ตอนที่แล้วบทที่ 46 ความเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 แยกย้ายและจากลา

บทที่ 47 สถานการณ์พลิกผันแล้วพลิกผันอีก


บทที่ 47 สถานการณ์พลิกผันแล้วพลิกผันอีก

หงหลินอิงพุ่งลงมาจากกลางอากาศ "ฮ่า ๆ ก็แค่กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกโจรขโมยในยุทธภพอย่างแมลงนำทาง... อะ นี่มันอะไรกัน?" ทันใดนั้นก็มีเสียงแผดร้องดังลั่นป่า หงหลินอิงพูดได้ครึ่งหนึ่งก็ตะโกนลั่น ร่างกายที่ลอยอยู่กลางอากาศก็รีบหักหลบไปด้านข้าง

ส่วนจี้กุนซือก็ยังคงหันหลังให้อีกสองคน แต่ตอนนี้มีรากไม้หลายเส้นพุ่งทะลุพื้นขึ้นมาจากด้านหลัง ทะลุผ่านร่างของชายร่างใหญ่ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันคือการโจมตีจากด้านล่างขึ้นบน ทะลุออกมาจากหน้าอก หัว คอ มีทั้งรากที่ตรง เอียง คด เลือดไหลอาบ ยังคงดิ้นไปมา เห็นได้ชัดว่าไม่รอดแล้ว

"เคล็ดวิชาหนามไม้" เป็นเคล็ดวิชาเซียนระดับต่ำ มันคือกับดักที่จี้กุนซือวางเอาไว้ล่วงหน้า ก่อนหน้านี้เขาแค่กลัวว่าจะมีสัตว์เล็ก ๆ มารบกวนตอนที่เขาดูดพลังเพื่อทะลวงขั้น จึงต้องป้องกันเอาไว้ ทำให้คิดไปถึง "ตะปูไม้" ของหลี่เหยียนก่อนหน้านี้ จึงคิดว่าอาจจะใช้ต้นไม้หนาทึบที่นี่ได้ โดยการเรียกรากไม้ใต้ดินมาโจมตี ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะใช้ได้พอดี เพียงแต่ไม่สามารถฆ่าหงหลินอิงได้ ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ แต่ตอนนี้พลังปราณที่เขาใช้ได้มีน้อยมาก

แต่ตอนนี้จี้กุนซือไม่ได้หันกลับไปมองด้วยซ้ำ ได้แต่พึมพำกับตัวเองว่า "แมลงนำทาง ที่แท้ก็เป็นแมลงนำทาง" ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้าลง ดมตัวเอง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองหลี่เหยียน ตะโกนด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

"เจ้ากล้าเอาของชั้นต่ำแบบนี้มาใส่ตัวข้า และข้ากลับไม่รู้ตัว ดี ดีมาก วิธีการนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ฮ่า ๆ" พอพูดถึงตอนท้ายก็ตะโกนหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ

จี้กุนซือโกรธมาก อย่างแรกคือคนอย่างเขาที่เชี่ยวชาญกลอุบายในยุทธภพกลับพลาดท่าเด็กคนนี้ อย่างที่สองคือถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้ใช้วิธีนี้ ตอนนี้เขาก็คงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว ไม่ใช่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

"แมลงนำทาง" ชื่อดูเหมือนจะไพเราะ แต่จริง ๆ แล้วเป็นวิธีการของพวกอันธพาลในยุทธภพ มันเป็นสัตว์อสูรธรรมดาที่กินพืชเป็นอาหาร ทั้งชีวิตไม่สามารถพัฒนาไปถึงระดับหนึ่งได้ กล่าวคือไม่มีสติปัญญา

แต่มันมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง คือชอบคายเม็ดกลม ๆ ใส ๆ ออกมาวันละสิบกว่าเม็ด เม็ดพวกนี้จะมีกลิ่นแรง สัตว์อสูรอื่น ๆ ไม่ชอบ ประโยชน์หลักก็คือใช้กำหนดอาณาเขตของตัวเอง และไล่สัตว์อสูรตัวอื่น หรือถ้าเจออาหารที่ชอบ แต่ไม่สามารถเอาไปได้ในตอนนั้น ก็จะคายเม็ดพวกนี้ออกมา เมื่ออาหารโดนกลิ่นพวกนี้แล้ว สัตว์อสูรตัวอื่นจะไม่กิน แต่มันสามารถตามกลิ่นมาเอาไปกินได้

