ตอนที่ 113 ทาสขุดเหมือง(ฟรี)
“ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ข้าต้องการคนงานเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่แล้ว!” แม่ทัพของลู่โฉ่วอี๋ถ่ายทอดคำสั่งนี้ไปยังทหารระดับล่าง
ไม่ต้องสนใจวิธีการ ขอเพียงแค่ผลลัพธ์น่าพึงพอใจ
แรงกดดันถูกส่งต่อลงมาเป็นทอด ๆ ทันใดนั้น กองทัพขนาดใหญ่ก็เคลื่อนพลเข้าสู่บริเวณชายแดนระหว่างไท่ห้าวและแดนเถื่อน เพื่อจับคนเรร่อน
ชนเผ่าเร่ร่อนบางส่วนถูกจับ บางส่วนหนีเข้าไปในป่าลึก ทำให้การจับกุมเป็นไปได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
“ท่านแม่ทัพ พวกเราจับพวกคนเรร่อนไม่ได้มาสามวันแล้ว” ทหารหลายคนยืนอยู่ต่อหน้าแม่ทัพด้วยสีหน้าบึ้งตึง
แม่ทัพเกาหัวด้วยความหงุดหงิด “จับทาส จับทั้งวัน! ตอนนี้ยิ่งจับยากขึ้นทุกที สู้ไปรบกับต้าเฉียนยังสนุกกว่า!”
ทุกคนต่างบ่นพึมพำ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม งานจากเบื้องบนก็ยังคงถูกส่งลงมาเรื่อย ๆ เป้าหมายในการจับทาสยังไม่สำเร็จ แต่กลับมีงานใหม่ถูกส่งลงมาอีก
ในที่สุดก็มีคนเสนอความคิด “ท่านแม่ทัพ ที่จริงแล้วยังมีชนเผ่าเร่ร่อนมากมายอาศัยอยู่ที่ชายแดน ถึงแม้พวกเขาจะมีอารยธรรมมากกว่าชนเผ่าเร่ร่อนทั่วไป แต่ก็ยังคงเป็นชนเผ่าเร่ร่อน…”
ตอนแรกแม่ทัพไม่เห็นด้วย
เพราะชนเผ่าเร่ร่อนที่ชายแดนเหล่านี้ถูกเรียกว่าชนเผ่าที่ผ่านการหลอมรวมแล้ว
พวกเขามาพึ่งพาอาศัยที่นี่เมื่อนานมาแล้ว
ทั้งยังแต่งงาน มีลูกหลาน ใช้ชีวิตเช่นคนธรรมดา และเป็นหนึ่งในประชาชนของไท่ห้าว
ครั้งนั้นตอนที่ลู่โฉ่วอี๋ออกต่อสู้กับชนเผ่าเร่ร่อน พวกเขายังให้ความช่วยเหลืออยู่
แต่เมื่อภารกิจตอนนี้ยากที่จะสำเร็จ
ในที่สุดก็มีคนเริ่มจับชนเผ่าเรร่อนที่ชายแดนของไท่ห้าว ชาวบ้านทั้งหมดถูกจับกลายเป็นทาสขุดเหมือง และถูกส่งไปยังเหมืองลึกในแดนเถื่อน
เหล่าแม่ทัพเริ่มจับชนเผ่าเร่ร่อนที่พวกเขารู้จัก แม้แต่ชนเผ่าอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่กับชนเผ่าที่พวกเขารู้จักก็ถูกจับไปด้วย
“ปล่อยพวกเรานะ! พวกเราเป็นประชาชนของไท่ห้าว!” ชาวบ้านต่างต่อสู้ขัดขืน แต่ก็ไร้ประโยชน์ หมู่บ้านตามชายแดนถูกกวาดล้าง ครอบครัวมากมายพลัดพรากจากกัน นี่คือหายนะอย่างแท้จริง
หายนะจากการจับทาสขุดเหมืองที่ชายแดนไม่ได้รับความสนใจ ลู่โฉ่วอี๋ไม่รู้เลยว่าคนงานที่ส่งไปให้สำนักไห่เหรินนั้นเพียงพอแล้ว
ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนมีนาคม ปีที่ 5 แห่งรัชศกหง ฤดูใบไม้ผลิอันแสนอบอุ่น ดอกไม้ผลิบาน ธารน้ำแข็งละลาย เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการยกทัพขึ้นเหนือ
ลู่โฉ่วอี๋นำกองทัพมุ่งหน้าไปทางเหนืออีกครั้ง
ครั้งนี้กองทัพแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมา ลู่โฉ่วอี๋มั่นใจว่าเขาจะสามารถยึดแคว้นต้าเฉียนและรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งได้
ที่จวนอ๋องหนาน หุบเขาด้านหลัง
ลู่เฉินเดินเล่นรอบสวนสมุนไพร รู้สึกพึงพอใจกับมัน
บ่อน้ำวิญญาณใต้ต้นโพธิ์มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ต้นท้อยืดอายุได้เติบโตเป็นต้นไม้เล็ก ๆ มีดอกท้อสีชมพูผลิบาน แสดงว่าเขาปลูกมันได้สำเร็จ แต่ยังคงอีกนานกว่าจะได้ลูกท้อวิญญาณ
ต้นผลทองคำก็เจริญเติบโตตามปกติ เดิมทีต้นผลทองคำจะมีเพียงที่ขึ้นเองตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาสามารถเพาะปลูกมันได้เองแล้ว
สิ่งที่ทำให้ลู่เฉินมีความสุขคือเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ภูเขาหมางซานได้เมล็ดพันธุ์ต้นพุทรามาจำนวนหนึ่ง ต้นพุทราเป็นของดี ปลูกง่าย และมีผลผลิตมาก
ตอนนี้ ต้นพุทราจะถูกปลูกไว้ตามที่ว่าง
หลังจากรอคอยอีกสองสามวัน เวลาฝึกฝนของลู่เฉินก็มากถึง 400 ปี
“400 ปี น่าจะเพียงพอสำหรับเคล็ดวิญญาณหมื่นพฤกษาแล้ว!” ลู่เฉินนั่งอยู่ในห้องเงียบ ๆ คนเดียว มองดูแผงควบคุมระบบด้วยความคาดหวัง
เขารอคอยวันนี้มานานกว่าหนึ่งปี สายตาของเขามองไปยังแถวสุดท้ายของแผงควบคุม มีข้อความปรากฏขึ้น
[ใช้ประสบการณ์บ่มเพาะกับ…]
“เคล็ดวิญญาณหมื่นพฤกษา”
[ระยะเวลาฝึกฝน…]
“400 ปี” ลู่เฉินไม่ลังเลที่จะใช้เวลาทั้งหมดที่มี
[ท่านเริ่มฝึกฝน “เคล็ดวิญญาณหมื่นพฤกษา” อีกครั้ง]
[ปีแรก ท่านได้ไปที่สำนักพืชวิญญาณ หวังว่าจะซื้อเมล็ดพันธุ์โสมวิญญาณเก้าภพ
บรรพชนหยางเหมยพบกับท่านและหวังว่าท่านจะเข้าร่วมสำนักพืชวิญญาณ แต่ท่านปฏิเสธ
บรรพชนหยางเหมยขายเมล็ดพันธุ์โสมวิญญาณเก้าภพให้ท่านหนึ่งร้อยเมล็ด แต่หากอัตราการรอดของต้นโสมไม่ถึง 80% ท่านต้องเข้าร่วมสำนัก นี่คือการเดิมพัน ท่านตอบตกลงด้วยความยินดี]
[ปีที่ห้า โสมวิญญาณเก้าภพที่ท่านปลูกทั้งหมดรอดชีวิต อัตราการรอดชีวิต 100%
คุณภาพของโสมก็ยอดเยี่ยม
บรรพชนหยางเหมยมาหาท่าน กล่าวชื่นชมท่านอย่างมากและหวังว่าท่านจะเข้าร่วมสำนักพืชวิญญาณ
ท่านปฏิเสธอีกครั้ง]
[ปีที่หก ท่านขายโสมวิญญาณเก้าภพทั้งหมดและต้องการซื้อต้นอ่อนผลเก้าภพ แต่บรรพชนหยางเหมยปฏิเสธและบังคับให้ท่านเข้าร่วมสำนัก]
[ปีที่เจ็ด ท่านปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสำนักพืชวิญญาณ ท่านจึงไม่ได้ต้นอ่อนผลเก้าภพ ท่านไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกลับบ้านและปลูกโสมวิญญาณเก้าภพอีกครั้ง]
[ปีที่สิบสอง โสมวิญญาณเก้าภพชุดใหม่ของท่านเติบโตขึ้น สำนักพืชวิญญาณที่กำลังโกรธท่าน จึงไม่มาซื้อ ท่านจึงนำมันไปประมูล
เซียนระดับวิญญาณแรกก่อตั้งและกึ่งวิญญาณแรกก่อตั้งจำนวนมากมารวมตัวกันที่เมืองหลวง โสมวิญญาณเก้าภพขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง]
[ปีที่สิบเจ็ด ท่านปลูกโสมวิญญาณเก้าภพอีกครั้ง รวมถึงราชาโสมด้วย
เซียนวิญญาณแรกก่อตั้งจากสำนักต่าง ๆ เดินทางมาที่เมืองหลวง เพื่อที่จะได้เห็นราชาโสม
ท่านตั้งราคา ราชาโสมแลกกับต้นอ่อนผลเก้าภพ]
[ปีที่ยี่สิบ เซียนผู้หนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ยได้ยินข่าวและเดินทางมาที่เมืองหลวง ขอให้ท่านปลูกผลเก้าภพให้
