธอถึงกับสละโอกาสเรียนต่อ?
เอาเถอะ โลกของนักศึกษายอดเยี่ยมแบบนี้ฉันไม่เข้าใจ
ลู่ฟานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามต่อ “คุณเคยเล่นเกมมากี่เกม?”
ซูถงตอบเบาๆ “ไม่… ไม่กี่เกมค่ะ ประมาณสี่ถึงห้าเกม…”
ลู่ฟานถามอีก “แล้วความสามารถในการเล่นเกมของคุณล่ะ? เคยเล่นเกม ROV ไหม? ได้อันดับถึงระดับไหน?”
ซูถงพูดเสียงแผ่วเบาลงกว่าเดิม “ระดับ… ทอง 4…”
เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของลู่ฟาน เธอรีบเสริม “เพราะเวลาที่ฉันเล่นน้อยค่ะ! ถ้ามีเวลาเล่นมากกว่านี้ ฉันคิดว่าน่าจะไปถึงระดับแพลตินัม… หรือไม่ก็ระดับเพชร!”
เห็นได้ชัดว่าเธอต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่จะพูดคำว่า “ระดับเพชร” ออกมา ในสายตาของเธอ นั่นคงเป็นเป้าหมายที่สูงมาก และอาจดูเหมือนการคุยโวเล็กน้อย
ลู่ฟานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนถาม “ถ้าผมเดาไม่ผิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณสัมภาษณ์งานในบริษัทเกมใช่ไหม?
“คุณน่าจะเคยสัมภาษณ์งานในตำแหน่งนักออกแบบเกมมาก่อน แต่ไม่สำเร็จ?
“แล้วคุณก็เคยลองสัมภาษณ์ในตำแหน่งนักทดสอบเกม แต่ก็ยังไม่ผ่านอีก?”
“คุณรู้ได้ยังไงคะ?!” ซูถงแปลกใจ ก่อนที่สีหน้าของเธอจะหม่นลง “ฉัน… ฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ…”
ลู่ฟานไม่รู้จะพูดอะไรดี
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเดา
เพราะในเวลานี้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการสมัครงานนักศึกษาจบใหม่ได้ผ่านไปนานแล้ว และการที่ซูถงเลือกที่จะสละสิทธิ์เรียนต่อ ก็เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นอีก
ในช่วงเวลานั้น เธอคงส่งใบสมัครไปหลายที่แล้ว
แต่ทำไมถึงไม่สำเร็จเลย?
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำถามที่แม้แต่ตัวซูถงเองก็ไม่เข้าใจ
ตามหลักแล้ว ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงก็น่าจะเป็นใบเบิกทางที่ทรงพลังเพียงพอที่จะเปิดประตูบริษัทส่วนใหญ่ในประเทศ
แต่กรณีของซูถงมีความพิเศษนิดหน่อย
เธอมีประสบการณ์เล่นเกมน้อยเกินไป และความสามารถในการเล่นเกมก็ต่ำเกินไป ไม่ผ่านเกณฑ์พื้นฐานของบริษัทเกมเลย!
ลู่ฟานไม่เคยคิดมาก่อนว่าในเกมอย่าง ROV ที่“ทุกคนเป็นระดับเทพ” จะยังมีคนอยู่ในระดับทอง 4 ได้ เธอทำได้ยังไง? นี่มันเรื่องลึกลับอย่างแท้จริง
ในเกมนี้ แม้ว่าจะมีระดับ “ทองแดง” และ “เงิน” แต่ระดับเหล่านี้ไม่ว่าจะแพ้กี่ครั้งก็ไม่ทำให้ลดอันดับได้ กล่าวคือ หากเล่นไปเรื่อยๆ สักพักก็จะเลื่อนไปถึงระดับทองได้เอง
และ “ทอง 4” ก็เป็นระดับต่ำสุดของทอง
อยู่ดีๆ ลู่ฟานก็รู้สึกสงสารเพื่อนร่วมทีมของซูถงในเกมขึ้นมาทันที
นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่า “เด็กมหาวิทยาลัย” ซึ่งน่ากลัวกว่า “เด็กประถม” ที่เคยเป็นตำนานอีกหลายเท่า
เห็นได้ชัดว่าความน่ากลัวระดับนี้สุดจะบรรยาย!
สำหรับบริษัทเกมแล้ว การรับสมัครนักศึกษาจบใหม่ไม่ได้มีเกณฑ์ที่ตายตัว เพราะในประเทศก็ไม่มีคณะที่สอนด้านการออกแบบเกมโดยเฉพาะ แต่มีข้อกำหนดหนึ่งคือ ผู้สมัครควรมีประสบการณ์เล่นเกมอย่างเพียงพอ และมีพรสวรรค์ด้านเกมในระดับหนึ่ง
เพราะประสบการณ์เล่นเกมสะท้อนถึงความสนใจในวงการนี้ ส่วนพรสวรรค์แสดงถึงความสามารถในการเข้าใจกลไกของเกม
ซูถงกลับไม่ผ่านเกณฑ์พื้นฐานทั้งสองข้อ
แต่เธอก็เป็นนักศึกษายอดเยี่ยมจากมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง นี่น่าจะเป็นข้อได้เปรียบใช่ไหม?
คำตอบคือไม่ใช่...
เพียงดูจากวุฒิการศึกษาก็สามารถบอกได้ว่าเธอเป็นคนที่มีสติปัญญาสูง และสาขาที่เรียนก็เหมาะกับการทำงานด้านวางแผนเนื้อเรื่อง
แต่ปัญหาคือ ยิ่งเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ โอกาสทำงานอื่นที่ได้รับค่าตอบแทนดีก็มีมากกว่า
ส่วนใหญ่แล้ว บริษัทเกมมักให้เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับนักออกแบบเกมมือใหม่ประมาณ 3,000-4,000 หยวนต่อเดือน และตำแหน่งนักทดสอบเกมก็ยังได้เงินเดือนน้อยกว่านั้น
ในทางกลับกัน ถ้าซูถงเลือกทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ เช่น ตำแหน่งงานเอกสาร เงินเดือนเริ่มต้นก็ไม่ต่ำกว่า 10,000 หยวน
ดังนั้น บริษัทเกมส่วนใหญ่จึงมองว่า ซูถงไม่น่าจะเหมาะกับงานนี้ และถึงจะรับเข้ามา ก็มีโอกาสสูงที่เธอจะลาออกในไม่ช้า จึงปฏิเสธเธอไป
แน่นอนว่า หากซูถงยังคงยืนยันและส่งใบสมัครต่อไปเรื่อยๆ อาจมีบริษัทที่ยอมรับเธอเพียงเพราะคำว่า “มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง”
แต่จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่มีโชคดีเช่นนั้น
เมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มตึงเครียด ซูถงรีบพูดขึ้น “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องวงการเกม แต่ฉันมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะอยู่ในวงการนี้ และมั่นใจว่าจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้ค่ะ! ขอเพียงแค่ให้โอกาสฉัน เริ่มต้นจากตำแหน่งนักทดสอบเกมก็ได้ค่ะ”
ลู่ฟานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถาม “ข้อเสนอที่ดีที่สุดที่คุณเคยได้รับ เงินเดือนพื้นฐานเท่าไหร่?”
ซูถงหน้าเริ่มแดง “ไม่… ไม่มีค่ะ”
ลู่ฟานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “ไม่นับบริษัทเกม บริษัทอื่นก็ได้”
ซูถงคิดแล้วตอบ “ถ้านับบริษัทอื่น มีครั้งหนึ่งที่ฉันไปสัมภาษณ์กับเพื่อนที่บริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง เขาเสนอเงินเดือน 8,000 หยวน แต่เพื่อนบอกว่าเงินเดือนนี้ต่ำไป เลยไม่ได้ไปค่ะ
“หลังจากนั้น ฉันก็สมัครเฉพาะบริษัทเกม ก็ไม่ได้รับข้อเสนออีกเลย…
“ไม่ต้องห่วงค่ะ สำหรับเงินเดือน ฉันไม่ได้คาดหวังสูง 3,000 ก็พอค่ะ”
ลู่ฟานหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมาอีกครั้ง
“ลบค่าเดิมก่อน… 8,000 คูณ 0.8 ได้เท่ากับ 6,400”
เขามองไปที่ซูถงแล้วพูดว่า “งั้นผมเสนอเงินเดือนพื้นฐานให้คุณที่ 6,400 หยวน ถ้าเกมมีกำไร อาจมีโบนัสหรือสวัสดิการเพิ่มเติม ตำแหน่งคือหัวหน้าทีมทดสอบ ตกลงไหม?
“แม้ตอนนี้คุณยังไม่ได้มีส่วนร่วมในงานออกแบบ แต่คุณจะได้เข้าร่วมทุกขั้นตอนของการพัฒนาเกม เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม จะเรียนรู้ได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณเอง
“ถ้าไม่มีปัญหา เราจะเซ็นสัญญากัน”
ทันใดนั้น สีหน้าของซูถงเต็มไปด้วยความดีใจ “จริงเหรอคะ? ดีมากเลย! ฉันสัญญาว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ค่ะ!”
ลู่ฟานยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องทำงานหนักเกินไป แค่ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดก็พอ”
ซูถงไม่เข้าใจว่าคำพูดนี้มีความหมายอะไร แต่เธอคิดว่ามันอาจเป็นคำสนับสนุนและกำลังใจ
“พรุ่งนี้เราจะเริ่มพัฒนาโครงการใหม่แล้ว ขอให้เราร่วมงานกันอย่างราบรื่น!”
ลู่ฟานรู้สึกดีใจ งานรับสมัครในวันนี้เสร็จสมบูรณ์!
เวลา 5 โมงเย็น
เหรินหยูนั่งเล่นเกมที่บ้าน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่าง
“อ้อ! นี่มันเวลาที่บริษัทนั้นจะโทรมาแจ้งผลสัมภาษณ์นี่!”
เหรินหยูเตรียมคำปฏิเสธไว้เรียบร้อยแล้ว แต่รอจนเกือบหกโมงเย็นก็ยังไม่มีสายเรียกเข้า
“มือถือก็ไม่ได้ถูกระงับบริการนี่นา?”
เขารู้สึกงง เพราะทุกอย่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า บริษัทเกมแห่งนี้… ดูเหมือนจะไม่ต้องการเขาจริงๆ
“นี่มันอะไรกัน! น่าหงุดหงิดจริงๆ!”
เหรินหยูเกาหัวด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเริ่มเล่นเกมตาต่อไป