บทที่ 21 งานประเมินโบราณวัตถุ
###
ตอนที่เฉินเสี่ยวเป่ยวิ่งมาถึงหน้าประตูโรงเรียน คุณลุงฉินก็จอดรถ Rolls-Royce สีดำคันเดิมรออยู่แล้ว
ทันทีที่ขึ้นรถ เขาก็พบว่าหลานเมิ่งเฉินนั่งอยู่ในรถด้วย
วันนี้เธอสวมชุดกระโปรงยาวเข้ารูป ที่ออกแบบมาเน้นรูปร่างอันเย้ายวนของเธออย่างชัดเจน
ผมสีดำขลับที่ปล่อยสยายลงมาราวกับสายน้ำตก ยิ่งทำให้เธอดูสูงส่งในแบบของเทพธิดา
ชายกระโปรงที่เผยให้เห็นเรียวขาเล็กยาวเปล่งประกายราวกับหยก สร้างความดึงดูดใจอย่างมาก
“เมิ่งเฉิน? คุณมาทำอะไรที่นี่……” เฉินเสี่ยวเป่ยถึงกับตะลึงเมื่อขึ้นรถ
“ฉันมาที่นี่ไม่ได้หรือไง?” หลานเมิ่งเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ได้สิ! ได้อยู่แล้ว! ผมน่ะคิดถึงคุณจนแทบจะขาดใจ พอเห็นคุณมาก็ดีใจสุดๆ” เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มกว้าง
“พูดจาประจบเก่งจริง”
หลานเมิ่งเฉินกลอกตาใส่เขา แต่กลับต้องแปลกใจ “นี่……นี่นายคือเฉินเสี่ยวเป่ยจริงๆ เหรอ?”
“ใช่ครับ ผมเอง!”
เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มและพูดติดตลก “เพื่อไม่ให้ขายหน้าคุณในงานเลี้ยงวันมะรืนนี้ ผมเลยไปทำศัลยกรรมมาใหม่ ดูสิ ผลงานโอเคไหม?”
“นี่มัน……นี่มันเกินไปหน่อยแล้ว! ฉันรู้สึกว่าผิวของนายตอนนี้ยังดีกว่าฉันอีก!” หลานเมิ่งเฉินเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ
“อย่าจ้องผมแบบนั้นสิครับ ถ้าคุณหลงรักผมขึ้นมาจะทำยังไง?” เฉินเสี่ยวเป่ยยิ้มขี้เล่น หวังจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
เรื่องรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของเขานั้นเป็นความลับใหญ่ที่ไม่อาจเปิดเผยได้
“บ้า! อย่ามาหลงตัวเองนักเลย!” หลานเมิ่งเฉินเมินหน้าหนีด้วยท่าทางเขินเล็กน้อย
“นั่งดีๆ นะครับ ผมจะออกรถแล้ว”
คุณลุงฉินที่นั่งอยู่เบาะหน้าหัวเราะเบาๆ “คุณหนูของเรานี่พิเศษจริงๆ วันนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ยอมไปงานประเมินโบราณวัตถุกับผม แบบนี้ห้ามไปสายเชียว”
“คุณลุงฉิน!” หลานเมิ่งเฉินกระทืบเท้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน นั่นยิ่งทำให้เหมือนเธอมางานนี้เพราะเฉินเสี่ยวเป่ย
เฉินเสี่ยวเป่ยเพียงยิ้มและไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
รถมุ่งหน้าไปยังภูเขาทางตอนเหนือ
ที่บริเวณเชิงเขา มีคฤหาสน์ส่วนตัวที่หรูหราอย่างยิ่งตั้งอยู่
เจ้าของคฤหาสน์เป็นบุคคลที่มีตัวตนลึกลับมาก
ส่วนวัตถุประสงค์ของคฤหาสน์นี้คือการเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่ชื่นชอบการสะสมโบราณวัตถุในวงสังคมชั้นสูง ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
หากเจอชิ้นที่เหมาะสม ก็สามารถซื้อขายหรือแม้แต่จัดการประมูลขนาดเล็กได้
เนื่องจากเฉินเสี่ยวเป่ยต้องการขายปิ่นปักผมทองคำหยกสามชิ้นที่เขามีอยู่ คุณลุงฉินจึงช่วยติดต่อผู้ซื้อที่เหมาะสม และนัดหมายให้มาทำการซื้อขายในวันนี้
“คุณลุงฉิน!”
“สวัสดีครับ คุณลุงฉิน!”
“คุณลุงฉิน……”
ทุกคนที่พบในคฤหาสน์ต่างก็ทักทายเขาด้วยความเคารพ
เห็นได้ชัดว่าคุณลุงฉินเป็นแขกประจำที่นี่และได้รับความนับถืออย่างสูง
เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์
เฉินเสี่ยวเป่ยและหลานเมิ่งเฉินต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างเต็มที่
ภายในคฤหาสน์นั้นเหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม มีการจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย
ที่สำคัญคือ ทุกชิ้นเป็นของแท้ทั้งหมด!
เฉินเสี่ยวเป่ยที่ตอนแรกคิดว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโบราณวัตถุ กลับพบว่าเขามองเห็น “ชะตา” ของโบราณวัตถุเหล่านั้นได้!
นี่คือผลของพลังจากอักขระเทพแปดทิศ
เหมือนกับการมองคน โบราณวัตถุแต่ละชิ้นจะมี “ชะตา” เป็นกลุ่มควันสีต่างๆ
สีขาว สีเขียว สีแดง สีเงิน สีทอง และสีทองอมม่วง ซึ่งแสดงถึงระดับความล้ำค่าของโบราณวัตถุ
โบราณวัตถุส่วนใหญ่ในที่นี่มีชะตาสีแดงและสีเขียว
แต่มีเพียงชิ้นเดียวที่เป็นสีทอง
มันคือหยกขาวแกะสลักตราประทับ ที่ถูกป้องกันด้วยกระจกกันกระสุนสองชั้น และตั้งอยู่ตรงกลางคฤหาสน์
“คุณลุงฉิน ตราประทับนั้นมีที่มายังไงหรือครับ?” เฉินเสี่ยวเป่ยถามด้วยความอยากรู้
หลานเมิ่งเฉินเองก็เงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ
“นั่นคือตราประทับหยกประจำราชวงศ์ของจักรพรรดิแห่งแคว้นเยี่ยนโบราณ!”
คุณลุงฉินปรับสีหน้าจริงจังและพูดต่อ “จำไว้ ที่นี่มีกฎข้อห้ามสำคัญคือห้ามพูดถึงราคาของตราประทับนั้นโดยเด็ดขาด! มิฉะนั้นจะถูกเจ้าของคฤหาสน์ขับไล่ออกไปตลอดกาล!”
“ทำไมล่ะครับ?” เฉินเสี่ยวเป่ยถามด้วยความสงสัย
“บื้อจริง!”
หลานเมิ่งเฉินพูดพร้อมทำเสียงหวาน “ตราประทับนั้นต้องมีความหมายพิเศษต่อเจ้าของคฤหาสน์แน่ๆ เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีวันยอมให้ใครพูดถึงราคาของคนรักตัวเอง!”
“คุณหนูพูดได้ตรงประเด็น นั่นแหละคือเหตุผล” คุณลุงฉินพยักหน้าเห็นด้วย
เฉินเสี่ยวเป่ยเองก็พยักหน้า ในใจเริ่มรู้สึกอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของเจ้าของคฤหาสน์มากขึ้น
“คุณลุงฉิน! ในที่สุดท่านก็มาถึง!”
ในตอนนั้น ชายสองคนในชุดสูทเดินเข้ามาทักทาย
ชายคนแรกที่อยู่ทางซ้ายเป็นชายวัยกลางคนสวมแว่นตาขอบทอง ดูเป็นนักธุรกิจระดับสูงโดยแท้
ส่วนอีกคนเป็นชายชราวัยเจ็ดสิบเศษ ผมขาวโพลนและสวมแว่นตาหนา ดูเป็นนักวิชาการผู้รอบรู้
“คุณหม่าไม่ไว้ใจผมงั้นหรือ? ทำไมถึงเชิญคุณหวังมาด้วย?” คุณลุงฉินพูดติดตลก
“คุณลุงฉินเข้าใจผิดแล้ว ผมจะไม่ไว้ใจท่านได้ยังไง?”
ชายที่ถูกเรียกว่าคุณหม่าตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “เพียงแต่คุณหวังได้ยินว่ามีโบราณวัตถุจากราชวงศ์ถังสามชิ้นจะมาขายวันนี้ เลยตั้งใจมาดูด้วยตาตัวเอง”
“ฮ่าฮ่า ล้อเล่นน่ะ ผมจะแนะนำให้รู้จัก”
คุณลุงฉินหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “นี่คือคุณหม่า ส่วนท่านนี้คือคุณหวังเจี้ยนจวิน”
หวังเจี้ยนจวิน?
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เฉินเสี่ยวเป่ยและหลานเมิ่งเฉินต่างก็แสดงความประหลาดใจ
“ไม่น่าแปลกใจที่คุณหวังดูคุ้นตา ที่แท้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุในรายการทีวีนั่นเอง!”
เฉินเสี่ยวเป่ยตบหน้าผากตัวเองอย่างกระจ่างแจ้ง
รายการทีวีเกี่ยวกับโบราณวัตถุที่คุณหวังเป็นผู้เชี่ยวชาญนั้นมีผู้ชมมากมาย ชื่อเสียงของเขาจึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
แม้แต่เฉินเสี่ยวเป่ยที่ไม่ค่อยออกจากบ้านยังรู้จัก ก็พอจะเห็นได้ว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมากแค่ไหน!
จากนั้น คุณลุงฉินก็แนะนำต่อ “นี่คือคุณเฉิน เจ้าของโบราณวัตถุจากราชวงศ์ถังทั้งสามชิ้น และท่านนี้คือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลานของเรา”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น คุณหม่าและคุณหวังก็รีบกล่าวทักทายหลานเมิ่งเฉินด้วยความเคารพ
ในฐานะคุณหนูใหญ่ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวของตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองชิงเถิง การได้พบเธอในวันนี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา
หลังจากนั้นพวกเขาจึงพูดคุยกับเฉินเสี่ยวเป่ยอย่างผิวเผินเพียงไม่กี่คำ ท่าทีที่แสดงออกชัดเจนว่าค่อนข้างเฉยเมย
ในสายตาของพวกเขา แม้เฉินเสี่ยวเป่ยจะดูหล่อเหลามาก แต่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่นั้นธรรมดาอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นว่าเขาไม่น่าจะเป็นสมาชิกในวงสังคมชั้นสูง
พูดง่ายๆ คือพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเฉินเสี่ยวเป่ยมากนัก
“เอาล่ะ ทุกคนได้รู้จักกันแล้ว เรามาเริ่มการซื้อขายกันเลยดีกว่า ยังมีไฮไลต์อีกในภายหลัง!”
คุณหม่าพูดด้วยรอยยิ้มและสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ได้ครับ สองท่านเชิญตรวจสอบก่อน”
เฉินเสี่ยวเป่ยหยิบปิ่นปักผมทองคำหยกสามชิ้นออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“ให้คุณหวังตรวจสอบก่อน” คุณหม่ากล่าวด้วยความเคารพ
คุณหวังรับปิ่นปักผมมาและตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอุทานด้วยความตกใจ “ของแท้! นี่เป็นโบราณวัตถุจากราชวงศ์ถังของแท้! และยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ขนาดนี้ นับว่าเป็นของหายากอย่างยิ่ง!”
“ยอดเยี่ยมมาก!”
คุณหม่าได้ยินดังนั้นก็เผยสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “คุณเฉิน คุณเป็นคนที่คุณลุงฉินแนะนำมา เรามาตกลงกันตรงๆ เลย ผมให้หนึ่งล้านหยวน พร้อมโอนเงินให้ทันที!”
“ฮ่าฮ่า ราคานี้ผมไม่ขายหรอก” เฉินเสี่ยวเป่ยยักไหล่ด้วยท่าทีสบายๆ