ตอนที่แล้วบทที่ 30 ค่าปนเปื้อน 
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 31 สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์และการซ้อมยิงเป้า 


หลังจากกำชับหลี่อังเสร็จเรียบร้อย พร้อมทั้งเตือนให้เขาระวัง“ความรักแบบกอดกระชับ”จากเพื่อนร่วมงานชายให้ดีแล้ว เจ้าแพะดำก็กล่าวต่อว่า

“ถ้าเขาแค่ต้องการใช้เทปกาวติดสิ่งของบางอย่าง เช่น รางเหล็กที่ขาดเป็นช่วงๆหรือธารน้ำที่แห้งขอดจนขาดตอน ด้วยพละกำลังของเขาก็น่าจะติดต่อกันไปได้เป็นระยะทางหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว

แต่ถ้าเป็นการติดในเชิงนามธรรมอาจจะติดได้แค่ห้าสิบถึงหกสิบครั้งเท่านั้น เขาก็จะหมดแรงใจไปก่อนและยิ่งวัตถุที่ถูกติดนั้นมีเจตจำนงแข็งแกร่งมากเท่าไร การใช้พลังของเขาก็ยิ่งสิ้นเปลืองมากขึ้นเท่านั้น

เหมือนอย่างเมื่อปีที่แล้ว เขาพยายามใช้เทปกาวเพื่อยึดเอาความไว้วางใจของยัยผมแดงนั่นมาเพื่อให้ได้งานที่เหมาะสม ผลที่ตามมาก็คือสภาพจิตใจเขาพังยับเยิน ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้และต้องนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงถึงสามเดือนกว่าจะลุกขึ้นมาได้”

หลังจากอธิบายเกี่ยวกับความสามารถของเทปกาวจนจบ เจ้าแพะดำก็สรุปว่า

“โดยรวมแล้วพลังของสิ่งผิดปกติจะมีขีดจำกัด แต่ก็ไม่ได้กำหนดไว้ตายตัวทั้งหมด นอกจากพลังของสิ่งผิดปกติเองแล้ว ร่างกายและจิตใจของนายที่สามารถรับมือกับการใช้พลังเหล่านั้นได้มากแค่ไหน ก็ส่งผลให้พลังของสิ่งผิดปกตินั้นแสดงผลได้อย่างเต็มที่มากขึ้นเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่นฉัน ถึงตอนนี้จะดูอ่อนแอมาก แต่ถ้านายรับมือกับการใช้พลังได้ และเลี้ยงดูฉันให้ฟื้นคืนสภาพขึ้นมาอีกครั้ง ฉันก็ยังสามารถปลุกปั่นให้คนหลายพันคนเกิดความอยากต่อสู้กันได้ในทันทีและทำให้เกิดสงครามขนาดย่อมได้เลย เข้าใจไหม?”

“เข้าใจประมาณหนึ่งแล้ว…”

หลี่อังพยักหน้าเบาๆอย่างครุ่นคิดก่อนจะขมวดคิ้วถามต่อว่า

“แต่คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลยนี่ ผมไม่ได้ถามถึงความสามารถของสิ่งผิดปกติ ผมถามว่าผมจะทำยังไงถึงจะมีสภาพร่างกายเหมือนคนอื่นได้?”

“ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าเรื่องนี้มันเร่งไม่ได้~”

เจ้าแพะดำสูบควันบุหรี่เข้าลึกก่อนจะกล่าวด้วยท่าทางสบายอารมณ์

“ออกปฏิบัติภารกิจให้มากขึ้น เก็บรวบรวมสิ่งผิดปกติให้มากขึ้น จากนั้นก็ใช้สิ่งผิดปกติเหล่านั้นให้มากๆ แล้วนายจะได้รับผลกระทบและเปลี่ยนแปลงไปเป็น‘สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์’อย่างช้าๆ และยิ่งสิ่งผิดปกตินั้นบ้าคลั่งและรุนแรงมากเท่าไรความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของคุณก็จะยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น

เอาฉันเป็นตัวอย่างก็ได้ ก่อนหน้านี้ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของฉันเทียบเท่ากับหอพักแห่งความสุข ต่อให้นายใช้ฉันติดกันหลายปีก็คงได้แค่ทำให้ร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย

แต่หลังจากที่นายเอาสิ่งดีๆมาให้ฉันมากขนาดนี้ ตอนนี้ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของฉันเพิ่มขึ้นหลายเท่า คาดว่าน่าจะเร็วกว่าหอพักแห่งความสุขสามถึงสี่เท่าเลยทีเดียว

และถ้านายยอมฆ่าคนเลวสักสองสามคนแล้วยกวิญญาณชั่วร้ายของพวกนั้นให้ฉัน ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงก็จะเพิ่มขึ้นอีก! ไม่เกินปีนายก็คงจะมีร่างกายแข็งแรงเหมือนฮัลลี่ที่ใช้เทปกาวได้แล้ว! ว่ายังไง สนใจลองดูไหม?”

