ตอนที่แล้วบทที่ 479   ข้อห้าม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 481  เมืองทั้วอัน

บทที่ 480  เสริมพลัง


บทที่ 480  เสริมพลัง

กลางคืน

ลมหนาวหวีดหวิวอยู่นอกหน้าต่าง เสียงคร่ำครวญดั่งผีร้อง เสียงกระทบของกระดาษที่ปิดหน้าต่างดังเปาะแปะ ราวกับจะถูกฉีกขาดได้ทุกเมื่อ

ด้วยการปิดกั้นเป็นเวลาหลายเดือน และการขาดแคลนไฟฟ้า ทรัพยากรในพื้นที่นี้จึงขาดแคลนอย่างรุนแรง แม้แต่กระจกหน้าต่างก็ไม่มีให้ใช้ตามปกติ

เฉินโส่วอี้นั่งอยู่ริมเตียง ครุ่นคิดเงียบ ๆ อยู่ในใจ

ด้านข้าง มีตะเกียงน้ำมันที่แสงสลัวและเปลวไฟสั่นไหว ทำให้แสงในห้องสลับสว่างมืดตลอดเวลา

ยิ่งเขาอยู่ที่นี่นานเท่าไร ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความกระวนกระวายและความชั่วร้ายบางอย่าง ซึ่งแม้จะอ่อนแอ แต่กลับแทรกซึมอยู่ทุกหนแห่ง

เขาเปิดแผงสถานะขึ้นมา

พลัง: 19.0

ความว่องไว: 19.0

ความทนทาน: 19.0

สติปัญญา: 18.7

การรับรู้: 16.9

จิตตานุภาพ: 17.7

การสะสมพลังงาน: 4.54

ค่าศรัทธา: 1048.1

มองดูค่าศรัทธาที่สะสมจนถึง 1048.1 จุด

เฉินโส่วอี้ขยับความคิด

ค่าศรัทธา 1048.1 ลดลงเหลือ 148.1 ทันที

ในชั่วพริบตา

“ตู้ม!”

กระแสพลังงานร้อนแรงไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้ร่างกายปลดปล่อยความร้อนสูงจนมีไอน้ำระเหย

ครึ่งนาทีต่อมา ความร้อนบนร่างกายก็สงบลง

จากเดิม “ร่างนักรบยักษ์ (ขั้นสูง): 12.05%”

เปลี่ยนเป็น “ร่างนักรบยักษ์ (ขั้นสูง): 21.05%”

เขาพ่นลมหายใจขาวออกมา

“ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าคนเถื่อนหรืออะไรก็ตาม”

เฉินโส่วอี้กำหมัดแน่น เสียงข้อต่อดังกรอบแกรบ

“ยักษ์ที่ดี...”

สาวเปลือกหอยปีนขึ้นมานั่งบนตักของเขา ซุกตัวอยู่ระหว่างขาของเขา ราวกับต้องการสร้างรังที่นั่น

เฉินโส่วอี้สัมผัสได้ถึงความไม่สงบในตัวเธอ ราวกับได้กลิ่นอายของอันตรายบางอย่าง

“ไม่ต้องกลัว!”

เธอพยักหน้าหงึกหงัก “เมื่อมีพี่ยักษ์ตัวดีอยู่ ตัวเล็ก...ไม่กลัว”

ความมืดยามค่ำคืนทวีความลึกขึ้น

เสียงกรีดร้องแหลมเล็ดลอดออกมาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ถูกกลืนหายไปในเสียงหวีดหวิวของลมหนาวอย่างรวดเร็ว

“ฉึบ!”

เสียงกระดาษหน้าต่างฉีกขาดดังขึ้น ลมหนาวพัดเข้ามาในห้อง

เฉินโส่วอี้ลืมตาขึ้น เห็นว่ากระดาษที่ปิดหน้าต่างขาดเป็นรูใหญ่

เขาเลิกผ้าห่ม ลุกขึ้นจากเตียง และหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงเพื่อปิดหน้าต่างใหม่

แต่ทันใดนั้น เขาชะงักไป สีหน้าฉายแววเย็นชา

“หาเรื่องตาย”

ในความรู้สึกของเขา เงาดำหกร่างซุ่มอยู่ด้านหลังหน้าต่าง ไม่ไหวติง ราวกับแมงมุมยักษ์ที่เกาะติดอยู่กับผนัง

