บทที่ 1 ปฏิทินโบราณ
วันที่ยี่สิบสาม เดือนสี่ตามปฏิทินจันทรคติ ฤดูหว่านพืช
ภายนอกฝนกำลังตก หนิงเจ๋อเดินเข้าไปในศาลเจ้าเพื่อบูชาเทพอสรพิษ พร้อมกับเปิดปฏิทินโบราณที่ตอกไว้บนลิ้นของรูปสลักเทพอสรพิษ เพื่อดูคำพยากรณ์ประจำวัน
[กิจที่ควรทำ ไม่มีระบุ]
[กิจที่ห้ามทำ เดินทางไกล, ฝังศพ, ร่วมพิธีศพ, เซ่นไหว้]
“ห้ามเดินทาง…วันนี้มีกฎห้ามออกนอกบ้านงั้นหรือ?” หนิงเจ๋อจ้องมองปฏิทินโบราณตรงหน้าพร้อมจดจำข้อความทั้งหมดอย่างแม่นยำ
เนื้อหาของปฏิทินโบราณคือกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอดในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้
หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า “เหอเจีย” ตั้งอยู่กลางแอ่งน้ำล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชันทั้งสี่ด้าน หมู่บ้านนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยแม่น้ำสายหนึ่งและเชื่อมโยงด้วยสะพานโค้งสามแห่ง
ชาวเหอเจียบูชาเทพอสรพิษ ทุกบ้านมีภาพวาดของเทพนี้ติดไว้ รูปสลักเทพอสรพิษที่แกะสลักจากรากต้นการบูรประดิษฐานอยู่ในศาลบรรพบุรุษทางใต้ของหมู่บ้านโดยรายล้อมด้วยแผ่นป้ายวิญญาณของบรรพชน — นี่คือสถานที่ที่หนิงเจ๋อกำลังยืนอยู่
ลิ้นของรูปสลักเทพอสรพิษมีปฏิทินโบราณเล่มหนึ่งถูกตอกไว้ ทุกคืนย่ำค่ำชาวหมู่บ้านจะต้องมาที่ศาลเจ้าเพื่อเปิดปฏิทินหนึ่งหน้า ดูคำพยากรณ์ประจำวันจากนั้นถึงจะหลับได้อย่างสบายใจ
ชาวบ้านเล่าว่าคำพยากรณ์บนปฏิทินโบราณคือเบาะแสจากเทพอสรพิษ
กิจที่ควรทำและห้ามทำในแต่ละวันจะสุ่มเปลี่ยนไป หากรู้เนื้อหาเหล่านี้ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงเคราะห์ร้ายได้ การทำกิจที่ควรทำจะนำโชคดีมาให้ ในทางกลับกันการฝ่าฝืนสิ่งที่ห้ามทำจะนำโชคร้ายมาและหากฝ่าฝืนบ่อยครั้งจะนำไปสู่เคราะห์หนัก บางคนถึงขั้นเสียชีวิตอย่างลึกลับ
หนิงเจ๋อเคยประสบด้วยตัวเอง
เมื่อวานตอนที่เขาเพิ่งมาถึงหมู่บ้านโดยไม่รู้กฎ เขาได้ละเมิดข้อห้ามที่ระบุในปฏิทินว่า “ห้ามพบเห็นชีวิตใหม่” และ “ห้ามกำจัดศัตรูพืช” ผลที่ตามมาคือเขาต้องทนกับโชคร้ายตลอดวัน
เขาสะดุดล้มบนถนนที่มีร่องระหว่างแผ่นหิน โดนกระเบื้องหลังคาหล่นใส่หัวและพอคิดจะออกไปข้างนอกฝนก็เทลงมาอย่างหนัก โชคร้ายจนเขาต้องอดทนจนถึงเที่ยงคืน ในหมู่บ้านที่ห่างไกลจากโลกภายนอกเช่นนี้ วันที่ใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น
หนิงเจ๋อเฝ้ารออยู่หน้าประตูศาลเจ้าและทันทีที่ถึงเวลาเที่ยงคืน เขาเปิดปฏิทินโบราณเพื่อดูคำพยากรณ์ประจำวัน
เขายืนยันเนื้อหาบนปฏิทินอีกครั้ง
[กิจที่ควรทำ ไม่มีระบุ]
[กิจที่ห้ามทำ เดินทางไกล, ฝังศพ, ร่วมพิธีศพ, เซ่นไหว้]
“ฝังศพ, ร่วมพิธีศพ, เซ่นไหว้ เข้าใจง่ายดี แต่ ‘ห้ามเดินทาง’ หมายถึงอะไร? หมายถึงการออกนอกหมู่บ้านหรือการออกนอกอาคารก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน?”
หนิงเจ๋อสงสัย สายตาเลื่อนขึ้นไปที่ข้อความหลังคำว่า “กิจที่ควรทำ” ซึ่งยังว่างเปล่า
“ทำไมปฏิทินถึงมีแต่ข้อห้าม แต่ไม่มีกิจที่ควรทำ?”
วันนี้เป็นวันไม่ควรทำอะไรเลยหรือ?
ขณะเขากำลังสงสัย เสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นนอกศาลเจ้า น่าจะเป็นชาวบ้านที่มาดูปฏิทิน หนิงเจ๋อถอยห่างจากแท่นบูชารูปสลักเทพอสรพิษแล้วเดินไปยังประตูด้านข้างของศาลเจ้าเตรียมจะออกไป
ชาวบ้านในเหอเจียไม่ใช่คนที่ไว้ใจได้ หากเลี่ยงได้หนิงเจ๋อไม่อยากข้องเกี่ยวกับพวกเขา
แต่แล้วแสงเทียนที่แกว่งไกวอยู่ด้านหลังทำให้หนิงเจ๋อลังเล เขาไม่แน่ใจว่าข้อห้าม “ห้ามเดินทาง” มีความหมายอย่างไร เมื่อวานเขาเคราะห์ร้ายมามากพอแล้ว
“เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน คำพยากรณ์ประจำวันจะถูกรีเซ็ต หากการออกนอกบ้านถือเป็นการละเมิดข้อห้าม ชาวบ้านที่มาเปิดปฏิทินตอนนี้ก็น่าจะได้รับผลกรรมแล้ว” หนิงเจ๋อคิดในใจ
เทพอสรพิษเป็นเทพที่เมตตา ผู้ที่ละเมิดข้อห้ามครั้งแรกโดยไม่ตั้งใจจะพบเคราะห์เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งหมายความว่าหากสังเกตชาวบ้านที่มาเปิดปฏิทินแล้วพบว่าพวกเขาโชคร้ายก็จะพอสรุปได้ว่าการออกนอกบ้านเป็นการละเมิดข้อห้าม
คิดได้ดังนั้น หนิงเจ๋อยังไม่รีบร้อนออกไป เขาแอบซ่อนตัวอยู่หลังเสาใกล้ผนัง เสานั้นทาสีดำสนิท มีม่านผ้าสีแดงเข้มเก่าคร่ำคร่าห้อยอยู่ เทียนที่ริบหรี่ให้แสงสลัวจากด้านล่าง หนิงเจ๋อหลบหลังม่าน มองลอดช่องแสงไปยังประตูศาลเจ้า
เสียงฝีเท้าที่เบาและทุ้มต่ำดังพร้อมเสียงน้ำหยดจากรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่หนึ่งที่เหยียบย่ำแอ่งน้ำบนถนนมาหยุดอยู่หน้าประตูศาลเจ้า
“…” หนิงเจ๋อจ้องมองเงาร่างที่เดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มร่างกำยำผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาดูเหมือนจะอายุไม่ถึงสามสิบปี เสื้อกล้ามที่เรียบง่ายกับกางเกงขาสั้นหลวมๆที่เหมาะสำหรับการวิ่งและรองเท้าผ้าใบ บ่งบอกว่าเขาเป็นคนที่รักการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นการแต่งกายที่ดูธรรมดา แต่กลับทำให้หนิงเจ๋อรู้สึกหนาวเหน็บ
“ตั้งแต่ที่ฉันถูกพัดเข้ามาในหมู่บ้านเหอเจีย คนในหมู่บ้านที่ฉันเห็นล้วนมีท่าทางแปลกประหลาด พวกเขาสวมเสื้อผ้าป่านที่ล้าสมัย ใช้ไถนาแบบลากด้วยวัวแบบดั้งเดิม การพูดจายังมีสำเนียงเฉพาะของชาวฮักกา...ในหมู่บ้านไม่มีแม้แต่หลอดไฟไฟฟ้าแม้แต่ดวงเดียว”
“ถ้าไม่ใช่เพราะกฎประหลาดของที่นี่กับพฤติกรรมที่เหมือนหุ่นเชิดของชาวบ้าน ฉันคงคิดว่าตัวเองย้อนยุคไปสมัยโบราณ”
แต่ในหมู่บ้านที่เหมือนหลุดจากยุคโบราณนี้ เขากลับได้เจอคนที่แต่งกายสมัยใหม่อีกคนหนึ่ง
“เขาเป็นใคร? เป็นคนที่ถูกพัดเข้ามาในที่แห่งนี้เหมือนกันหรือเปล่า? หรือว่ามีคนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่นอกจากฉัน?”
ความสงสัยต่างๆนานาเกิดขึ้นในหัวของหนิงเจ๋อ แต่ด้วยนิสัยระมัดระวังของเขา เขาจึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามและพยายามควบคุมลมหายใจไม่ให้เกิดเสียง หนิงเจ๋อจ้องมองชายหนุ่มในเสื้อกล้ามเดินเข้ามาในศาลเจ้าแล้วเดินไปยังห้องโถงด้านในหยุดอยู่หน้ารูปสลักเทพอสรพิษ
“เป้าหมายของเขาคือปฏิทินโบราณ” หนิงเจ๋อรู้ได้ทันทีในใจ
ชายหนุ่มในเสื้อกล้ามน่าจะเป็นคนต่างถิ่นที่ถูกพัดเข้ามาในหมู่บ้านแปลกประหลาดนี้โดยบังเอิญเหมือนกับตัวเขาเอง และบางทีอาจเคยฝ่าฝืนข้อห้ามของเทพอสรพิษโดยไม่ตั้งใจ การที่เขามาศาลเจ้าตอนดึกดื่นแบบนี้น่าจะเพื่อเปิดดูปฏิทินโบราณเพื่อตรวจสอบคำพยากรณ์ประจำวัน
ชายหนุ่มเงยหน้ามองปฏิทินเก่าที่แขวนอยู่บนลิ้นของรูปสลักเทพอสรพิษด้วยใบหน้าสงสัย หนิงเจ๋อรู้ว่าเขากำลังสงสัยอะไร
“เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนแรกที่มาถึงศาลเจ้า ปฏิทินยังไม่ได้ถูกเปิดหน้าใหม่ ยังค้างอยู่ที่เมื่อวาน ดังนั้นเขาถึงสงสัยว่าทำไมเนื้อหาในปฏิทินถึงไม่ตรงกับสิ่งที่เขาฝ่าฝืนเมื่อวาน”
แต่ในความเป็นจริง หนิงเจ๋อที่มาถึงก่อนหน้าได้เปิดปฏิทินไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ตรงกัน
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่งหน้ารูปสลักเทพอสรพิษ สุดท้ายก็เอื้อมมือไปยังปฏิทิน
“ใช่แล้ว ปฏิทินนี้ไม่มีวันที่แบบสากล มีแต่วันที่ตามปฏิทินจันทรคติ สำหรับคนยุคใหม่ที่คุ้นเคยกับปฏิทินแบบสากลคงยากที่จะบอกได้ว่าเนื้อหานี้เป็นของวันนี้หรือเปล่า” หนิงเจ๋อคาดเดาสถานการณ์
ในความเป็นจริง หากเปิดดูโทรศัพท์มือถือก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้ เพราะปกติแอปปฏิทินจะแสดงทั้งวันที่ตามปฏิทินสากลและจันทรคติพร้อมกัน แต่เพราะเนื้อหาในปฏิทินไม่ตรงกับสิ่งที่เขาฝ่าฝืนเมื่อวาน ความจริงที่ขัดแย้งนี้ทำให้ชายหนุ่มเกิดความตื่นตระหนก เขาจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้
ในสถานการณ์ที่กฎลึกลับและความตายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแบบนี้ มีน้อยคนที่จะสามารถรักษาสติได้ตลอดเวลา
หนิงเจ๋อกลั้นลมหายใจ สายตาจ้องมองมือของชายหนุ่มที่เอื้อมไปพลิกหน้าปฏิทิน
“ถ้าปฏิทินที่เปิดไปถึงวันนี้ถูกพลิกไปอีกหน้าจะเผยให้เห็นคำพยากรณ์ของวันพรุ่งนี้หรือเปล่า?”
หนิงเจ๋อไม่มีความตั้งใจจะเตือนชายหนุ่ม เขาเพียงสงสัยสิ่งเดียว การดูคำพยากรณ์ของวันพรุ่งนี้ในวันนี้จะถูกเทพอสรพิษยอมรับหรือไม่?
คำตอบก็ปรากฏในเวลาไม่นาน
ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดปฏิทิน เสียงดังตุบก็ดังขึ้นในศาลเจ้า
นั่นคือเสียงร่างของคนกระแทกกับพื้นดิน เขาไม่สามารถเปิดปฏิทินไปถึงวันพรุ่งนี้ได้ ร่างกายของเขาล้มลงเหมือนถูกปลดพลังงานและนิ่งสนิท
“ดูเหมือนคำตอบคือไม่อนุญาตสินะ” หนิงเจ๋อพึมพำในใจ
แม้จะยังไม่ได้ตรวจสอบร่างของชายหนุ่มอย่างละเอียด แต่ลางสังหรณ์บางอย่างในใจของหนิงเจ๋อบอกเขาว่า
ชายคนนี้เสียชีวิตแล้ว
ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาจากประตูหน้า หน้ากระดาษที่ถูกเปิดออกนั้นยังคงปลิวไสวอยู่ในอากาศเหมือนใบไม้แห้ง เสียงกรอบแกรบดังขึ้นเหมือนปีกของผีเสื้อสีเหลืองหม่นบินวนอยู่ในความเงียบงันของศาลเจ้า บนหน้ากระดาษปรากฏคำว่า “คำพยากรณ์ของวันพรุ่งนี้” เลือนลางอยู่ใต้ปีกของมัน
หนิงเจ๋อสูดลมหายใจลึกเบือนสายตาออกจากปฏิทินแต่ยังไม่คิดจะจากไป
การเสียชีวิตของชายหนุ่มในเสื้อกล้ามไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการฝ่าฝืนข้อห้ามบางอย่างที่อยู่เหนือกฎที่ระบุไว้ในคำพยากรณ์
“เหมือนกฎลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้กฎหลัก?” หนิงเจ๋อครุ่นคิดในใจ พลางก้าวออกจากที่ซ่อน
ลมเย็นพัดไหวในศาลเจ้า หนิงเจ๋อลากร่างชายหนุ่มออกจากหน้าแท่นบูชา และซ่อนศพไว้ใต้โต๊ะบูชาที่คลุมด้วยผ้าสีแดงสด ศพที่เพิ่งเสียชีวิตใหม่ ๆ จะไม่ส่งกลิ่นในระยะเวลาอันสั้น การซ่อนไว้ที่นี่น่าจะปลอดภัยจากการถูกพบ
เขาจัดผ้าคลุมโต๊ะให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับไปซ่อนตัวที่หลังม่านใกล้กำแพงอีกครั้ง
“ในหมู่บ้านนี้นอกจากฉันและชายคนนี้น่าจะยังมีคนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาอาจจะมาที่ศาลเจ้าเพื่อเปิดปฏิทิน”
หนิงเจ๋อไม่ได้หวาดกลัวต่อความตายลึกลับที่เกิดขึ้นต่อหน้า แต่ยังคงตระหนักถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป—การสังเกตชาวบ้านที่มาที่นี่ ว่าพวกเขาโชคร้ายหรือเปล่า บางทีอาจช่วยให้เขาเข้าใจข้อห้ามเรื่อง “ห้ามออกนอกบ้าน” ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ปฏิทินโบราณคือกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอดในหมู่บ้านเล็กๆที่แยกตัวออกจากโลกภายนอกแห่งนี้
(จบบท)