บทที่ 42 ลงมือ
บทที่ 42 ลงมือ
เซียนเฉียนเต้าหยุดดื้อดึงได้แล้ว”
หวังชวนแห่งสำนักชิงหยุนเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากต่อสู้กับชายผู้นี้เลย
แม้จะร่วมมือกับสำนักกระบี่เสินเซียว โอกาสรอดก็ยังริบหรี่
เพราะชื่อเสียงของเซียนเฉียนเต้า นั้นสะท้านโลกเกินไป
เมื่อหลายสิบปีก่อน
ในวงการบำเพ็ญเซียนแห่งลี่โจว
ใครบ้างที่ได้ยินชื่อ "เซียนเฉียนเต้า" แล้วไม่หวาดกลัวจนตัวสั่น?
ในสำนักมารอู่จี๋ ชื่อเสียงของเซียนเฉียนเต้า ยังแผ่ไกลเกินกว่าประมุขสำนักเสียอีก
เขาคือมารร้ายผู้ที่มือทั้งสองเปื้อนไปด้วยเลือดนับไม่ถ้วน
“เซียนเฉียนเต้า ปล่อยให้พวกเราจากไปเถิด พวกเราไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้
ดีหรือไม่?” ชายชราข้างกายจูเกอ ชิงหยุน กล่าวขึ้น
แต่เซียนเฉียนเต้า หัวเราะเย็นชา
“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว!!!”
กรงเล็บมารที่ถูกแช่แข็งอยู่บนฟากฟ้า เริ่มแสดงสัญญาณว่าจะหลุดพ้น
หวังชวนและคนอื่น ๆ ถอนหายใจเงียบ ๆ ด้วยความจนใจ
เมื่อไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ เช่นนั้นก็จงสู้เถิด!
ทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นฟ้า
ผู้แข็งแกร่งจากภูเขาชิงหยุนและหุบเขาราชายาตามติดไป
“โจมตีเต็มกำลัง!!!” กู่หมิงร้องสั่งเสียงดัง
เหล่าผู้อาวุโสของสำนักกระบี่เสินเซียวต่างเร่งกระตุ้นกระบี่บินแห่งชีวิต
ทั้งสามฝ่ายโจมตีกรงเล็บมารที่ถูกแช่แข็งอยู่บนฟากฟ้าพร้อมกัน
“ตูม! ตูม! ตูม!!!”
เสียงระเบิดดังสนั่น
กรงเล็บมารพังทลายและสลายหายไป
“ในเมื่อพวกเจ้าหวังตาย เช่นนั้นข้าก็จะไม่ปรานี” เซียนเฉียนเต้า
แสยะยิ้ม
เขารู้ดี
หากไม่ทำให้คนเหล่านี้สิ้นหวัง
พวกเขาไม่มีทางยอมมอบวิชาลับแห่งเทพเซียนเก้าหายนะให้
พูดไปมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์
สู้จัดการพวกเขาให้ยอมศิโรราบ หรือไม่ก็ปล่อยให้ตายเสียยังดีกว่า
“เริ่มวิชามาร!!!”
“อสูรมารปรากฏ!!!”
บนฟากฟ้าปรากฏใบหน้ามารที่มีเขี้ยวแหลมและหน้าเขียวคล้ำ
ในขณะเดียวกัน
เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วแดนลับเก้าหายนะ
“อ๊ากกกก… ฮืออออ…”
แค่ได้ยินเสียงนี้ก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัว
ผู้ที่พลังอ่อนแอยิ่งกว่า เริ่มตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่น
ใบหน้ามารบนฟ้าดูราวกับเป็นร่างอวตารของอสูรร้าย
มันอ้าปากใหญ่หมายกลืนกินทุกชีวิต
“ระวังไว้! เสียงนี้มีผลสะกดจิต วิญญาณ! ต้องรักษาจิตใจให้มั่น!”
หลานฮานซวงเตือนเสียงดัง
แต่คำพูดของนางก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ผู้ที่สามารถรักษาจิตใจมั่นคงในสถานการณ์นี้ได้ ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา
และไม่จำเป็นต้องให้เตือน
หลายคนเริ่มมีท่าทางเหม่อลอยเหมือนวิญญาณหลุดลอย
หลานฮานซวงเห็นสถานการณ์เลวร้าย จึงตะโกนอีกครั้ง “ปิดหูเร็วเข้า!!!”