เดิมทีท่านไม่อยากออกจากบ้าน แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป ท่านจึงต้องติดตามนางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ย]
[ปีที่ยี่สิบสอง ท่านเริ่มปลูกผลเก้าภพ]
[ปีที่สี่สิบสอง ท่านปลูกผลเก้าภพในแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ยมา 20 ปีแล้ว ในที่สุดมันก็สุกงอม
เซียนผู้แข็งแกร่งมากมายในแดนศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาที่นี่ ท่านกลายเป็นเป้าหมายของทุกคน]
[ปีที่สี่สิบสาม เซียนที่คอยปกป้องท่านนำผลเก้าภพไปและเริ่มบ่มเพาะ ท่านสูญเสียผู้สนับสนุนในแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ย เซียนบางคนต้องการบังคับให้ท่านปลูกผลเก้าภพให้พวกเขา]
[ปีที่สี่สิบสี่ ท่านเลือกเซียนคนหนึ่งและปลูกผลเก้าภพให้เขา โดยมีข้อแม้ว่าเขาจะต้องมอบเศษดินเซียนให้ท่าน]
[ปีที่สี่สิบห้า ท่านเริ่มปลูกผลเก้าภพอีกครั้ง]
[ปีที่หกสิบห้า ท่านใช้เวลา 20 ปีในการปลูกผลเก้าภพ สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือครั้งนี้ได้ผลมาสองผล เซียนผู้นั้นดีใจมากและมอบเศษดินเซียนให้ท่านตามสัญญา]
[ปีที่หกสิบหก ท่านเตรียมตัวกลับบ้านพร้อมกับดินเซียน แต่มีเซียนผู้แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์มาบังคับให้ท่านปลูกผลเก้าภพให้เขา ท่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมทำตาม แต่ก็แอบหาทางหลบหนี]
[ปีที่เจ็ดสิบสอง โอกาสที่ท่านรอคอยก็มาถึง
เกิดศึกภายในแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อเยวี่ย มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ท่านรอดชีวิตเพราะเตรียมตัวล่วงหน้า จึงฉวยโอกาสนี้หลบหนี
ก่อนจากไป ท่านยังขโมยตำราของเซียนผู้นั้นติดมือกลับมาด้วย]
[ปีที่เจ็ดสิบห้า ท่านกลับไปที่เมืองหลวง แต่ท่านกลัวว่าเซียนจากแดนศักดิ์สิทธิ์จะมาหาท่านอีกครั้งเพื่อขอให้ปลูกผลเก้าภพ ท่านจึงย้ายต้นโพธิ์และเดินทางข้ามทะเล]
[ปีที่แปดสิบ ท่านเดินทางมาถึงเกาะแห่งหนึ่งที่อุดมไปด้วยพลังปราณ ปลูกต้นโพธิ์ และเริ่มบ่มเพาะ]
[ปีที่ร้อย อีกยี่สิบปีผ่านไป ต้นโพธิ์ที่ท่านปลูกได้เลื่อนระดับเป็นกึ่งเซียน “เคล็ดวิญญาณหมื่นพฤกษา” ของท่านพัฒนาขึ้นเล็กน้อย]
[ปีที่ร้อยห้า ท่านรู้สึกหงุดหงิดเพราะไม่รู้ว่าจะพัฒนาตัวเองต่อไปได้อย่างไร ท่านไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอ่านตำราโบราณที่ขโมยมา ในนั้นมีตำนานเกี่ยวกับผืนดินเซียน ท่านไม่เชื่อว่ามีดินเซียนอยู่ในโลกนี้]
[ปีที่ร้อยสิบ ในที่สุดท่านก็อดทนไม่ไหว เตรียมตัวเดินทางตามหาดินเซียน]
[ปีที่ร้อยสามสิบ ท่านเดินทางข้ามทะเลอันกว้างใหญ่มา 20 ปีแล้ว ในที่สุดก็พบดินแดนใหม่ ผู้คนและอาคารบ้านเรือนที่นี่ดูแปลกตา วิธีการบ่มเพาะพลังก็หลากหลายกว่าเดิม]
[ปีที่ร้อยห้าสิบ ในที่สุดท่านก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับดินเซียน ด้วยวิชาปลูกพืชที่เหนือชั้น ท่านเข้าร่วมกับกองกำลังที่แข็งแกร่งนี้และมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์]