เขาเอื้อมมือเปิดหน้าต่างออก

เงาดำร่างแรกกระโจนเข้ามาทันที การเคลื่อนไหวของมันเบาและไร้เสียง

แต่ร่างของมันยังอยู่กลางอากาศ มือขาวมัวที่ดูคลุมเครือก็ยื่นออกมาบีบคอของมัน

พลังระเบิดออกมา

คอของมันถูกบดขยี้จนขาดสองท่อน

เฉินโส่วอี้สะบัดมือ พายุที่เกิดขึ้นทำให้ร่างของมัน พร้อมด้วยเศษเนื้อและเลือดปลิวออกไปทางหน้าต่าง โดยไม่เปื้อนภายในห้องแม้แต่น้อย

พร้อมกันนั้น เขากระโดดออกไปนอกหน้าต่าง ร่างกายเคลื่อนไหวดุจปลาที่แหวกว่าย

เงาดำตัวที่สองซึ่งซุ่มอยู่ใต้หน้าต่างยังไม่ทันจะตอบสนอง ก็ถูกปลายเท้าของเขากระแทกเข้าที่ศีรษะ หัวระเบิดเป็นชิ้น ๆ

ร่างของเฉินโส่วอี้อยู่กลางอากาศ แต่กลับไม่ช้าหรืออืดอาดเลย

จิตตานุภาพระดับ 17.7 ทำให้พลังจิตของเขาสามารถยกน้ำหนักได้ถึง 600 กิโลกรัม และควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายด้วยความเร่ง 3G ความเร็วสูงสุดที่เขาบินได้ถึง 200 เมตรต่อวินาที

สำหรับเงาดำที่มีพลังระดับนักรบ พวกมันไม่มีทางต่อกรเขาได้เลย

ตัวสุดท้ายพยายามหนี มันพุ่งลงจากกำแพงแล้ววิ่งไปตามเงามืดอย่างรวดเร็ว เฉินโส่วอี้เอื้อมมือคว้าผนังปูนคอนกรีต ซึ่งถูกเขาขย้ำจนแหลกละเอียด ราวกับฟองน้ำ จากนั้นเขาออกแรงขว้างเศษคอนกรีตใส่เงาดำที่กำลังวิ่งหนีอย่างสุดแรง

“ตู้ม!”

เสียงกระแทกดังสนั่น ร่างของเงาดำที่กำลังวิ่งถูกกระแทกจนลอยขึ้น เลือดสีดำแดงกระเซ็นกลางอากาศ หน้าอกถูกทะลุเป็นรูใหญ่

เฉินโส่วอี้ลอยตัวอยู่ในอากาศ สายตาเย็นชากวาดมองไปรอบ ๆ

ถนนที่มืดมิดและเงียบสงัดไม่มีผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว

แต่เขารู้สึกได้ว่า มีสายตาหลายคู่กำลังลอบมองมายังที่นี่อย่างเงียบ ๆ

เฉินโส่วอี้เคาะประตูห้องของจูเสวี่ยฉิง

จูเสวี่ยฉิงสวมชุดนอน มือถือดาบไว้แน่น

หน้าอกที่ไม่ได้ถูกพันรัดไว้เผยให้เห็นความเต่งตึงอันน่าประทับใจ ซึ่งดูแล้วน่าจะมีผลกระทบต่อการต่อสู้พอสมควร เฉินโส่วอี้คิดในใจ แต่สายตาของเขาเหลือบมองเพียงนิดเดียวก่อนจะหันกลับอย่างเคร่งขรึม “ที่นี่ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

“ไม่มีปัญหา!” จูเสวี่ยฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ที่คุณเจอมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”

“แค่เงาดำไม่กี่ตัว แต่จัดการหมดแล้ว ระวังตัวไว้ด้วย” เฉินโส่วอี้กล่าว

ในขณะนั้น ประตูฝั่งตรงข้ามเปิดออก หวังเลี่ยก้าวออกมาพร้อมกับคราบเลือดสีดำแดงเปื้อนตามตัว เขาดูไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ใบหน้าเคร่งเครียด “พวกเราโดนจับตาดูอยู่”

เช้าวันต่อมา รองนายอำเภอที่เคยเจอเมื่อคืนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“นายอำเภอตายแล้ว!”

“ตาย? ตายยังไง?” เฉินโส่วอี้ถามพร้อมขมวดคิ้ว

“กระโดดตึกฆ่าตัวตาย!” รองนายอำเภอกล่าว “เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับบ้าน อยู่ในศาลากลางทั้งคืน เช้านี้พบศพของเขาแข็งตายแล้ว”

เฉินโส่วอี้มองใบหน้าของรองนายอำเภอซึ่งเต็มไปด้วยความตกใจ ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก ความสงสัยในใจของเขาถูกปัดเป่าไปบางส่วน

แต่ทำไมถึงฆ่าตัวตาย?

กลัวพวกเงาดำ?

แม้ว่าเงาดำเหล่านั้นจะน่ากลัวและซ่อนตัวในเงามืด แต่พลังของพวกมันก็อยู่ในระดับนักรบธรรมดา การเตรียมการด้วยปืนกลและกำลังคนเพียงพอสามารถจัดการได้

หรือว่า... ความกลัวมาจากต้นเหตุของทุกสิ่ง

เขานึกถึงใบหน้าที่เคยเห็นครั้งสุดท้าย ใบหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยเงา

เมื่อคณะของเฉินโส่วอี้ออกจากอำเภอกว่างเฉิง ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม

แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ก็ดูเหมือนใกล้ค่ำ

ภูมิภาคซานขุยมีพื้นที่กว้างใหญ่และประชากรเบาบาง เมืองทั้วอันอยู่ห่างจากอำเภอกว่างเฉิงกว่าสองร้อยกิโลเมตร เพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมทางเหนื่อยล้า เฉินโส่วอี้จึงลดความเร็วลง แต่ถึงอย่างนั้น พอถึงเที่ยงวัน พวกเขาก็เริ่มมองเห็นเมืองทั้วอันอยู่ไกล ๆ

เฉินโส่วอี้มองไปยังเบื้องหน้า ก่อนจะพูดขึ้น

“พักกันหน่อย กินอะไรเพิ่มพลังกันเถอะ”

เขาหยิบเนื้อกึ่งเทพออกมาชิ้นหนึ่ง ใช้ดาบตัดออกเป็นสามส่วน แล้วโยนให้สองคนที่เหลือ

หวังเลี่ยและจูเสวี่ยฉิงรับเนื้อมาโดยไม่ทันสังเกตว่าเฉินโส่วอี้หยิบออกมาจากที่ใด

“นี่มันเนื้ออะไร? ทำไมรู้สึกแปลก ๆ” จูเสวี่ยฉิงถามด้วยความสงสัย

“เนื้อนี้มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์!” หวังเลี่ยอุทาน เส้นขนทั่วร่างตั้งชันเกือบปล่อยเนื้อลงพื้น

เฉินโส่วอี้กัดเนื้อชิ้นใหญ่เข้าไป เคี้ยวอย่างสบายใจ เลือดสีทองกระจายออกมา “นี่คือเนื้อกึ่งเทพ”

จูเสวี่ยฉิงเบิกตากว้าง พูดติดขัด “เ-เนื้อกึ่งเทพ... เรากินกันแบบนี้เลยเหรอ?”

“ไม่ต้องห่วง มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา กินได้ ไม่มีอะไรต้องกังวล” เฉินโส่วอี้ตอบราวกับกำลังอธิบาย

“ไม่ใช่แบบนั้น... ฉันหมายถึง...” จูเสวี่ยฉิงพยายามจะอธิบาย แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจ “ช่างเถอะ คุยกับพวกบ้าแบบคุณคงไม่มีประโยชน์!”

เนื้อกึ่งเทพเหนียวมาก

ทั้งสองคนไม่สามารถกัดเนื้อได้เหมือนเฉินโส่วอี้ พวกเขาต้องใช้ดาบตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตัดเนื้อได้เพียงไม่กี่ชิ้น และสุดท้ายต้องกลืนลงไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่เคี้ยว

พวกเขาไม่ได้กินมากนัก หลังจากกินเพียงไม่กี่ชิ้นก็เก็บเนื้อกึ่งเทพที่เหลือไว้อย่างระมัดระวัง

การใช้เนื้อกึ่งเทพเพื่อเพิ่มพลังงานนั้นเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเกินไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด