บทที่ 534: แกเข้าก่อนเลย
คฤหาสน์สเฟียร์โรว
ในห้องจัดเลี้ยงอันโอ่อ่า
เพดานประดับด้วยโคมระย้าคริสตัลสุดหรูเก้าดวง ส่องประกายพร่างพราวทั่วห้องจัดเลี้ยง โต๊ะยาวปูด้วยผ้าขาวเรียงรายไปด้วยอาหารเลิศรส เหล้าองุ่น และผลไม้นานาชนิด
สัตว์อสูรในชุดทำงานหลายตัวเดินขวักไขว่ คอยนำอาหารและเครื่องดื่มมาเติมบนโต๊ะ
แขกผู้มาร่วมงานจับกลุ่มพูดคุยกันเป็นกลุ่มเล็กๆ บ้างนั่งล้อมรอบโซฟา บ้างยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการสนทนา ในขณะที่ทุกคนเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่ม
ฟีลิสซึ่งเป็นตัวเอกของงานในวันนี้ สวมชุดเดรสยาวสีแดง ประดับด้วยเครื่องประดับวิจิตร บนใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มบางเบา ขณะฟังคำชมเชยจากคนรอบตัว
“คุณหนูฟีลิสอายุยังน้อยอยู่แท้ๆ แต่กลับสามารถเปิดหน้าที่สองของตำราอสูรได้แล้ว ในเขตที่สามนี่แทบไม่มีโอกาสได้พบเจอกับอัจฉริยะแบบนี้เลย”
“ได้ยินมาว่าฐานเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรแต่ละแห่งต่างนำสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมาให้คุณหนูฟีลิสเลือกมากมายเลยนะ”
“มาดามมาร่านี่รักและทะนุถนอมคุณหยูฟีลิสมากจริงๆ”
ในขณะนั้น สัตว์อสูรตัวหนึ่งในชุดทำงานได้พาเด็กหนุ่มสาวสามคนเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง
สายตาของแขกในห้องต่างหยุดลงที่เด็กสาวผมดำที่อุ้มสัตว์อสูรไว้ในอ้อมแขน
“นั่นมันคุณหนูยูนะนี่ ทำไมเพื่อนของเธอถึงอุ้มสัตว์อสูรเข้ามาด้วยล่ะ?” แขกที่ยืนข้างฟีลิสเอ่ยขึ้น
ฟีลิสหันมองสัตว์อสูรในอ้อมแขนของเด็กสาวผมดำ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
เฉียวซางที่ไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวถึงสายตาดังกล่าวเดินไปที่โต๊ะอาหาร หยิบขนมชิ้นหนึ่งส่งให้หยาเป่า
“ย่าห์!”
หยาเป่าใช้กรงเล็บรับขนมมาก่อนก้มหน้ากินอย่างร่าเริง
“น้องสาวเธอคือคนไหนนะ?” เฉียวซางถาม
“ก็คนที่ใส่ชุดเดรสสีแดงนั่นแหละ” ยูนะพยักหน้าไปยังตำแหน่งข้างหน้า
ถังอี้เอ่ยถามว่า “เธอไม่ไปหาเธอหน่อยเหรอ?”
“ไม่ล่ะ” ยูนะยิ้ม “ฉันกับเธอไม่ค่อยสนิทกัน”
ถังอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหลุดปากถามว่า “ทำไมถึงไม่สนิทกันล่ะ?”
เหตุผลก็ชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องพี่น้องในตระกูลใหญ่ที่ไม่ถูกกันมันก็หนีไม่พ้นเหตุผลเดิมๆนั่นแหละ... เฉียวซางมองยูนะด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
ยูนะเงียบไปสักพักก่อนพูดว่า “ฉันกับเธอคนละพ่อกัน”
เฉียวซาง: “!!!”
พูดจริงนะ เธอคิดไปตั้งหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นแย่งมรดก แย่งผู้ชาย ความรักที่ไม่เท่าเทียม คนละแม่ แต่ไม่เคยนึกว่าจะเป็นแบบนี้!
ถังอี้เบิกตากว้าง ดูเหมือนจะตกใจไม่แพ้กัน
ยูนะกล่าวต่อ
“แม่ของฉันแต่งงานกับพ่อเพื่อผลประโยชน์ทางตระกูล ตอนหลังทั้งสองแยกทางกันด้วยดี จากนั้นแม่ของฉันก็แต่งผู้ชายเข้าตระกูลหรือก็คือพ่อของฟีลิสนั่นแหละ”
เฉียวซางขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนถามขึ้นอย่างสงสัย
“เดี๋ยวสิแต่งงานงั้นเหรอ? ทำไมเธอใช้คำว่าแต่งผู้ชายล่ะ?”
ยูนะนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเฉียวซางมาจากบลูสตาร์ จึงอธิบายว่า
“ที่อัลติเมทสตาร์ของพวกเราจะให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งเป็นหลัก ใครที่เป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับสูงกว่าก็จะถือว่าเป็นฝ่ายหลัก เพราะคนที่มีความสามารถมากกว่าย่อมมีโอกาสดูแลครอบครัวและตระกูลได้ดีกว่า”
เฉียวซางตาเป็นประกายทันที
“แล้วถ้าฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ประสานงานสัตว์อสูร แต่อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพ และทั้งคู่มีระดับเท่ากันล่ะ?”
ยูนะยิ้มเล็กน้อย
“ผู้ประสานงานสัตว์อสูรส่วนใหญ่ก็แค่ดูมีลูกเล่นแพรวพราวไปวันๆจะไปเทียบกับพลังของผู้ฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพได้ยังไง แน่นอนว่าฝ่ายมืออาชีพต้องเป็นคนที่เป็นหัวหลัก”
ถังอี้ถอนหายใจ
“ไม่แปลกใจเลยที่บอกว่าอัลติเมทสตาร์มีผู้ฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพมากที่สุดในบรรดาดวงดาวทั้งหมดของพันธมิตร”
ยูนะส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
“ที่จำนวนผู้ฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะดาวของเรามีสัตว์อสูรป่าอยู่มาก ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องแต่งงานเท่าไหร่หรอก อีกอย่าง การเป็นฝ่ายหัวหลักในการแต่งงาน หมายถึงการแบกรับความรับผิดชอบที่มากกว่า ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะอยากเป็นฝ่ายนั้น”
เฉียวซางนึกในใจว่า นี่เป็นข้อมูลที่เปิดโลกใหม่จริงๆ
ขณะนั้นเอง ไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ดับลง ท่ามกลางความมืดสนิท แสงไฟดวงเดียวสาดส่องไปยังเวทีสูง
ชายคนหนึ่งเดินขึ้นเวทีมา พร้อมกับสัตว์อสูรตัวเล็กที่มีสี่ขา สามหาง และรูปร่างคล้ายสุนัขจิ้งจอกเดินตามหลังมา
“เริ่มแล้ว” ยูนะกระซิบเบาๆ
“แขกส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานในวันนี้ก็เพื่อการแสดงสัตว์อสูรนี่แหละ ฐานเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรแต่ละแห่งนำสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ที่สุดมาโชว์ ถึงแม้ว่าฟีลิสจะได้เลือกก่อน แต่สัตว์อสูรที่เหลือก็ล้วนหาได้ยาก”
เธอหันมามองเฉียวซางกับถังอี้แล้วพูดต่อ
“ถ้าพวกเธอมีตัวไหนอยากทำสัญญาก็บอกฉันได้นะ เดี๋ยวฉันให้คนช่วยจองไว้ให้เอง”
เฉียวซางรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา เพราะสัตว์อสูรจากอัลติเมทสตาร์ส่วนใหญ่เธอยังไม่คุ้นเคย การจะเลือกสัญญาสัตว์อสูรก็ต้องอาศัยคำแนะนำจากคนอื่น นี่มันโอกาสทองแท้ๆ
บนเวที ชายคนนั้นเริ่มแนะนำสัตว์อสูรตัวแรก
“นี่คือจิ้งจอกเยือกแข็ง มันสามารถพ่นลมหายใจที่มีอุณหภูมิ -50 องศาได้”
“ไอซ์!”
จิ้งจอกเยือกแข็งพ่นลมหายใจที่เป็นไอเย็นจัดออกมาโชว์ตามคำพูด
“ตอนนี้มันอายุเพียงหกเดือน แต่กลับสามารถใช้ทักษะพุ่งเข้าชน หิมะโปรย ลมเยือกแข็ง และเขี้ยวน้ำแข็งได้แล้ว”
ชายคนนั้นกล่าวชื่อทักษะทีละอย่าง จิ้งจอกเยือกแข็งก็โชว์ให้เห็นอย่างคล่องแคล่ว
“นอกจากนี้ มันยังมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างร่างเยือกแข็ง และร่างไร้มลทินอีกด้วย”
เฉียวซางถึงกับอึ้ง เธอคิดในใจว่า ไม่แปลกเลยที่จิ้งจอกตัวนี้ถูกนำมาแสดง เพราะร่างไร้มลทินเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่พบเห็นได้ค่อนข้างยากมาก
ทันใดนั้น สัตว์อสูรที่มีลักษณะคล้ายนกสีขาวตัวหนึ่งก็บินขึ้นเวทีมา มันไม่ได้ขึ้นมาโชว์ตัว แต่กลับกระพือปีกปล่อยลมกรดโจมตีใส่จิ้งจอกเยือกแข็ง
“ไอซ์!”
จิ้งจอกเยือกแข็งร้องเสียงดัง ก่อนจะถูกผลักจนล้มกระเด็นไปหลายเมตร
“นี่มันทำอะไรกัน?” เฉียวซางถามพลางขมวดคิ้ว
ยูนะอธิบาย
“เป็นการโชว์ลักษณะเฉพาะตัวของมันสินะ”
ขณะที่คำพูดจบลง สัตว์อสูรนกสีขาวก็โบกปีกอีกครั้ง ส่งผลให้หิมะตกลงมาในบริเวณเล็กๆ
หิมะนั้นตกลงบนตัวจิ้งจอกเยือกแข็ง
“ไอซ์!”
ไม่นานมันลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องออกมาอย่างมีชีวิตชีวา
ชายบนเวทีประกาศด้วยเสียงดังว่า
“ทุกท่านคงได้เห็นแล้วถึงพลังการฟื้นฟูของจิ้งจอกเยือกแข็งตัวนี้ เราประเมินไว้แล้วว่าร่างเยือกแข็งของมันอยู่ในระดับ A!”
ระดับ A... ในความทรงจำของเฉียวซาง เท่าที่เธอจำได้ในบรรดาสัตว์อสูรที่เธอเคยพบเจอมา มีเพียงวิหคเพลิงซ่อนของซ่งซินเยวี่ยที่มีลักษณะเฉพาะตัวดึงดูดไฟซึ่งอยู่ในระดับ A เช่นเดียวกัน
เธอหันไปมองยูนะอย่างจริงจัง
ยูนะถาม
“เธออยากได้จิ้งจอกตัวนี้เหรอ?”
“เปล่า ฉันอยากถามว่าห้องน้ำอยู่ไหน”
ยูนะ: “...”
เฉียวซางเดินไปตามทางที่มุ่งหน้าไปห้องน้ำ
ระหว่างทาง ทุกคนที่พบเห็นต่างมองเธอและหยาเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความสนใจ
“ย่าห์...”
หยาเป่าถอนหายใจเบาๆ
ที่นี่น่าเบื่อจริงๆกลับไปฝึกยังดีกว่าอีก
เฉียวซางยิ้มและกล่าวว่า
"ทั้งวันฝึกจนเหนื่อยมากแล้ว ยังไม่พอใจอีกเหรอ?"
“ย่าห์ ย่าห์”
หยาเป่ากระดิกกรงเล็บเล็กน้อย มันบอกว่าเพราะลู่เป่าคอยช่วยใช้แสงแห่งการรักษากับคลื่นเสียงรักษาให้ตลอด มันจึงไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด
เฉียวซางเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“นี่พวกแกเข้ากันดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?”
ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เธอขอให้ลู่เป่ารักษาหยาเป่า ก็มักจะต้องออกปากบอกหรือไม่ก็ต้องหากลยุทธ์เพื่อหลอกล่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าลู่เป่าจะช่วยหยาเป่าโดยไม่ต้องรอคำสั่งของเธออีกต่อไป
“ย่าห์ ย่าห์?”
หยาเป่ามองเธอด้วยความสงสัย เหมือนจะถามว่า ก็เราเข้ากันดีมาตลอดไม่ใช่เหรอ?
เฉียวซาง: “...”
ไอ้หมาความจำสั้นนี่แกจำไม่เลยสินะว่าก่อนหน้านี้พวกแกทะเลาะกันแทบทุกวัน!
ทันใดนั้น เสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านหน้า
“มันเกิดอะไรขึ้น! วันสำคัญขนาดนี้ดันมีเรื่องผิดพลาดแบบนี้ได้ยังไง!”
เฉียวซางมองไปตามเสียง พบชายวัยกลางคนกำลังดุด่าสัตว์อสูรในชุดทำงานอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พวกแกไปหาตรงนั้น แต่อย่าทำเสียงดังจนรบกวนแขกที่มางานล่ะ!”
เฉียวซางเพียงเดินผ่านไปโดยไม่ได้สนใจอะไรมาก ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอคือเข้าห้องน้ำ
เมื่อมาถึงหน้าห้องน้ำ เธอวางหยาเป่าลงบนพื้นและพูดว่า
“แกรออยู่ข้างนอกนะ”
“ย่าห์”
หยาเป่าพยักหน้า
เฉียวซางเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูห้องน้ำก็พบกับสายตาของสัตว์อสูรขนาดเล็กที่กำลังมองตรงมาที่เธอ
มันเป็นนกตัวเล็กที่มีขนสีม่วงคล้ายเกราะป้องกัน ตาสีแดงจ้องมองเธออย่างระแวดระวัง
“กง...”
นกตัวนั้นส่งเสียงในลำคอ พร้อมทำท่าทางระวังตัว
หลังจากทั้งสองจ้องหน้ากันเพียงสองวินาที เฉียวซางก็ปิดประตูห้องน้ำดัง ปัง! แล้วพูดว่า
“แกเข้าก่อนเลย”
เหยี่ยวเกราะเหล็ก: “…”