คนที่ยังมีสติรีบยกมือปิดหู แต่กลับไม่มีผล
เสียงนั้นดูเหมือนจะแทรกซึมเข้าสู่จิตใจโดยตรง
ใบหน้ามารยังคงบินว่อนอยู่ในอากาศ
ใบหน้ามารใบหนึ่งพุ่งลงมา และกลืนชายผู้เหม่อลอยเข้าไปทันที
จากนั้น ใบหน้ามารหลายใบพุ่งเข้าสู่กลุ่มคน
“การที่พวกเจ้าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิชามารข้า ถือเป็นเกียรติของพวกเจ้า!!!” เสียงของเซียนเฉียนเต้า ดังขึ้น
“ทุกคนรวมพลังกัน ทำลายวิชากลืนฟ้า! หากปล่อยให้มันกลืนกินมากขึ้น
วิชามารจะยิ่งแข็งแกร่ง สุดท้ายเราทุกคนจะต้องพินาศที่นี่!”
เสียงจากชายชราแห่งหุบเขาราชายาร้องเตือนด้วยความร้อนใจ
“จัดกระบวนทัพ! ทำลายวิชามาร!”
ผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่เสินเซียว นำโดยกู่หมิง
ต่างคายเลือดหัวใจลงบนกระบี่บินแห่งชีวิต
กระบี่บินกว่า 20 เล่ม ที่ย้อมไปด้วยเลือดกลายเป็นกระบวนกระบี่
พุ่งทะยานขึ้นฟ้า
ในระหว่างการบิน
กระบี่บินเหล่านั้นกลายเป็นกระบี่ยักษ์ยาวหลายร้อยจั้ง ทะลุทะลวงฟากฟ้า
ทุกครั้งที่มันผ่าน ใบหน้ามารที่เข้าใกล้ถูกทำลายสิ้น
“ตูมมมม!!!”
………………………………………………………………..
หลานฮานซวงก็ลงมือทันที
กระบี่น้ำแข็ง ที่มาพร้อมกับพลังอันหนาวเหน็บนับหมื่นปี เข้าร่วมกระบวนท่ากระบี่
มันสร้างชั้นหมอกสีขาวขึ้นบนพื้นผิวของกระบี่ยักษ์
และพุ่งตรงไปยังท้องฟ้าที่ถูกวิชากลืนฟ้าครอบคลุม
ราวกับจะเจาะทะลุท้องฟ้าให้เป็นรู
สำนักกระบี่เสินเซียวร่วมกันตั้งกระบวนท่ากระบี่เพื่อทำลายวิชามาร
ขณะที่สำนักชิงหยุนและคนจากหุบเขาราชายาก็ไม่อยู่นิ่งเฉย
พวกเขาต่างใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเพื่อช่วยเหลือ
“เคร้งงง!!!”
กระบี่ยักษ์ถูกหยุดกลางทางและตรึงอยู่กลางอากาศ
ไม่สามารถเคลื่อนไปได้แม้แต่น้อย
“ฮ่า ๆ ๆ… อยากทำลายวิชามารของข้า? ฝันไปเถอะ!
วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของวิชากลืนฟ้า”
เซียนเฉียนเต้า หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ทุกคนอย่าเก็บงำพลังไว้อีกต่อไป! หากปล่อยให้เป็นแบบนี้
เราคงต้องจบชีวิตที่นี่กันหมด เซียนเฉียนเต้าไม่มีทางปรานีหรอก
เมื่อครั้งอดีตเขายังกล้าฆ่าล้างคนกว่าล้าน วันนี้ก็ย่อมกล้าฆ่าพวกเราทั้งหมด”
คำพูดของหลานฮานซวงเต็มไปด้วยเหตุผล
ขณะที่ทุกคนเตรียมจะสู้สุดกำลัง
“ฟิ้ววว!!!”
แสงกระบี่พุ่งมาจากที่ไกล
ด้วยความเร็วที่ยากจะมองทัน มันพุ่งเข้าถึงตัวเซียนเฉียนเต้า
ภายในเสี้ยววินาทีและฟันร่างของเซียนเฉียนเต้า ออกเป็นสองส่วน
ภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้สนามรบทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ
เซียนเฉียนเต้า ตายแล้ว?
เป็นไปไม่ได้!
เซียนเฉียนเต้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งลี่โจวที่สะท้านโลกมาหลายร้อยปี
จะตายได้ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ?
ทุกคนรู้สึกเหมือนสิ่งที่เห็นไม่ใช่เรื่องจริง
แต่ทันใดนั้น ความผิดปกติก็ปรากฏขึ้น
แม้เซียนเฉียนเต้า จะตายแล้ว แต่วิชากลืนฟ้ากลับไม่สลายไป
นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย
และแล้วศพของเซียนเฉียนเต้า ที่ถูกฟันออกเป็นสองส่วนในระหว่างที่ร่วงลง
กลับถูกใบหน้าปีศาจสองใบกลืนกินเข้าไป
จากนั้นใบหน้าปีศาจทั้งสองก็รวมกันกลายเป็นรูปร่างของเซียนเฉียนเต้า อีกครั้ง
วิชามารที่ไม่ถูกทำลาย ย่อมทำให้เขายากที่จะถูกฆ่า
คราวนี้ เซียนเฉียนเต้า ไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
เขาจ้องมองไปข้างหน้า กัดฟันพูดขึ้น “เป็นเจ้า!!!”
“ใช่ ข้าเอง!!!”
หลินเฟิงที่เปลี่ยนชุดใหม่ พร้อมกับสวมหน้ากากที่เคยใช้ตอนทำลายประตูแห่งแดนลับเก้าหายนะ ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ เผชิญหน้ากับเซียนเฉียนเต้า
คนสวมหน้ากากปีศาจ!!!
ปรากฏตัวอีกครั้ง
เหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนที่คนสวมหน้ากากปีศาจทำลายประตูแห่งแดนลับเก้าหายนะ
และฟันเซียนเฉียนเต้า จนถอยร่น กลับมาอยู่ในความทรงจำของทุกคน
แทบทั้งยุทธพบเหล่าผู้บำเพ็ญเซียนแห่งลี่โจวต่างพากันคาดเดาตัวตนของคนสวมหน้ากากปีศาจ
แต่กลับไม่มีเบาะแสใด ๆ
แม้แต่คนที่สงสัยก็ดูเหมือนจะไม่มี
เพราะผู้ที่สามารถคุกคามเซียนเฉียนเต้า ได้นั้นมีน้อยมาก
และล้วนเป็นผู้ทรงพลัง
ใครกันที่จะยอมสวมหน้ากาก?
เซียนเฉียนเต้า จ้องมองหลินเฟิง
ความโกรธแค้นพุ่งขึ้นมาจากหัวใจ
ในตอนนั้น เขายอมถอยเพราะสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
แต่กลับกลายเป็นที่พูดถึงลับหลังว่าเขากลัว
นี่ทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก
แถมคน ๆ นี้ยังทำลายแผนการของสำนักมารอู่จี๋ และตอนนี้ยังมาแทรกแซงอีก
ความแค้นใหม่และเก่าประดังกัน
ไม่ว่าต้องจ่ายแค่ไหน เขาก็ต้องการฆ่าคนสวมหน้ากากปีศาจให้ได้
หลินเฟิงถอนหายใจ
หลังจากกลับมาในฐานะพี่ใหญ่ผู้ไร้ฝีมือ เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย
เขาอยากใช้ชีวิตเป็นศิษย์พี่ผู้ไร้ฝีมืออย่างสงบสุข
แต่เมื่อเห็นอาจารย์หลานและผู้อาวุโสกู่ไม่อาจสู้เซียนเฉียนเต้า ได้
เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลงมือ
เขาไม่อาจปล่อยให้ทั้งสองบาดเจ็บหนัก หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
ถึงอย่างไร เขาก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักกระบี่เสินเซียว
เรื่องเช่นนี้เขาย่อมทำไม่ได้
ช่วงนี้ปัญหามากมายเหลือเกิน
หลินเฟิงรู้สึกราวกับมีพายุใหญ่กำลังก่อตัว
เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะปกปิดตัวตนได้นานแค่ไหน
เรื่องที่พบเจอในวังเก้าหายนะยังไม่ได้ย่อยจนหมดด้วยซ้ำ
เฮ้อ!!!
ช่างเป็นฤดูแห่งความยุ่งเหยิงจริง ๆ
หลินเฟิงถอนหายใจเงียบ ๆ ในใจ