"แมลงนำทาง" ไวต่อกลิ่นที่ตัวเองปล่อยออกมามาก ในระยะร้อยลี้ก็สามารถตามหากลิ่นเจอ นี่เป็นความสามารถในการเอาชีวิตรอดที่สวรรค์มอบให้ แต่วิธีนี้กลับถูกพวกอันธพาลในยุทธภพนำไปใช้ พวกเขามักจะบดขยี้เม็ดพวกนี้แล้วทาลงบนเสื้อผ้าหรือรถม้าของเหยื่อ เพื่อหาโอกาสปล้นหรือขโมย

แน่นอนว่าจี้กุนซือรู้จักสิ่งนี้ ยิ่งแมลงตัวนี้อยู่ใกล้เม็ดกลม ๆ ที่มีกลิ่นนี้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น แต่กลิ่นแบบนี้ยอดฝีมือในยุทธภพอย่างเขารู้จักดี ตอนนี้พอได้ยินหงหลินอิงพูดถึง เขาก็ดมตัวเอง คิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจทุกอย่าง

มิน่าล่ะ หลี่เหยียนถึงปลูกดอกไม้ป่าจำนวนมาก ทำให้ทั้งหุบเขามีกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย ประการแรกก็เพื่อกลบกลิ่นของเม็ดแมลงนำทางที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของเขา ประการที่สองคือเสื้อผ้าของเขาตากอยู่ในหุบเขา ตอนที่ผสมเกสรในฤดูใบไม้ผลิ จะมีละอองเกสรจำนวนมากติดอยู่บนเสื้อผ้าของเขา

พอใส่เสื้อผ้าพวกนั้น จมูกก็จะได้กลิ่นดอกไม้พวกนั้น ก็เลยกลบกลิ่นได้ ประการที่สามคือดอกไม้พวกนั้นปลูกอยู่ในหุบเขา พอเขากลับมาที่หุบเขาก็จะได้กลิ่นพวกนั้นตลอดเวลา ทำให้เขาเคยชิน ความเคยชินแบบนี้จะทำให้คนเราสูญเสียความระมัดระวัง ทั้งหมดนี้รวมกันแล้ว ใครจะไปสนใจกลิ่นของแมลงนำทาง

เมื่อรู้เช่นนี้ จี้กุนซือโกรธมาก และเริ่มหวาดกลัวหลี่เหยียนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

ตอนนี้ หงหลินอิงลุกขึ้นยืนจากพื้น มองดูแผ่นหลังของคนที่กำลังนั่งอยู่กับพื้นสลับกับศิษย์น้องผู้บาดเจ็บสาหัสด้วยความตกใจ ยอดฝีมือในยุทธภพกลับตายในชั่วพริบตา กับดักอยู่ข้างใต้ พวกเขาสองคนกลับไม่รู้ตัวเลย

เมื่อครู่ที่พวกเขามาถึงที่นี่แล้วไม่ได้ลงมือทันที สาเหตุหนึ่งก็เพราะกลัวว่าจี้กุนซือจะซ้อนแผนเอาไว้ ก่อนหน้านี้พวกเขาคอยสะกดรอยตามอยู่ห่าง ๆ ก็ไม่เห็นจี้กุนซือขุดดินทำอะไร และเมื่อครู่ก็งตรวจสอบรอบ ๆ แล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงได้ลงมือโจมตี ทำไมอยู่ ๆ ถึงมีหนามไม้พุ่งออกมาจากพื้น? โจมตีครั้งเดียวก็ฆ่าคนได้

แต่เขาก็โหดเหี้ยมมากเช่นกัน แค่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้ว่าจังหวะนี้สำคัญมาก จึงพุ่งออกจากจุดเดิม เขาพุ่งไปหาศิษย์น้อง แต่พอใกล้จะถึงชายร่างใหญ่ที่กำลังจะตาย เขากลับใช้ปลายเท้าเหยียบร่างนั้น แล้วพุ่งไปอยู่ด้านหลังจี้กุนซือ และใช้หมัดโจมตีไปที่ท้ายทอยของจี้กุนซือ เขาถึงกับใช้ร่างของศิษย์น้องเป็นฐานในการโจมตี

ทิศทางการโจมตีของเขาก็แปลกมาก ที่ไม่ได้โจมตีจากทิศทางอื่น เพราะเขากลัวว่าจะมีกับดักซ่อนอยู่ จึงโจมตีจากทิศทางนี้ ใช้ร่างของศิษย์น้องเป็นเกราะกำบัง และตอนนี้เขาก็ระวังตัวมากขึ้นแล้ว ถ้ามีกับดักอื่น ๆ คงทำร้ายเขาได้ยาก

ตอนนี้จี้กุนซือหลบไม่ได้จริง ๆ เขาหันหน้าไปเล็กน้อย หายใจเข้า เก็บหน้าอก บิดเอว หมัดของหงหลินอิงเฉียดหูเขาไป แต่หงหลินอิงเป็นถึงยอดฝีมือในยุทธภพ มีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย พอเห็นแบบนั้นก็รู้ว่าตอนนี้จี้กุนซือกำลังรักษาอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถละมือได้ มือขวาที่โจมตีพลาดก็งอเป็นรูปครึ่งวงกลม ข้อนิ้วโปนขึ้น กลายเป็นค้อนกระแทกเข้าที่ขมับซ้ายของจี้กุนซืออย่างแรง ส่วนมือซ้ายก็โจมตีไปที่เอวของจี้กุนซือจากด้านล่าง

ท่านี้ทำให้จี้กุนซือจนมุม จี้กุนซือจึงได้แต่เก็บหน้าอกและยื่นแขนออกไป ทำให้ตัวเองพิงไปที่หงหลินอิงให้มากที่สุด มือขวายังคงวางอยู่บนหัวของหลี่เหยียน ท่าทางนี้ดูค่อนข้างแปลกประหลาด เหมือนกับผู้หญิงที่ซบอยู่ที่อกของชายร่างใหญ่

"ตุบ" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น หมัดซ้ายของหงหลินอิงกระแทกเข้าที่เอวของจี้กุนซืออย่างแรง ส่วนมือขวาที่งอเป็นค้อนก็โจมตีพลาดเพราะจี้กุนซือพิงมาที่อกของเขา เขารู้ว่าจี้กุนซือแบ่งพลังปราณส่วนหนึ่งไปป้องกันที่เอว แต่ยังไงตอนนี้ก็ไม่ต่างจากคนธณรมดา พลังที่สั่งสมมาหลายสิบปีของหงหลินอิงย่อมร้ายกาจนัก ทำให้จี้กุนซือกระอักเลือดสีดำออกมา เลือดกระเด็นไปโดนแขนขวาที่ยื่นออกมาของเขาและใบหน้าของหลี่เหยียน

หงหลินอิงเห็นว่าโจมตีสำเร็จก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ใช้พลังภายในระยะใกล้ ยกหมัดซ้ายขวาขึ้นมาในระดับเดียวกัน "วิชาหมัดอุดหู" เตรียมโจมตีไปที่หัวของจี้กุนซือที่อยู่ในอ้อมกอด ถ้าโจมตีเข้าจุดสำคัญ สมองคงกระเด็นออกมา

แต่ในขณะนั้น เขารู้สึกว่ามีพลังมหาศาลดันออกมาจากอ้อมกอด ดันไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีแสงไฟวาบขึ้น มีความร้อนรุนแรงพุ่งเข้ามา หลบไม่พ้น แค่พริบตาเดียวร่างกายของเขาก็ถูกไฟลุกท่วม เขาถูกแรงมหาศาลนั้นดันจนล้มกลิ้งไปข้างหลังหลายตลบ ไฟบนตัวยังไม่ดับ เขาร้องโหยหวนอยู่ในกองเพลิง พยายามลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปหาจี้กุนซือ แต่ก็ไม่มีแรง ไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างกายของเขาก็ถูกไฟคลอกไหม้

เมื่อครู่ในขณะที่เขาใช้หมัดโจมตีไปที่เอวของจี้กุนซือ จี้กุนซือก็พิงเข้ามาในอ้อมกอดของเขา ที่แท้มือซ้ายที่ใช้การไม่ได้กลับขยับ นิ้วทั้งห้าขยับเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างยากลำบาก ลูกไฟพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว โจมตีเข้าที่ร่างกายของหงหลินอิง จากนั้นนิ้วทั้งสี่ก็มีพลังปราณเปล่งประกายออกมา เกิดเป็นแรงมหาศาล ดันหงหลินอิงออกไป

"เคล็ดวิชาลูกไฟ" เคล็ดวิชาเซียนระดับต่ำอีกประการหนึ่ง เส้นเอ็นในมือซ้ายของจี้กุนซือขาดหลายเส้น ขยับไม่ได้ ได้แต่ใช้ในระยะใกล้ เขาเสี่ยงรับหมัดหนัก ๆ หนึ่งหมัด เพื่อฆ่าหงหลินอิงให้สำเร็จ

หันไปมองหงหลินอิงที่กำลังดิ้นรนอยู่ในกองเพลิง จี้กุนซือก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา แต่ครู่หนึ่งเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พลังปราณในร่างกายของเขาหลังจากที่ใช้เคล็ดวิชาสองครั้งนั้นเกือบจะควบคุมไม่ได้แล้ว

พอเขาใช้ "เคล็ดวิชาลูกไฟ" เสร็จ เคล็ดวิชาดูดพลังก็ทำงานด้วยตัวมันเอง เขาตกใจมาก ขณะรีบหันกลับไปตั้งใจควบคุมเคล็ดวิชา ทันใดนั้นกลับมีพลังปราณมหาศาลพุ่งมาจากหัวของหลี่เหยียน เขาตื่นตระหนก เพราะเคล็ดวิชาดูดพลังจำเป็นต้องใช้บทสวดควบคุมปริมาณพลังปราณที่ดูดเข้ามา แต่ตอนนี้กลับมีพลังปราณจำนวนมากพุ่งเข้าหา เขาจะรับพลังปราณมากมายขนาดนั้นเข้าไปในร่างกายได้อย่างไร?

ถัดมา มันทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เพราะพลังปราณที่ไหลเข้ามาในร่างกายของเขา ทำให้พิษไฟในร่างกายของเขารุนแรงขึ้นเหมือนกับไฟที่โดนราดน้ำมัน "ฟุ่บ" จนเดือดพล่านขึ้นมา มันไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ที่น่ากลัวที่สุดคือพลังปราณพวกนี้ไม่เข้ากับพลังปราณธาตุไม้ในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เขาทั้งตกใจและโกรธจัด

"เจ้า... นี่เจ้า... เจ้าฝึกเคล็ดวิชาอะไรกันแน่? ทำไมถึงเป็นธาตุไฟ..." ยังไม่ทันพูดจบ ก็มีพลังปราณธาตุไฟจำนวนมากไหลเข้ามาในร่างกาย ทำให้จิตใจของเขาสับสน

"นี่ไม่ใช่พลังขอบเขตรวมลมปราณขั้นที่หนึ่งระดับต้น เจ้าฝึกจนถึงระดับสูงสุดของขอบเขตรวมลมปราณแล้ว เป็นไปไม่ได้" ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเจอผี พลังปราณของอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะมีคุณสมบัติไม่ตรงกัน แม้แต่ปริมาณพลังปราณก็ไม่ถูกต้อง ทั้งสองอย่างนี้ล้วนอันตรายถึงชีวิต อย่างแรกไม่ต้องพูดถึง อย่างหลังยิ่งทำให้สมดุลของเขาเสียไป

เมื่อเห็นว่าในร่างกายปั่นป่วนเหมือนน้ำมันเดือด จี้กุนซือก็รู้ว่าตัวเองล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จึงตะโกนด้วยความโกรธ

"หลี่เหยียน เจ้าหลอกข้า เจ้าหลอกข้า เจ้าจงตาย" พูดจบก็ใช้มือขวาดึงหลี่เหยียนเข้ามาหา ตอนนี้เคล็ดวิชาดูดพลังสำเร็จ ฝ่ามือขวารับพลังปราณที่พุ่งเข้าใส่ ไม่สามารถใช้พลังทำลายสมองได้ เขาจึงใช้วิธีเดียวกับที่จัดการหงหลินอิง เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการดึงหลี่เหยียนเข้ามาหา พอหลี่เหยียนเข้ามาใกล้ เขาจึงใช้มือซ้ายเรียกเคล็ดวิชาลูกไฟโจมตีใส่หลี่เหยียนแล้วผลักออกไป จริง ๆ แล้วเขาเข้าไปใกล้หลี่เหยียนเองก็ได้ แต่แบบนั้นหลี่เหยียนจะป้องกันได้ง่ายกว่า

ในขณะที่จี้กุนซือกำลังดึงหลี่เหยียนเข้ามาหา หลี่เหยียนก็เบิกตากว้าง ทันใดนั้นก็ลดปริมาณพลังปราณที่ส่งผ่านไปที่หัว และใช้มือขวาที่เต็มไปด้วยพลังปราณดึงหัวเข็มขัดสีม่วงที่เอว แสงสีขาววาบขึ้น มันพุ่งเข้าไปในท้องของจี้กุนซือ ที่แท้เป็นมีดสั้นขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในเข็มขัด ด้ามมีดก็คือหัวเข็มขัดสีม่วง

จี้กุนซือรู้สึกเย็นวาบที่ท้อง ตามมาด้วยความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้การเคลื่อนไหวของมือขวาชะงักไป เขาก้มลงมอง เห็นหลี่เหยียนใช้มือขวาจับบางอย่างปักเข้าที่ท้อง จึงคำรามออกมา "เจ้ายังมีแผนอีกงั้นหรือ? งั้น... เจ้า... ก็ต้องตาย"

พอเงยหน้าขึ้น เลือดสีดำจึงไหลออกมาจากมุมปากไม่หยุด มือขวานั้นออกแรงมากขึ้น ดึงหลี่เหยียนเข้ามาหา หลี่เหยียนที่ร้อนใจ จึงออกแรงบิดด้ามมีดในมือ หวังจะทำลายอวัยวะภายในของจี้กุนซือ แต่กลับขยับไม่ได้ ที่แท้จี้กุนซือป้องกันเอาไว้ เป็นการใช้พลังปราณห่อหุ้มมีดที่ปักอยู่ในท้องเอาไว้

เห็นตัวเองยังคงถูกดึงเข้าไปหาจี้กุนซือ หลี่เหยียนยิ่งร้อนใจ เดิมทีเขาพิงต้นไม้อยู่ ถูกดึงขึ้นมาช้า ๆ ขาเหยียดครึ่งงอครึ่ง จี้กุนซือนั่งอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้หลี่เหยียนเลยงอขาข้างหนึ่ง ใช้พลังปราณทั้งหมดเตะไปที่หน้าอกของจี้กุนซือ จี้กุนซือเห็นดังนั้นก็หัวเราะลั่น "แรงแค่นี้จะหยุดข้าได้หรือ?"

เขาคิดว่าหลี่เหยียนแค่ใช้เท้านี้ยันหน้าอกของเขาเอาไว้เป็นฐาน ไม่ให้ตัวเองถูกดึงเข้าไปหา ส่วนตอนนี้มือซ้ายของเขาทำได้แค่ขยับเล็กน้อย ไม่สามารถยกขึ้นมาใช้เคล็ดวิชาลูกไฟเพื่อโจมตีที่ขาของหลี่เหยียนได้

ครู่หนึ่ง เท้าของหลี่เหยียนเตะเข้าเป้าหมาย เสียง "แคร๊ก" ดังขึ้น มีใบมีดพุ่งออกมาจากปลายรองเท้า ทะลุเข้าไปในหัวใจของจี้กุนซือ

หลี่เหยียนยินดีล้นพ้น แต่ครู่หนึ่งก็มีสีหน้าสับสน ในขณะที่ใบมีดของเขาทะลุเข้าไป จี้กุนซือกลับยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ท่อนบนที่นั่งอยู่ขยับขึ้นมา หลี่เหยียนรู้สึกว่าเท้าของเขาเตะวืด

ที่แท้ในขณะที่ใบมีดปลายรองเท้าของหลี่เหยียนกำลังจะแทงทะลุชุดดำของจี้กุนซือ จี้กุนซือกลับบิดตัวหลบอย่างรวดเร็ว ใบมีดที่ปลายรองเท้าของหลี่เหยียนจึงเฉียดหน้าอกของเขาไป จากนั้นเขาจึงกลับมาอยู่ในท่าเดิม รับการโจมตีของหลี่เหยียนอย่างจัง มีพลังมหาศาลพุ่งเข้าใส่ฝ่าเท้าของหลี่เหยียน เสียง "กร๊อบ" ดังขึ้น หลี่เหยียนร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ขาข้างนั้นก็หักงอลงเป็นที่เรียบร้อย

"นี่เป็นไม้ตายสุดท้ายของเจ้าสินะ แต่ก็แค่นี้" จี้กุนซือพูดด้วยเสียงแหบแห้ง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด