บทที่ 547: การแข่งขันสัตว์อสูรในสนามประลอง
ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบ เฉียวซางเดินออกมาจากห้องประเมินพร้อมกับอุ้มหยาเป่าที่กลับมาอยู่ในร่างเล็กอีกครั้ง
[เป็นไงบ้าง ใครเป็นคนประเมินโคตรมหาเทพตัวประหลาดคนนั้นที่นายพูดถึงกัน?]
[ได้ถ่ายวิดีโอไว้ไหม?]
[เริ่มประเมินแล้วยัง? แล้วสัตว์อสูรที่โคตรมหาเทพตัวประหลาดส่งลงมาคือตัวอะไร?]
พนักงานที่กำลังทำหน้าที่ลงทะเบียนอยู่ที่หน้าประตูได้สติกลับมาอีกครั้ง เขามองกลุ่มสนทนาในแอปพลิเคชันอยู่พักหนึ่งก่อนจะเริ่มพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างช้า ๆ
[การประเมินจบแล้ว…]
[?]
[อะไรนะ? ฉันยังอ่านนิยายไม่จบตอนเลย นายบอกว่าการประเมินจบแล้ว?]
[ใครชนะ?]
พนักงานพิมพ์ตอบกลับไปอย่างช้า ๆ อีกครั้ง
[โคตรมหาเทพตัวประหลาดนั่นชนะ]
[ก็รู้อยู่แล้วนี่ ว่าโคตรมหาเทพตัวประหลาดนั่นเก่ง ชนะก็ไม่แปลก]
[โคตรมหาเทพตัวประหลาดนั่นนี่มีฝีมือเหมือนกันนะ ฉันแค่ไปชงกาแฟแปปเดียว การประเมินก็ผ่านแล้ว]
[นายบอกว่าเธอมาจากบลูสตาร์ มีสัตว์อสูรสี่ตัว และสามในสี่ตัวเป็นสัตว์อสูรระดับสูง ฉันยอมรับว่ามันไม่ธรรมดาในระดับ D แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นเรียกว่าโคตรมหาเทพตัวประหลาดไหม?]
พนักงานพิมพ์ตอบกลับข้อความสำคัญ
[เออลืมบอกไป โคตรมหาเทพตัวประหลาดนั่นอายุ 15]
ทันใดนั้น บรรยากาศในกลุ่มสนทนาก็เงียบสนิท
…
หลังจากเฉียวซางอัปเดตข้อมูลส่วนตัวเสร็จ เธอก็รับตราผู้ฝึกสัตว์อสูรอันใหม่ ก่อนจะเปิดแอปพลิเคชันนำทางเพื่อค้นหาศูนย์พัฒนาสัตว์อสูร
ศูนย์พัฒนาสัตว์อสูรนั้นคล้ายกับศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูร เป็นกิจการที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของพันธมิตร
ความแตกต่างก็คือคนที่เข้าออกศูนย์พัฒนาสัตว์อสูรส่วนใหญ่มักจะเป็นนักพัฒนาสัตว์อสูร ระดับการประเมินของสายงานนี้ก็ถูกจัดขึ้นที่นี่
อีกกลุ่มหนึ่งก็คือคนที่ต้องการมาหานักพัฒนาสัตว์อสูรที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งเฉียวซางในตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
บนบลูสตาร์เองก็มีศูนย์พัฒนาสัตว์อสูร
แต่ตอนนั้นเฉียวซางยังมีเงินไม่มาก แถมสัตว์อสูรของเธอก็ยังมีระดับต่ำ หลังจากได้รองผู้อำนวยการมาช่วย เธอก็ไม่เคยคิดจะมาศูนย์พัฒนาสัตว์อสูรอีกเลย
แต่ตอนนี้ เมื่อมาอยู่บนอัลติเมทสตาร์ สถานที่ที่เธอไม่คุ้นเคย แถมยังมีเงินใช้จ่ายอย่างเหลือเฟือ เธอจึงนึกถึงสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา
หลังจากเฉียวซางค้นหาข้อมูลจนเสร็จ เธอเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้จึงหันไปมองเหยี่ยวเกราะเหล็กข้างตัว “แกเงียบจังเลยนะ”
“กงกง”
เหยี่ยวเกราะเหล็กกระพือปีกเล็กน้อย
ถ้าชอบให้มันส่งเสียงดัง มันก็ไม่ขัดที่จะทำให้
เฉียวซาง “…”
ดูเหมือนเธอจะเผลอคิดไปเองแล้วล่ะว่ามันเรียบร้อย
......
ศูนย์พัฒนาสัตว์อสูร
ตึกของศูนย์พัฒนาสัตว์อสูรมีลักษณะภายนอกที่โดดเด่น ผนังด้านนอกของตึกเอียงจากภายนอกเข้าด้านใน และปกคลุมด้วยกระจกที่เรียงต่อกันเป็นชั้นๆ ไล่ขึ้นไปจนถึงยอดตึก รูปทรงของมันดูราวกับคริสตัลแก้วใสที่แวววาวงดงาม
ล็อบบี้ชั้นหนึ่ง เคาน์เตอร์หมายเลข 6
"ฉันต้องการหานักพัฒนาสัตว์อสูรระดับ S" เฉียวซางกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
พนักงานที่กำลังกรอกข้อมูลอยู่สะดุดไปเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม "ฉันสามารถช่วยลงทะเบียนให้คุณได้ค่ะ แต่ต้องแจ้งก่อนว่านักพัฒนาระดับ S ส่วนใหญ่จะไม่รับงานจากคนแปลกหน้า คุณต้องพิจารณาให้ดีนะคะ"
เฉียวซางถามกลับ "ถ้าฉันจ่ายเยอะมากๆก็ไม่ได้เหรอคะ?"
พนักงานยิ้มอย่างสุภาพ "คุณต้องเข้าใจว่านักพัฒนาระดับ S ไม่ได้ขาดแคลนเงินค่ะ"
คำตอบนั้นทำให้เฉียวซางรู้สึกหมดกำลังใจไปบ้าง เดิมทีเธอหวังว่าจะใช้โอกาสที่เธอมีเงินไม่จำกัดตอนนี้จ้างนักพัฒนาสัตว์อสูรที่ดีที่สุด แต่ดูเหมือนว่าเงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้
"งั้นฉันขอหานักพัฒนาระดับ A แทนก็ได้ค่ะ" เธอเปลี่ยนเป้าหมาย
"ได้ค่ะ" พนักงานตอบพร้อมกรอกข้อมูลต่อ "ตอนนี้มีนักพัฒนาระดับ A สามคนที่สามารถรับงานได้ หนึ่งในนั้นขอค่าตอบแทนเป็นหางของสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ อีกคนขอให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับ A และต้องไปกับเขาที่เขต 22 ในอีกหนึ่งเดือน และคนสุดท้ายขอให้ผู้ว่าจ้างมีสัตว์อสูรที่สามารถลบความทรงจำได้เพื่อช่วยเขาในงานที่ทำอยู่"
เฉียวซางนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนถาม "ไม่มีใครที่ขอแค่เงินอย่างเดียวบ้างเหรอคะ?"
พนักงานยังคงยิ้มอย่างมืออาชีพ "คุณต้องเข้าใจว่านักพัฒนาระดับ A ก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินค่ะ"
เฉียวซาง "..."
"งั้นฉันขอหานักพัฒนาระดับ B แทนก็ได้ค่ะ" เธอยอมถอยอีกครั้ง
สำหรับหยาเป่า ซุนเป่า และลู่เป่า รองผู้อำนวยการได้ให้สูตรพิเศษสำหรับพัฒนาพวกมันไว้แล้ว เพียงแค่นักพัฒนาใช้สูตรเหล่านั้นตามขั้นตอนการผลิตก็พอ ส่วนเจ้าเหยี่ยวเกราะเหล็กนั้นยังเป็นสัตว์อสูรระดับเริ่มต้น แม้จะวิวัฒนาการไปสู่ระดับกลางเร็วๆนี้ นักพัฒนาระดับ B ก็น่าจะเพียงพอ
"ได้ค่ะ" พนักงานตอบพร้อมค้นหาอย่างอดทน
ไม่นานนัก เธอก็พูดขึ้น "ตอนนี้มีนักพัฒนาระดับ B ทั้งหมด 122 คนที่สามารถรับงานได้ค่ะ ฉันจะแสดงข้อมูลบนหน้าจอด้านหน้าคุณเพื่อให้คุณเลือกค่ะ"
เมื่อสิ้นเสียง หน้าจอที่อยู่ตรงหน้าเฉียวซางก็เปลี่ยนเป็นข้อมูลของนักพัฒนาระดับ B
แค่ลดระดับลงจาก A เป็น B จำนวนของนักพัฒนาก็เพิ่มขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่เฉียวซางดูข้อมูลนักพัฒนาตรงหน้า เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าช่องว่างระหว่างสองระดับนี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
[เฮิร์ตซ์เบิร์ก, นักพัฒนาสัตว์อสูร ระดับ B, เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสัตว์อสูรประเภทน้ำ เคยพัฒนาสัตว์อสูรประเภทน้ำระดับราชาขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิ ปัจจุบันว่างพร้อมรับงาน]
[ค่าตอบแทน: ตกลงกันได้]
[หมายเหตุ: ไม่รับสัตว์อสูรที่ไม่ใช่ประเภทน้ำ]
นักพัฒนามืออาชีพไม่น่าจะต้องเจาะจงเรื่องประเภทสิ... เฉียวซางบ่นพึมพำ ก่อนจะเลื่อนดูต่อ
[คิลเลนโต้, นักพัฒนาสัตว์อสูร ระดับ B, เชี่ยวชาญด้านการแก้ปัญหาทางจิตใจของสัตว์อสูร ปัจจุบันว่างพร้อมรับงาน]
[ค่าตอบแทน: 2–3 ล้าน]
[หมายเหตุ: หวังว่าสัตว์อสูรของคุณจะมีปัญหาทางจิตใจอย่างร้ายแรง]
...นี่มันอะไรเนี่ย เฉียวซางถึงกับพูดไม่ออกเมื่ออ่านหมายเหตุ
หลังจากเลื่อนดูไปเรื่อย ๆ เธอก็พบว่าถึงจะมีนักพัฒนาถึง 122 คน แต่ก็ไม่ได้ง่ายเลยที่จะหาคนที่เหมาะสม
การจ้างนักพัฒนาสัตว์อสูรในศูนย์พัฒนาก็คล้ายกับการจ้างผู้ฝึกสัตว์อสูรในศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูร มันเป็นกระบวนการที่ทั้งสองฝ่ายต้องเลือกกันและกัน
หรืออาจจะเป็นเพราะนักพัฒนาระดับสูงไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากนัก พวกเขามักจะมองหาสัตว์อสูรที่น่าสนใจสำหรับตัวเองมากกว่า
หลังจากใช้เวลาอยู่พักใหญ่ เธอก็พบกับนักพัฒนาที่ค่าตอบแทนสมเหตุสมผลและไม่มีข้อเรียกร้องแปลกๆ
[โมนีล, นักพัฒนาสัตว์อสูร ระดับ B, ปัจจุบันว่างพร้อมรับงาน]
[ค่าตอบแทน: 1–3 ล้าน]
[หมายเหตุ: ชำระค่าบริการครบถ้วนในครั้งเดียว]
"เอาคนนี้แหละค่ะ" เฉียวซางกดเลือกชื่อของโมนีลและพูดขึ้น
เฉียวซางเดินทางไปตามที่อยู่ที่โมนีลให้ไว้ มาถึงอาคารสีขาวแห่งหนึ่งด้วยรถแท็กซี่
เมื่อเดินเข้าประตูมา เธอถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางไว้ “คุณผู้หญิง สถานที่แห่งนี้อนุญาตให้เฉพาะผู้ฝึกสัตว์อสูรเท่านั้น กรุณาแสดงตราผู้ฝึกสัตว์อสูรของคุณด้วยครับ”
ฉันอุ้มหยาเป่าไว้ในมือ แถมข้างๆยังมีเหยี่ยวเกราะเหล็กยืนอยู่แท้ๆแต่ยังต้องแสดงตราอีกเหรอ... เฉียวซางอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ
พนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งผ่านการรับมือกับคนหลากหลายประเภทมองออกทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร
“เนื่องจากที่นี่เคยมีคนธรรมดาอุ้มสัตว์อสูรป่ามาพยายามปลอมตัวเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรอยู่บ่อยครั้ง เราจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจครับ ขออภัยในความไม่สะดวกครับ”
ก็ได้... เฉียวซางหยิบเข็มกลัดผู้ฝึกสัตว์อสูรที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ในตอนเช้าออกมายื่นให้
เมื่อเห็นว่าเป็นเข็มกลัดระดับ D พนักงานก็ชะงักไปเล็กน้อย เขารับเข็มกลัดด้วยท่าทางเคารพ พลางตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าตกตะลึง
เฉียวซางไม่แสดงสีหน้าอะไร เธอชินกับปฏิกิริยาแบบนี้ของคนอื่นแล้ว
หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที ภายใต้การนำทางของพนักงาน เฉียวซางก็มาถึงพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม
“เอาเลย! จัดการมัน!”
“หลิวหยวน! ถ้าชนะไม่ได้ก็ลงมาเถอะ! ใช้สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างแมงป่องเหล็กทอง แต่ยังสู้จนเละขนาดนี้ได้ยังไง!”
“อ๊าก! โมย่า! ฉันจะได้แต่งงานหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว!”
เฉียวซางมองไปยังบริเวณตรงกลาง ซึ่งมีสนามประลองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ สัตว์อสูรสองตัวกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด โดยมีผู้ฝึกสัตว์อสูรทั้งสองยืนอยู่บนแท่นควบคุมที่อยู่คนละฝั่ง
รอบๆสนามเต็มไปด้วยผู้ชมที่กำลังส่งเสียงเชียร์กันอย่างคึกคัก
เฉียวซางไม่ได้แปลกใจกับบรรยากาศนี้ เพราะตอนที่ค้นหาที่อยู่นี้เธอรู้อยู่แล้วว่าสถานที่แห่งนี้คือสนามประลองสัตว์อสูรที่ถังอี้มักพูดถึงบ่อยๆนั่นเอง