“…”

เจ้าหมอนี่…ไม่มีวันหยุดล่อลวงฉันเลยสินะ…

เมื่อได้ยินคำยุยงของเจ้าแพะดำ หลี่อังได้แต่ขมวดคิ้วอย่างหมดคำพูด แต่ไม่นานเขาก็เบิกตากว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว!

เดี๋ยวก่อน! เมื่อกี้มันพูดว่าความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของมันก่อนหน้านี้เท่ากับหอพักแห่งความสุขและตอนนี้ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงนั้นเร็วกว่าเดิมสามถึงสี่เท่า?

นี่มันพอดีกับค่า 0.4 และ 0.1 เลยไม่ใช่เหรอ? แสดงว่าผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงนี้จริงๆแล้วก็คือค่าการปนเปื้อนของสิ่งผิดปกติใช่ไหม?!

เมื่อเข้าใจความหมายที่แท้จริงของค่าการปนเปื้อน หลี่อังยังไม่ทันได้ดีใจก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันไปมองเจ้าแพะดำที่กำลังสูบบุหรี่เต็มปอด

ถ้าฉันจำไม่ผิด ค่าการปนเปื้อนของ“ความรักแห่งการลืมเลือน”ของผู้อำนวยการคือ 7! แต่ค่าการปนเปื้อนเดิมของแกคือ 0.1! มันเป็นแค่หนึ่งในเจ็ดสิบของคนอื่น?

บ้าจริง! แกพูดกรอกหูฉันทุกวันว่าแกเป็นปีศาจร้ายที่ยิ่งใหญ่ ฉันก็นึกว่าแกสุดยอดมากจริงๆ! แต่ผลคือแกอ่อนด้อยขนาดนี้เองเหรอ?!

เจ้าเด็กนี่…ทำไมจู่ๆมองฉันแบบนั้น?

เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหมดคำพูดสองส่วน ความตกตะลึงสามส่วน และความดูถูกอีกห้าส่วนของหลี่อัง เจ้าแพะดำก็อดสะดุ้งโหยงไม่ได้ก่อนจะรู้สึกหวาดหวั่นในใจ

เขาจะไม่รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นตัวถ่วงเขา?

อืม…คงไม่หรอกมั้ง

เพราะความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของสิ่งผิดปกติแต่ละชิ้นจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อคนใช้สัมผัสเองเท่านั้น ยัยผมแดงคนนั้นถึงแม้จะเคยใช้ฉัน แต่เธอเก่งกาจเกินไป คงไม่ทันสังเกตเห็นความเร็วนี้แน่ และยิ่งไม่บอกข้อมูลนี้ให้เขารู้แน่นอน

ใช่! เขาไม่มีทางรู้แน่! ไม่มีทางรู้แน่ๆ!

“แค่ก แค่ก!”

แม้ว่าจะรู้สึกมั่นใจว่าหลี่อังคงไม่สามารถจับพิรุธอะไรได้ แต่เพราะสายตาที่เขามองมาทำให้เจ้าแพะดำรู้สึกหวาดๆอยู่ไม่น้อย มันรีบกระแอมเบาๆและพยายามเปลี่ยนเรื่องพูดทันที

“เรื่องนั้น…ถึงแม้ว่าการรวบรวมสิ่งผิดปกติจะช่วยให้นายแข็งแกร่งขึ้นได้เร็วขึ้น แต่นายก็อย่ารีบร้อนเกินไปนะ เพราะไม่ใช่ว่าสิ่งผิดปกติทุกชิ้นจะเหมือนฉันที่คุยกันรู้เรื่องและยอมช่วยเหลือหรอก หลายชิ้นต้องการค่าตอบแทนที่สูงมากจนเหลือเชื่อ! อืม…เอาเป็นว่าอย่างเอ็มม่าล่ะ! นายคิดว่า‘ร่างอมตะ’ของเธอแข็งแกร่งมากใช่ไหม? แต่รู้ไหมว่าเธอต้องแลกมาด้วยอะไร?”

เอ็มม่าเหรอ…

เมื่อได้ยินคำถามของเจ้าแพะดำ หลี่อังแสดงท่าทางขยับเล็กน้อยอย่างสนใจ

สำหรับ‘ร่างอมตะ’ของเอ็มม่า เขาเองก็สงสัยมานานแล้ว แต่เหมือนว่าเธอจะรู้ถึงความสามารถของเขาที่สามารถสัมผัสเพื่อรับข้อมูลได้ เธอจึงพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวเขามาโดยตลอด

อีกทั้งเธอปฏิบัติต่อเขาอย่างดีมาก ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตน้องสาวของเขา แต่ยังมอบปืนให้เขาอีก กระนั้นถึงเขาจะสงสัยแค่ไหนก็ไม่อาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของเธอได้เต็มที่…แต่ก็ยังอยากรู้อยู่นิดหน่อย…

เฮอะ! ครั้งก่อนที่เจอกันในทางเดินนายแทบจะเอาสายตาไปติดกับตัวเธอแล้ว! ฉันรู้เลยว่านายต้องสนใจเธอแน่นอน!

เมื่อเห็นความอยากรู้อยากเห็นในสายตาของหลี่อัง เจ้าแพะดำยิ้มกริ่มก่อนจะกลืนก้นบุหรี่เจ็ดถึงแปดมวนที่ใกล้ไหม้ถึงริมฝีปากลงไป จากนั้นมันเคี้ยวก้นบุหรี่ที่ยังคุกรุ่นพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม

“แบบนี้ละกัน นายไปจัดการกับคนเลวที่ชั่วร้ายสักคน ระบายความโกรธในใจสักหน่อยแล้วมอบวิญญาณชั่วร้ายนั้นให้ฉัน ฉันจะบอกนายว่าเอ็มม่าต้องแลกอะไรมาบ้าง~ สนใจไหม?”

“…”

(╬ ̄皿 ̄)

“เฮ้? ไม่ตกลงก็ไม่ตกลงสิ ทำไมนายต้องมาแย่งบุหรี่ของฉันด้วย? ไม่สิ นายกล้าลงมือกับฉันอีกเหรอ? ไอ้…คิดว่าฉันไม่มีอารมณ์โกรธรึไง? ฉันจะบอกให้นะ… ถ้านายไม่เตะฉัน ฉันก็สู้แฟร์ๆได้ โอเคไหม? ใช้ปากกัดกันดีกว่าไหม? มาสิ!”

“ปัง!”

เมื่อมองเป้าหมายที่อยู่ห่างไปห้าร้อยเมตรซึ่งถูกยิงจนทะลุเป็นรู หลี่อังกลับไม่ได้แสดงสีหน้าพึงพอใจกับความสำเร็จนั้น ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

หลังจากจัดการเจ้าแพะดำที่ยังเถียงไม่หยุดเสร็จ เขาก็โยนมันกลับไปที่สำนักงานทำความสะอาดและไม่ได้กลับบ้านทันที แต่เขาหยิบปืนไรเฟิลของเขาไปที่แผนกตำรวจข้างๆ ใช้บัตรประจำตัวของสำนักงานทำความสะอาดเช่าใช้สนามซ้อมยิงเงียบๆ

เพื่อเพิ่มอัตราการยิงเป้าหมายในภารกิจครั้งต่อไป หลี่อังไม่ได้แค่ฝึกซ้อมยิงกระสุนจริงเท่านั้น แต่เขายังเลือกเป้าหมายที่ระยะทางไกลที่สุดในสนามซ้อม และฝึกยิงไปทีละนัดอย่างจริงจัง… แต่…

อัตราการยิงเข้าเป้าของเขานั้นน่าหดหู่มาก

แม้จะมีความช่วยเหลือจาก‘วิญญาณแห่งวัตถุนิยม’ที่เพิ่มอัตราการยิงเข้าเป้า แต่หลี่อังก็ยังต้องใช้กระสุนเฉลี่ยสี่ถึงห้านัดกว่าจะยิงเข้าเป้าหนึ่งครั้งจากสิบ มักจะมีเจ็ดถึงแปดนัดที่ยิงไม่เข้าเป้า

ดูเหมือนว่าในเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลที่เขายิงเข้าเป้าในนัดเดียวจะเป็นเพราะโชคช่วยซะมากกว่า…และยังได้รับความช่วยเหลือจากเอ็มม่าที่ปรับระยะของปืนให้ล่วงหน้า ความจริงแล้วความสามารถยิงของเขาก็ยังเป็นแค่มือใหม่เท่านั้นเอง

เมื่อมองรูที่กระดาษเป้าในระยะห้าร้อยเมตรผ่านกล้องเล็ง เขาก็เห็นว่ารูส่วนใหญ่ไปอยู่ในจุดที่ไม่สำคัญ หลี่อังอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว จากนั้นเขาเป่านกหวีดในปากแรงๆแล้วหยิบธงสีแดงเล็กๆขึ้นมาโบกไปทางผู้ดูแลสนามซ้อม

การยิงระยะไกลสุดห้าร้อยเมตรนั้นเกินขีดจำกัดความสามารถของเขาในปัจจุบัน อัตราการยิงเข้าเป้าแบบนี้ไม่มีประโยชน์ในภารกิจจริง ดังนั้นแทนที่จะพยายามฝึกยิงระยะไกลที่สุด เขาควรจะลดระยะลงมาเหลือประมาณสามร้อยเมตร เพื่อฝึกยิงที่มีประโยชน์ในการต่อสู้จริงมากกว่า

ฮึ่ม ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนเป้าแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงนกหวีด ผู้ดูแลสนามซ้อมหันมามองและเมื่อเห็นธงแดงเล็กๆในมือหลี่อังที่บอกว่าต้องการเป้าในระยะสามร้อยเมตร ผู้ดูแลสนามซ้อมก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเพื่อนร่วมงานข้างๆ ทั้งคู่เผยรอยยิ้มเข้าใจตรงกันพร้อมขยิบตาให้กันเบาๆ

เมื่อครู่ตอนที่เจ้าหนุ่มคนนี้แบกปืนเข้ามา เขาเรียกร้องที่จะยิงเป้าระยะห้าร้อยเมตร พวกเขาพยายามแนะนำให้เขาลดระยะลงมาเหลือครึ่งหนึ่งของระยะสูงสุด

เพราะยิ่งระยะยิงยาวเท่าไหร่เส้นโค้งการตกของกระสุนยิ่งควบคุมยากขึ้นเท่านั้น เมื่อถึงระยะสูงสุดกระสุนอาจเกิดการหมุนขวางในอากาศได้ การคาดคะเนจุดตกกระสุนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

ดังนั้น เป้าหมายที่ระยะห้าร้อยเมตรนั้นยากกว่าระยะสองถึงสามร้อยเมตรมาก สำหรับเจ้าหนุ่มที่ยังไม่คุ้นเคยกับปืนระยะสองถึงสามร้อยเมตรก็เพียงพอแล้ว

แม้ว่าผู้ดูแลสนามซ้อมจะรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้น่าจะฟังคำแนะนำ แต่เพราะหลี่อังเป็นถึงบุคคลระดับผู้ช่วยที่โดดเด่นและกำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับธุรการ ความมั่นใจในตัวเองของเขาย่อมสูงลิบลิ่ว เขาไม่สนใจฟังคำแนะนำของผู้ดูแลสนามซ้อมที่มีประสบการณ์เลย

ทั้งที่ผู้ดูแลทั้งสองคนพยายามแนะนำด้วยความหวังดี เขากลับยืนกรานที่จะลองยิงเป้าหมายในระยะห้าร้อยเมตรเพื่อดูว่าตัวเองจะยิงได้ไกลแค่ไหน… แล้วไงล่ะ? ตอนนี้คงรู้แล้วสินะว่าตัวเองยิงไม่เข้าเป้าสักที สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนเป้าอยู่ดี! ปืนไม่ได้ลำเอียงและไม่สนว่าใครมีต้นทุนชีวิตที่ดีกว่า!

ผู้ดูแลสนามซ้อมที่รับผิดชอบเปลี่ยนเป้ายิ้มแย้มขณะดึงคันโยกบนแผงควบคุม เสียงเฟืองดังขึ้นพร้อมกับเป้าหมายระยะสามร้อยเมตรที่ถูกตั้งขึ้นมาแทนที่เป้าระยะห้าร้อยเมตรที่ถูกเก็บกลับไป

ผู้ดูแลอีกคนกำลังจะลุกไปเปลี่ยนกระดาษเป้า แต่กลับถูกเพื่อนร่วมงานดึงแขนไว้

“นายจะไปทำอะไร?”

“อ้าว? จะไปเปลี่ยนกระดาษเป้าน่ะสิ! นายจะดึงฉันทำไม?”

“เปลี่ยนอะไรล่ะ เป้าเก่ายังใช้ได้อยู่!”

ผู้ดูแลที่ดึงคันโยกหัวเราะพร้อมยกหูฟังขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตะโกนบอกเพื่อนร่วมงานท่ามกลางเสียงปืนที่ดังระงมในสนามซ้อม:

“นั่งพักเถอะ! ฉันรู้จักปืนที่เขานำมา ระยะยิงที่แม่นยำสูงสุดอยู่ที่ประมาณสี่ร้อยเจ็ดสิบเมตรเท่านั้น การยิงเป้าหมายห้าร้อยเมตรนั่นถือเป็นการยิงระยะเกินกำหนด ถ้าเขายิงโดนจริงๆฉันคงต้องเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว! ถึงในแผนกเราจะมีคนที่ยิงระยะเกินเป้าได้อยู่บ้าง แต่คนพวกนั้นล้วนแต่มีประสบการณ์จับปืนมานานเกือบยี่สิบปี ดูจากหน้าตาของเด็กคนนี้ ฉันว่าคงอายุไม่เกินสิบหกสิบเจ็ดปี จะเป็นไปได้ยังไงที่เขายิงระยะเกินเป้าได้? หรือว่าเขาจับปืนตั้งแต่ในท้องแม่กัน?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่จริงๆด้วย งั้นฉันขอพักต่อก็แล้วกัน~”

...

หลี่อังไม่ได้รู้เลยว่าเหตุผลที่อัตราการยิงเข้าเป้าของเขาต่ำไม่ได้เป็นเพราะทักษะการยิงของเขาแย่ แต่เป็นเพราะข้อจำกัดของปืนที่เขาใช้อยู่

เมื่อเขาปรับเป้าเป็นระยะสามร้อยเมตร อัตราการยิงเข้าเป้าก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ไม่มีนัดไหนที่พลาดเป้า แต่ยังยิงเข้าเป้าจุดสำคัญของกระดาษเป้าได้ทุกครั้งและในทุกๆยี่สิบนัดจะมีเพียงหนึ่งนัดที่พลาดเป้าหมายไปเล็กน้อย

จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มตกดิน หลี่อังที่ยิงเฉลี่ยสองนัดต่อนาที ในที่สุดก็เสร็จสิ้นการฝึกยิงกระสุนจริงสองร้อยนัด ทำให้ตราสัญลักษณ์การยิงของเขาเลื่อนจากระดับเหล็กดำเป็นระดับทองแดง

【นักยิงปืน แม้จะจับปืนได้ไม่นาน แต่ด้วยพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมและการฝึกฝนอย่างหนัก คุณได้กลายเป็นนักยิงปืนที่มีความสามารถแล้ว】

【ผลจากการสวมใส่ ด้วยการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง คุณคุ้นเคยกับรูปแบบการตกกระทบของกระสุนและสามารถปรับเล็งปืนเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการยิงได้อย่างมาก】

【เส้นทางพัฒนา เมื่อทำการยิงกระสุนจริงครบ 5,000 นัดหรือยิงแบบจำลองครบ 30,000 ครั้ง ตราสัญลักษณ์นี้จะเลื่อนขั้นเป็นตราสัญลักษณ์ระดับเงิน “ผู้เชี่ยวชาญการยิง”ความคืบหน้าปัจจุบัน 0/5,000, 0/30,000】

【คุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ (ไม่ต้องสวมใส่) ในฐานะผู้ที่รักปืน เมื่อใช้ปืนที่คุ้นเคยในการยิง ความนิ่งของปืนของคุณจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย】

เมื่อมองดูข้อความระบบที่ปรากฏขึ้น หลี่อังประเมินความเร็วในการยิงของตัวเอง พบว่าถ้าต้องยิงกระสุนให้ครบห้าพันนัดอย่างจริงจัง อาจต้องใช้เวลามากกว่าสี่สิบชั่วโมง

หากการพัฒนาจากระดับเงินเป็นระดับทองคำต้องใช้จำนวนกระสุนเพิ่มขึ้นตามอัตราส่วน 200-5,000 อย่างต่อเนื่อง อาจต้องใช้เวลามากถึงหลายพันชั่วโมง

แม้ว่าการฝึกยิงอย่างจริงจังจะช่วยพัฒนาทักษะพื้นฐานได้ดี แต่มันก็ยังไม่เทียบเท่ากับการได้รับพลังเสริมจากตราสัญลักษณ์ระดับสูง จึงทำให้หลี่อังเริ่มคิดว่า…จะลองหาทางลัดดีไหม?

คิดแล้วก็ลงมือทันที!

ด้วยความตั้งใจจะปั่นคะแนนสะสมตราสัญลักษณ์ หลี่อังไม่ได้เพ่งสมาธิแบบเดิม แต่ใช้วิธีคาดเดาตำแหน่งคร่าวๆแล้วลั่นไกออกไปหลังจากบรรจุกระสุนอย่างรวดเร็ว เขาสามารถยิงกระสุนได้เกือบสิบกว่านัดในหนึ่งนาที และด้วยผลของ‘วิญญาณแห่งวัตถุนิยม’ที่เพิ่มความแม่นยำกระสุนที่ยิงอย่างเดาสุ่มเหล่านี้ยังคงเข้าที่เป้าได้ประมาณห้าถึงหกนัด

แต่เมื่อเขาหยุดยิงแล้วมองดูหน้าต่างข้อมูลของตราสัญลักษณ์ ก็พบว่า…ความคืบหน้าของการยิงห้าพันนัดยังคงเป็น 0/5,000 ไม่มีแม้แต่ความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย

ดังนั้นวิธีนี้คงไม่ได้ผล ต้องกลับไปฝึกซ้อมอย่างตั้งใจเท่านั้น…

หลี่อังส่ายหัวพลางเลิกความคิดที่จะหาทางลัด เขาเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะเก็บปืนไรเฟิลของเขาเป็นชิ้นส่วนใส่ในกระเป๋าผ้าใบขนาดใหญ่และแบกมันออกจากสนามซ้อมอย่างหนักหน่วง

ไม่นานหลังจากเขาออกไปก็มีหญิงสาวในชุดเครื่องแบบตำรวจสีดำ ผิวสีน้ำผึ้ง ก้าวเข้ามาในสนามซ้อมอย่างรวดเร็ว เธอเหลือบมองตำแหน่งที่ว่างอยู่ ก่อนจะเลือกยิงในมุมที่หลี่อังเพิ่งใช้งานไป

หญิงสาวที่ดูอ่อนล้าจากความคิดมากทักทายผู้ดูแลสนามซ้อมด้วยเสียงแหบ ก่อนจะหยิบปืนที่เตรียมไว้เดินขึ้นไปยังจุดยิงพร้อมโบกธงสีเหลืองที่บ่งบอกถึงระยะเป้าหมายห้าร้อยเมตร

เมื่อเป้าหมายไกลเริ่มปรากฏขึ้น หญิงสาวสูดหายใจลึก เธอกัดริมฝีปากแน่น จ้องมองผ่านกล้องเล็งด้วยความมุ่งมั่นก่อนจะวางนิ้วเรียวยาวลงบนไกปืนอย่างมั่นคง…

หืม?

เมื่อเห็นเป้าที่มีรอยกระสุนทะลุไปแล้วห้าถึงหกรู หญิงสาวขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหยิบธงสีดำขึ้นมาโบกเพื่อเรียกผู้ดูแลสนามซ้อม

“เป้านี่ยังไม่ได้เปลี่ยน”

เธอชี้ไปยังเป้าหมายไม้ที่อยู่ไกล พร้อมกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ

“คุณลองดูสิยังมีรูกระสุนจากคนที่ใช้ก่อนหน้านี้อยู่เลย”

“อ๋อ! ขอโทษจริงๆครับ!”

ผู้ดูแลสนามซ้อมรีบขอโทษพร้อมอธิบายด้วยรอยยิ้มเกรงใจ

“ก่อนหน้านี้มีคนหน้าใหม่เข้ามา เขาเหมือนยังไม่ชำนาญ ยิงไม่เข้าเป้าห้าร้อยเมตร เลยเปลี่ยนไปใช้เป้าระยะสามร้อยเมตรแทน เราเลยไม่ได้รีบเปลี่ยนเป้าใหม่ขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

หญิงสาวโบกมือเบาๆบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะหรี่ตามองผ่านเลนส์กล้องเล็งอีกครั้ง เธอขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ฉันเห็นว่ารูกระสุนบนเป้าใหญ่มาก มันน่าจะเป็นรอยที่เกิดจากการยิงเกินระยะกำหนดของปืนถึงสามสิบเมตร ทำให้กระสุนสูญเสียการควบคุมและหมุนวน คุณไม่ได้รับการแจ้งหรือว่าในช่วงนี้เรากำลังเน้นย้ำให้ควบคุมการยิงและลดการยิงที่ไม่จำเป็นซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายถึงชีวิต?”

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด