ตอนที่แล้วบทที่ 291 ชาวจีนรักชาติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 293 พบเห็นความไม่เป็นธรรมระหว่างทาง

บทที่ 292 แผนการ


หลี่กวงยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “ของขวัญล้ำค่าขนาดนี้ ฉันคงไม่กล้ารับหรอก!”

ตามที่เขาประเมิน ตลาดของเข็มขัดนิรภัยอย่างต่ำก็น่าจะมีมูลค่าหลายสิบล้าน หากเขาได้รับตัวอย่างมาเพียงชิ้นเดียว ก็สามารถหาคนผลิตขึ้นมาใหม่ได้ จากนั้นไปจดสิทธิบัตรแล้วสุดท้ายก็แค่รอรับเงินโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

รัฐมนตรีเกาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ท่านอาวุโสหลี่ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ท่านทำเพื่อบ้านเกิดแล้ว เข็มขัดนิรภัยแค่ไม่กี่เส้น มันไม่มีค่าขนาดนั้นหรอก”

ในตอนนั้นเขายังไม่รู้เลยว่าสิ่งประดิษฐ์เล็กๆชิ้นนี้จะมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ขณะนี้ประเทศจีนมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพียงสี่สิบล้านถึงห้าสิบล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

ใช่แล้ว! มีเพียงแค่นี้จริงๆ

ต้องรู้ว่าในปีเดียวกันนี้ ญี่ปุ่นมีทุนสำรอง 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เยอรมนีมีมากถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หากเปรียบเทียบกันแล้วทุนสำรองของเยอรมนีสูงกว่าจีนร้อยเท่า นี่แสดงให้เห็นว่าประเทศมีเงินตราต่างประเทศอยู่น้อยนิดเพียงใด

หลี่กวงวิเคราะห์สถานการณ์อย่างจริงจัง

“รัฐมนตรีเกา ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมเพิ่งได้ข่าวมาว่าบริษัทฟอร์ดกำลังพัฒนาสิ่งที่คล้ายกับเข็มขัดนิรภัยอยู่ แม้ว่าภายในประเทศอาจจะยังไม่เห็นความสำคัญของมันมากนัก แต่ในต่างประเทศนี่เป็นสินค้าที่มีมูลค่ามหาศาล”

รัฐมนตรีเกาได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยสีหน้าตื่นตะลึง เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเข็มขัดนิรภัยที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษนี้ กลับมีมูลค่าทางตลาดสูงในต่างประเทศ

“ท่านอาวุโสหลี่ เข็มขัดนิรภัยมีมูลค่ามากขนาดนั้นจริงเหรอ?”

“แน่นอน!” หลี่กวงตอบหนักแน่น

เขายังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า

“รัฐมนตรีเกา คุณต้องเข้าใจก่อนว่าตอนนี้จำนวนรถยนต์ในต่างประเทศมีมากกว่าสิบล้านคันและตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลายประเทศกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์”

“หากรถยนต์หลายสิบล้านคันต้องติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทั้งหมด ลองคิดดูว่าจะมีรายได้มหาศาลขนาดไหน อย่างน้อยก็น่าจะช่วยประเทศหาเงินตราต่างประเทศได้เป็นสิบล้านดอลลาร์”

คำพูดนี้เปรียบเสมือนระเบิดลูกใหญ่ทำให้รัฐมนตรีเกาถึงกับตกตะลึง

“ท่านอาวุโสหลี่ นี่คุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม?” เขาถามอย่างไม่อยากเชื่อ

ต้องบอกเลยว่าหลี่กวงสมเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่รักชาติ เขาเลือกที่จะเปิดเผยโอกาสทำกำไรจากเข็มขัดนิรภัยให้แก่ประเทศชาติ

หากเป็นพ่อค้าที่เห็นแก่ผลกำไรพวกนั้นคงรีบจดสิทธิบัตรก่อน แล้วตั้งราคาขายสูงลิบหรือแม้แต่นำสิทธิบัตรออกประมูล เพื่อเรียกราคาสูงที่สุดก็เป็นไปได้!

หลี่กวงส่ายหน้า “ผมไม่เคยเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”

รัฐมนตรีเกาได้สติกลับมา ก่อนจะถามอย่างตื่นเต้น

“ท่านอาวุโสหลี่ แล้วคุณคิดว่าผมควรทำอย่างไรถึงจะทำให้ผลประโยชน์จากเข็มขัดนิรภัยนี้สูงสุด?”

ในเรื่องนี้รัฐมนตรีเการู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถเทียบกับหลี่กวงได้เพราะอีกฝ่ายเป็นนักธุรกิจโดยตรง ขณะที่ในประเทศยังไม่มีการอนุญาตให้ทำการค้าส่วนตัวดังนั้นเขาจึงไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มากนัก

“มีสองทางเลือก ทางแรกคือการให้สิทธิ์ใช้สิทธิบัตร นั่นหมายความว่าไม่ต้องมีต้นทุนเพิ่มเติม บริษัทต่างๆที่ได้รับอนุญาตสามารถผลิตเข็มขัดนิรภัยได้เอง ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือให้รัฐเป็นผู้ผลิตเองแล้วส่งออกไปยังต่างประเทศ” หลี่กวงวิเคราะห์ให้ฟัง

เขายังเสริมอีกว่า “ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องจดสิทธิบัตรไว้ก่อน ถ้ารอให้บริษัทฟอร์ดพัฒนาและจดสิทธิบัตรก่อน เราก็จะเสียโอกาสไปทันที”

ต้องรู้ว่าระยะเวลาคุ้มครองสิทธิบัตรทั่วโลกนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศและภูมิภาค แต่โดยทั่วไปแล้วสิทธิบัตรหลักๆสามารถแบ่งออกเป็น สิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรแบบใช้งานจริงและสิทธิบัตรการออกแบบ ซึ่งมีระยะเวลาคุ้มครองแตกต่างกัน

สำหรับสิทธิบัตรแบบใช้งานจริงโดยทั่วไปจะมีอายุ 10 ปี นับจากวันที่ยื่นคำขอ แต่ในทางปฏิบัติแล้วอาจไม่ถึงสิบปีเต็ม ขึ้นอยู่กับกระบวนการของแต่ละประเทศ

ขณะที่สิทธิบัตรการออกแบบก็มีระยะเวลาคุ้มครองประมาณ 10 ปีเช่นกัน แต่ในบางประเทศอาจแตกต่างออกไป ไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน ต้องนับจากวันที่ยื่นคำขอเช่นกัน

รัฐมนตรีเกาเข้าใจทันทีและกล่าวว่า “ขอบคุณท่านอาวุโสหลี่ที่เตือน ผมจะรีบสั่งให้คนไปดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว!”

หลี่กวงกลับเสนอขึ้นมาเองว่า “เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการเองดีกว่า ตอนนี้อเมริกายังทำการปิดล้อมประเทศจีนอย่างเข้มงวด ผมดำเนินการจดสิทธิบัตรน่าจะสะดวกกว่า อีกอย่างผมก็มีเส้นสายในเรื่องนี้อยู่”

“นอกจากนี้ การยื่นขอสิทธิบัตรครั้งแรกต้องมีเอกสารหลายอย่าง หากยังมัวแต่เตรียมเอกสารกันอยู่ ทางบริษัทฟอร์ดอาจจดสิทธิบัตรเสร็จไปก่อนแล้ว”

รัฐมนตรีเกาเห็นว่าหลี่กวงพูดมีเหตุผลจึงกล่าวว่า “งั้นก็ต้องรบกวนท่านอาวุโสหลี่แล้ว”

“ดูเหมือนว่าสหายโจวอี้หมิน จะเป็นบุคคลที่นำโชคมาจริงๆ!” รัฐมนตรีเกาอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างประหลาดใจและชื่นชม

โจวอี้หมินเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วในกระทรวงพาณิชย์

เมื่อหลี่กวงได้ยินชื่อของโจวอี้หมินจากปากของรัฐมนตรีเกาก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขาคิดว่าโจวอี้หมินน่าจะเป็นคนที่คิดค้นเข็มขัดนิรภัยจึงถามว่า "สหายโจวอี้หมิน คือคนที่คิดค้นเข็มขัดนิรภัยใช่ไหม?"

รัฐมนตรีเกายืนยัน "ใช่แล้วและไม่ใช่แค่เข็มขัดนิรภัยเท่านั้น สหายโจวอี้หมินยังเป็นคนคิดค้น หม้อหุงข้าวไฟฟ้าและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ส่วนในประเทศก็มีเตาแสงอาทิตย์และบ่อสูบน้ำแบบมือโยก ซึ่งล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชน"

เมื่อหลี่กวงได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยิ่งสนใจในตัวของโจวอี้หมินมากขึ้นจึงถามขึ้นว่า "รัฐมนตรีเกา ผมสนใจในตัวสหายโจวอี้หมินมาก ไม่ทราบว่าพอจะจัดให้พบกันได้หรือไม่?"

เขารู้สึกว่าโจวอี้หมินเป็นคนที่มีพรสวรรค์ สามารถคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์ได้มากมายจึงอยากรู้ว่าพอจะสามารถ ร่วมมือกันทำธุรกิจได้หรือไม่

"ได้สิ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เลยดีไหม? ผมจะจัดให้มีมื้อค่ำร่วมกัน" รัฐมนตรีเกาเสนอ

จากนั้นรัฐมนตรีเกาก็ถามต่อว่า "ท่านอาวุโสหลี่ เมื่อครู่ที่พูดถึงสองแนวทาง ท่านคิดว่าแนวทางไหนเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศเรามากที่สุด?"

คำถามนี้ยังไม่ได้รับคำตอบและเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ตรงหน้า เขาย่อมไม่อยากพลาดโอกาสนี้

หลี่กวงตอบว่า "ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการให้สิทธิ์ใช้สิทธิบัตร เพราะราคาของเข็มขัดนิรภัยนั้นไม่สูงมาก

ปัจจุบันราคาขายของรถยนต์หนึ่งคันอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ และต้นทุนของเข็มขัดนิรภัยในรถหนึ่งคันน่าจะอยู่ที่ 20 - 30 ดอลลาร์เท่านั้น"

เขายังเสริมอีกว่า "หากผลิตภายในประเทศแล้วส่งออก ต้นทุนการขนส่งอาจสูงกว่าต้นทุนของเข็มขัดนิรภัยเองเสียอีก

และถ้าราคาของเข็มขัดนิรภัยสูงเกินไป อาจทำให้บริษัทรถยนต์ต่างๆพยายามพัฒนาอุปกรณ์อื่นมาทดแทน"

เพราะสุดท้ายแล้วเป้าหมายของบริษัทคือการทำกำไร หากราคาของเข็มขัดนิรภัยไม่สูงจนเกินไป บริษัทรถยนต์เหล่านั้นก็จะไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนวิจัยผลิตภัณฑ์อื่นมาใช้แทน

หลังจากรัฐมนตรีเกาได้ฟังการวิเคราะห์ของหลี่กวงก็เห็นว่ามีเหตุผลมาก เดิมทีเขาคิดว่าจะให้ผลิตภายในประเทศแล้วส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งหากต้องผลิตก็จำเป็นต้องสร้างโรงงานและนั่นจะช่วยให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น

“ได้ฟังท่านพูดครั้งเดียวดีกว่าอ่านหนังสือสิบปี เอาเป็นว่าเราจะทำตามที่ท่านอาวุโสหลี่แนะนำ!” รัฐมนตรีเกากล่าวอย่างหนักแน่น

มืออาชีพย่อมแตกต่างกันจริงๆ เพราะเพียงช่วงเวลาสั้นๆหลี่กวงก็สามารถวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ได้ข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางที่สามารถสร้างผลกำไรสูงสุดจากเข็มขัดนิรภัย ที่เหลือก็แค่ส่งรายงานขึ้นไปให้เบื้องบนพิจารณาและอนุมัติ

(จบบท)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด