บทที่ 22 ไฮไลต์ใหญ่ ศัตรูพบกัน!
###
“ไม่ขาย?”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนถึงกับอึ้งไปทันที
“คุณเฉิน หมายความว่ายังไง? หนึ่งล้านหยวนเป็นราคาตลาดนะ ถ้าไม่เชื่อคุณลองถามคุณลุงฉินดูสิ” คุณหม่าพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
คุณลุงฉินเองก็พยักหน้าและพูดว่า “เสี่ยวเป่ย นี่เป็นราคาตลาดจริงๆ หากเธอไม่ขาย ฉันก็คงหาผู้ซื้อที่ให้ราคาสูงกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ราคาสุดท้าย หนึ่งล้านห้าแสนหยวน จะซื้อหรือไม่ซื้อก็แล้วแต่”
“อะไรนะ!”
คุณหม่าถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ยิน “นี่มันเรียกว่าฟันราคาแบบไร้ปรานีชัดๆ!”
คุณหวังเองก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “หนุ่มน้อย! ความโลภควรมีขอบเขต ราคาที่เธอเสนอไม่มีทางสำเร็จหรอก!”
ทั้งคุณลุงฉินและหลานเมิ่งเฉินต่างก็ตกใจไปตามๆ กัน
“เสี่ยวเป่ย นายมากับฉันหน่อย”
หลานเมิ่งเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ดึงข้อมือเฉินเสี่ยวเป่ยพาเดินออกไปไกล
“นายทำอะไรของนาย? ราคาหนึ่งล้านหยวน คุณลุงฉินก็พูดไว้ก่อนแล้ว และนายก็ไม่ได้คัดค้าน ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจล่ะ?” หลานเมิ่งเฉินถามเสียงเบา
“ตอนแรกผมก็แค่ตั้งใจจะขายหนึ่งล้านหยวน แต่พอเห็นสองคนนั้นดูถูกผม เลยตั้งเพิ่มอีกห้าแสนเพื่อสั่งสอนพวกเขาซะหน่อย” เฉินเสี่ยวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
หลานเมิ่งเฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ “ไม่นึกเลยว่านายจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ แต่ห้าแสนมันไม่ใช่เงินห้าหยวนนะ ถ้าคุณหม่าไม่ยอมซื้อจะทำยังไง?”
“ฮ่าฮ่า คุณอย่าลืมนะว่าผมคืออาจารย์เฉิน!”
เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มอย่างมั่นใจ “ผมเห็นดวงตาของคุณหม่ามีเปลวไฟลุกโชนสองดวง นั่นหมายความว่าเขาต้องการปิดดีลนี้มาก! ผมพนันได้เลยว่าในสามนาที เขาต้องยอมรับราคาของผมแน่ๆ”
“โม้ไปเถอะ! ถ้าคุณหม่าเดินหนีไปแล้วนายจะขายให้ใคร? อย่าลืมว่านายยังติดหนี้ฉันอยู่เยอะ ถ้าหาเงินมาไม่ได้ ดูสิว่าฉันจะจัดการยังไง!” หลานเมิ่งเฉินพูดพร้อมทำเสียงหงุดหงิด
“ไม่มีเงินคืนก็ใช้ตัวจ่ายแทนไง?” เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มเจ้าเล่ห์
“บ้าเอ๊ย! ปากนายนี่แย่ลงทุกวัน!” หลานเมิ่งเฉินจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจ พร้อมยกมือขึ้นเหมือนจะตีเขา
แต่ในขณะนั้นเอง คุณหม่าก็เดินเข้ามา “คุณเฉิน ราคานี้ลดไม่ได้จริงๆ เหรอครับ?”
“ไม่ได้ครับ”
เฉินเสี่ยวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “คุณหม่าก็เป็นคนมีหน้ามีตา ไม่ใช่ตลาดสดที่ต้องมาต่อรองราคากันให้เสียศักดิ์ศรีใช่ไหมครับ?”
เมื่อพูดถึงขนาดนี้ คุณหม่าก็จนปัญญา จำต้องกัดฟันยอม “ก็ได้ หนึ่งล้านห้าแสนหยวนก็หนึ่งล้านห้าแสนหยวน บอกบัญชีธนาคารของคุณมาเลย”
“ตกลงครับ” เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มพร้อมบอกเลขบัญชี
การโอนเงินผ่านระบบออนไลน์นั้นสะดวกมาก คุณหม่าใช้เวลาเพียงสองนาทีก็จัดการเรียบร้อย
“เงินเข้าบัญชีแล้ว โบราณวัตถุสามชิ้นนี้ก็เป็นของคุณแล้ว” เฉินเสี่ยวเป่ยพูดด้วยท่าทีผ่อนคลายพลางชูโทรศัพท์มือถือขึ้น
“เฮ้อ……” คุณหม่าถอนหายใจด้วยความหนักใจ แม้ว่าจะได้ของที่ต้องการมา แต่ราคาที่จ่ายไปก็มากเกินคาด
นี่แหละคือผลของการดูถูกเฉินเสี่ยวเป่ย!
หลานเมิ่งเฉินอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง “อาจารย์เฉิน คุณนี่ช่างมองการณ์ไกลจริงๆ ทำเงินเพิ่มมาได้ตั้งห้าแสนอย่างง่ายดาย!”
“เงินแค่นี้ยังไม่พอใช้คืนคุณเลย……คุณลองคิดดูหน่อยได้ไหมว่าจะรับตัวจ่ายแทนได้หรือเปล่า?” เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง
“เดี๋ยวเถอะ!” หลานเมิ่งเฉินยกกำปั้นเล็กๆ ขึ้นเหมือนจะตีเขา
“โอ้……”
ในขณะนั้น หน้าประตูคฤหาสน์เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นมา ดึงดูดสายตาของทุกคนไปทางนั้น
“ให้ตายสิ! ทำไมที่ไหนๆ ฉันก็ต้องเจอสองคนนั้นด้วยเนี่ย?” เฉินเสี่ยวเป่ยกลอกตาอย่างหงุดหงิด
“พวกเขานี่แหละเป็นคู่เวรคู่กรรมของนายจริงๆ……” หลานเมิ่งเฉินถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
คนที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเหยาหยาปิงและสือหมิงเว่ย
แต่ครั้งนี้ นอกจากพวกเขาสองคน ยังมีสือต้าฟงและชายร่างเล็กผอมอีกคนหนึ่งมาด้วย
ทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามา ทุกคนในคฤหาสน์ก็พากันเข้าไปล้อมเหมือนต้อนรับดาราดัง
“นี่มันอะไรกัน? ทำไมพวกเขาถึงได้รับความนิยมขนาดนั้น?” เฉินเสี่ยวเป่ยถามด้วยความสงสัย
“นี่แหละไฮไลต์ที่คุณหม่าพูดถึง”
คุณลุงฉินอธิบาย “สือต้าฟงไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไรถึงได้ภาพวาด‘ชุนชู๋ชิวซวง’มา! วันนี้เขาเอามาให้ทุกคนชม นี่เป็นภาพวาดระดับสมบัติของชาติ ทุกคนย่อมต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา”
“ภาพวาด‘ชุนชู๋ชิวซวง’?”
เฉินเสี่ยวเป่ยถึงกับตาเป็นประกายและอุทานด้วยความตื่นเต้น “นี่ใช่ภาพวาด‘ชุนชู๋ชิวซวง’ในเรื่องตำนานรักของถังป๋อหู่หรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว นั่นเป็นผลงานต้นฉบับของถังป๋อหู่เลยทีเดียว!” คุณลุงฉินพยักหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะมองไปยังทิศทางนั้น
“นี่มันเยี่ยมไปเลย! สีทอง!” เฉินเสี่ยวเป่ยเพ่งมองภาพวาดที่สือต้าฟงถืออยู่ เห็นกลุ่มพลังสีทองเปล่งประกายรอบๆ
นี่แสดงว่าภาพวาดนั้นไม่เพียงแต่เป็นของแท้ แต่ยังล้ำค่าไม่แพ้ตราประทับหยกของแคว้นเยี่ยนโบราณอีกด้วย!
“อืม? นั่นแกอีกแล้วเหรอ ไอ้ชาวนาจอมโสโครก!”
สือหมิงเว่ยเองก็เห็นเฉินเสี่ยวเป่ย
ความบาดหมางระหว่างเขากับเฉินเสี่ยวเป่ยถึงขั้นที่แค่เห็นเงากันก็รู้สึกแค้น
แม้ว่าเฉินเสี่ยวเป่ยจะดูดีขึ้นมาก แต่สือหมิงเว่ยก็ยังจำเขาได้ทันที!
“ฮึ! ฉันก็ว่าแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ที่แท้ก็ตามคุณนายรวยมา” สือหมิงเว่ยพูดเหน็บแนมด้วยน้ำเสียงดูถูก
ทันใดนั้น ทุกคนในห้องก็หันมามอง และสายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่หลานเมิ่งเฉิน
คำว่า“คุณนายรวย”มีความหมายแฝงชัดเจน ว่าสือหมิงเว่ยกำลังเยาะเย้ยหลานเมิ่งเฉิน
“นายพูดว่าอะไรนะ?” เฉินเสี่ยวเป่ยจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาเต็มไปด้วยความโกรธ
“ฮึ!”
สือหมิงเว่ยหัวเราะเย็นชาและพูดว่า “แกมันก็แค่ผู้ชายเกาะผู้หญิงกิน จะไม่ให้ฉันพูดได้ยังไง?”
“ฉันเตือนนายได้ พูดถึงฉันได้ แต่ห้ามพูดถึงเมิ่งเฉิน! ไม่อย่างนั้น นายจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!” เฉินเสี่ยวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว ดวงตาที่เคยอบอุ่นเปลี่ยนเป็นดุดันราวกับไฟลุกโชน
เฉินเสี่ยวเป่ยเป็นคนที่รู้คุณคนมาก หลานเมิ่งเฉินช่วยเขามาหลายครั้ง เขาจึงไม่มีวันยอมให้เธอถูกลบหลู่แม้แต่น้อย!
“ฮึ! คิดว่าแกเป็นใคร? ไม่ให้ฉันพูด ฉันยิ่งจะพูด!”
สือหมิงเว่ยทำหน้าทะนงตัวและเริ่มเยาะเย้ยหลานเมิ่งเฉิน “ถ้าเธอจะเลี้ยงผู้ชายอย่างน้อยก็หาให้ดีกว่านี้หน่อย ชาวนาแบบนี้เธอยังกล้ากินลง? เธอนี่รสนิยมสุดๆ เลยนะ!”
ทันใดนั้น เฉินเสี่ยวเป่ยที่กำลังจะระเบิดอารมณ์ แต่หลานเมิ่งเฉินกลับก้าวออกมายืนข้างหน้าแทน
“สือหมิงเว่ย ฟังให้ดี! หนึ่ง เฉินเสี่ยวเป่ยเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ไม่ใช่ผู้ชายเกาะผู้หญิงกิน! สอง นายกินขี้แล้วยังกล้าพูดว่าฉันรสนิยมแย่อีกหรือ? นายไม่คิดว่าตัวเองโง่มากหรือไง?”
หลานเมิ่งเฉินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่คำพูดนั้นสร้างแรงกระแทกมหาศาล
ในสถานการณ์เช่นนี้ ที่รายล้อมไปด้วยผู้ทรงเกียรติ การพูดของเธอทำให้สือหมิงเว่ยรู้สึกอับอายจนอยากจะหายตัวไปทันที
“และสาม ฉันจะเตือนนายแค่ครั้งเดียว ฉันหลานเมิ่งเฉินไม่หาเรื่องใครก่อน แต่ฉันก็ไม่เคยกลัวใคร! ถ้านายยังพูดจาไม่ดีอีก ฉันจะทำให้นายต้องออกไปจากที่นี่!” หลานเมิ่งเฉินพูดเสียงเย็นชา
ทันทีที่เธอพูดจบ คุณลุงฉินก็ก้าวมายืนข้างเธอ พลังอันน่าเกรงขามราวกับภูเขาทำให้ทุกคนเงียบไปทันที
…..
ชุนชู๋ชิวซวง (ภาพต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิและน้ำค้างแข็งในฤดูใบไม้ร่วง)