บทที่ 291 ชาวจีนรักชาติ
หลัวไป่ต้าวว่างพอดี ลยพาไลฝู ไลไฉ และ ไลฟางตระเวนเที่ยวทั่วเมืองปักกิ่งตลอดสองสามวันที่ผ่านมา
หลังจากนั้นโจวอี้หมินก็พาเด็กน้อยทั้งสามกลับไปที่หมู่บ้านโจว
เดิมทีเด็กน้อยทั้งสามคนยังไม่อยากกลับเพราะอยู่ในเมืองมีพี่ใหญ่คอยดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างดี แต่พอกลับไปที่หมู่บ้านก็ต้องกินขนมปังนึ่งและอาหารธรรมดาๆอีกครั้ง จากชีวิตที่สุขสบายกลับสู่ความเรียบง่าย มันช่างง่ายดายที่จะปรับตัวให้คุ้นเคยกับความหรูหรา แต่เมื่อกลับไปสู่ความสมถะอีกครั้ง มันกลับยากเสียเหลือเกิน
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาโจวอี้หมินทำให้พวกเขาคุ้นชินกับอาหารดีๆจนต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะปรับตัวให้กลับไปกินอาหารของหมู่บ้านได้
…
ขณะเดียวกันผู้อำนวยการโรงงานหูก็ยุ่งอยู่กับงานตลอด เขารีบเร่งดำเนินการผลิตเข็มขัดนิรภัยรุ่นสุดท้ายของผลิตภัณฑ์จากไนลอน และเริ่มโปรโมตในเมืองปักกิ่งอย่างแพร่หลาย
ต้องรู้ไว้ว่าที่เมืองปักกิ่งนี้มีผู้นำระดับสูงมากมาย พอพวกเขาได้ยินว่าสิ่งนี้สามารถเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมากก็รีบอนุมัติให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยในรถประจำตำแหน่งทันที
…
วันนี้สนามบินนานาชาติปักกิ่ง กำลังจะต้อนรับชาวจีนโพ้นทะเลผู้ทรงเกียรติคนหนึ่ง
รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าเกาได้สั่งให้คนขับรถไปรอรับแขกคนสำคัญที่สนามบิน
ไม่นานนัก ชายชราสวมสูทเต็มยศ ผูกเนกไท และสวมแว่นตาก็เดินออกมาจากสนามบิน บุคลิกของเขาแสดงถึงอำนาจและบารมีที่ไม่ธรรมดา
เมื่อคนขับรถเห็นชายผู้นี้ก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือแขกคนสำคัญที่ต้องรับตัววันนี้ จึงรีบเดินไปทักทายเบาๆว่า “ท่านอาวุโสหลี่ สวัสดีครับ! ผมถูกรัฐมนตรีเกาส่งมารับท่าน”
ชายชราผู้นี้คือนักธุรกิจระดับมหาอำนาจของชาวจีนโพ้นทะเล!
ต้องรู้ว่าหลี่กวงเป็นนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ ในช่วงปลายยุค 1920 และต้นยุค 1930 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก
หลี่กวงใช้กลยุทธ์อันแยบยลเพื่อช่วยให้บริษัทของเขารอดพ้นจากวิกฤตและสามารถขยายกิจการอย่างรวดเร็ว เพิ่มทั้ง เครือข่ายการผลิตและการจัดจำหน่ายจนสามารถขยายธุรกิจออกนอกเกาะสิงโต (สิงคโปร์) ได้สำเร็จ
ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ ธนาคารฮัวซาง ในขณะนั้น เพื่อรับมือกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก หลี่กวง ได้ผลักดันให้ ธนาคารฮัวซาง ควบรวมกับ อีกสองธนาคาร เพื่อฝ่าฟันช่วงเวลาอันยากลำบากร่วมกันและในที่สุดก็พัฒนาเป็น ธนาคารหัวเฉียวแห่งสิงคโปร์ ที่มีอำนาจทางการเงินแข็งแกร่งมหาศาล
พื้นที่รวมของ สวนยางพารา ที่หลี่กวงเป็นเจ้าของนั้นมีมากถึง 18,500 เอเคอร์ พร้อมโรงงาน 15 แห่ง และสำนักงาน 20 แห่ง โดยในทางปฏิบัติแล้วเขาควบคุมหนึ่งในแปดของปริมาณการค้าขายยางพาราธรรมชาติของโลก
นอกจากนี้ หลี่กวงยังดำเนินธุรกิจแบบ หลากหลายอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่ในภาคธนาคารและยางพาราเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่อุตสาหกรรมสับปะรด ไม้แปรรูป สิ่งพิมพ์ ขนมอบ และน้ำมันพืช
ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1930 หลี่กวงกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของชาวจีนโพ้นทะเลและเป็นที่รู้จักกันดีในสิงคโปร์ มาเลเซีย และหลายประเทศในภูมิภาคในฐานะ "ราชายางพารา" และ "ราชาสับปะรด"
บุคคลสำคัญเช่นนี้ ไม่แปลกเลยที่รัฐมนตรีเกาแห่งกระทรวงพาณิชย์จะส่งคนมารับเป็นพิเศษ
“สวัสดี สหาย!” หลี่กวงกล่าวทักทาย
เมื่อกลับมายังประเทศบ้านเกิดเขาก็อดไม่ได้ที่จะใช้คำว่า "สหาย" ตามวัฒนธรรมท้องถิ่น
คนขับรถรีบเปิดประตูหลังของรถยนต์ พร้อมกับใช้มือรองรับที่ขอบประตูเหล็กด้านบน เพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะของหลี่กวงเผลอกระแทก
หลี่กวงรู้สึกประทับใจกับความใส่ใจในรายละเอียดแบบนี้เขาขึ้นรถและนั่งลงอย่างสบายใจ
เมื่อคนขับรถปิดประตูและขึ้นนั่งที่เบาะคนขับแล้วก็สังเกตเห็นว่าหลี่กวงยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย จึงเอ่ยเตือนขึ้นว่า “ท่านอาวุโสหลี่ ท่านยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยครับ!”
หลี่กวงได้ยินคำว่า "เข็มขัดนิรภัย" สีหน้าของเขาฉายแววสงสัย
เข็มขัดนิรภัย?
คนขับรถเห็นท่าทีของหลี่กวงก็เข้าใจได้ทันทีจึงรีบอธิบายว่า “เข็มขัดนิรภัยเพิ่งถูกคิดค้นขึ้นในประเทศ สามารถช่วย ปกป้องชีวิตของผู้โดยสารและคนขับได้ครับ”
พูดจบคนขับรถก็สาธิตให้ดูหนึ่งรอบ
การคาดเข็มขัดนิรภัยไม่ใช่เรื่องซับซ้อน หลี่กวงดูเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจถึงประโยชน์ของมันทันที
นี่มันเหมือนกับสิ่งที่บริษัทฟอร์ดกำลังวิจัยอยู่เลย!
หลี่กวงรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก เขาไม่คาดคิดว่าประเทศบ้านเกิดของเขาจะเป็นฝ่ายคิดค้นสิ่งนี้ได้ก่อน
เขาทำได้เพียงกล่าวว่า "สมกับเป็นประเทศของเรา" แม้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยากลำบากเช่นนี้แต่ยังสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมเช่นนี้ออกมาได้
หลี่กวงรู้ดีว่าจำนวนรถยนต์ในประเทศจีนนั้นยังมีไม่มากนักแต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะในโลกตะวันตก จำนวนรถยนต์นั้นมหาศาล
ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ความต้องการรถยนต์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้เทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น ต้นทุนลดลงส่งผลให้ยอดขายรถยนต์พุ่งสูงขึ้น
อีกทั้งในบางประเทศยังมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ว่าจะเป็น เงินอุดหนุนการซื้อรถยนต์ การลดภาษี ฯลฯ
ต้องเข้าใจว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก ช่วยกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและส่งเสริมเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดวัฏจักรเศรษฐกิจเชิงบวก จึงไม่แปลกใจที่หลายประเทศให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีอัตราการใช้รถยนต์สูง จึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มากเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมาว่าบริษัทฟอร์ดก็กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทนี้อยู่เช่นกัน แต่ไม่คิดว่าจีนจะคิดค้นออกมาได้ก่อน
…
หลังจากเดินทางมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงกระทรวงพาณิชย์
คนขับรถพาหลี่กวงเดินเข้าไปในอาคารสำนักงาน และเมื่อเห็นเลขานุการซ่งยืนรออยู่เขาก็พูดขึ้นว่า“เลขานุการซ่ง นี่คือ ท่านอาวุโสหลี่ครับ”
เมื่อเลขานุการซ่ง เห็นหลี่กวงก็รีบลุกขึ้นยืน ยื่นมือออกไปพร้อมกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ท่านอาวุโสหลี่ สวัสดีครับ!”
หลี่กวงไม่ได้ดูแคลนเลขานุการซ่งเพียงเพราะเขายังหนุ่มแน่น ตรงกันข้ามเขายื่นมือออกไปจับมือกับอีกฝ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกล่าวตอบว่า “สวัสดี!”
เลขานุการซ่งรู้ดีว่ารัฐมนตรีเการออยู่เป็นเวลานานแล้ว จึงไม่กล้าคุยกับหลี่กวงมากนัก รีบนำทางเขาไปที่หน้าห้องทำงาน ก่อนจะเคาะประตู
“เข้ามา!”
เลขานุการซ่งเปิดประตูห้องทำงานออก หลี่กวงเดินเข้าไปเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน กำลังตั้งใจจัดการเอกสารอย่างขะมักเขม้น เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเขาจึงเงยหน้าขึ้น
เมื่อเขาเห็นหลี่กวง ก็รีบวางเอกสารลงยิ้มออกมาและเดินเข้ามาหา
“ท่านอาวุโสหลี่ ไม่ได้เจอกันเสียนาน!”
ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกันคือที่งานมหกรรมการค้ากว่างโจวเมื่อหลายปีก่อน เวลาผ่านไปไวจริงๆ
“รัฐมนตรีเกา นานมากแล้วจริงๆ!” หลี่กวงตอบเบาๆ
จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่เพิ่งเจอมาเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถยนต์ จึงเอ่ยถามว่า “รัฐมนตรีเกา ใครเป็นคนคิดค้นเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์?”
เขารู้ดีว่าตลาดของเข็มขัดนิรภัยมีศักยภาพมหาศาล หากสามารถควบคุมตลาดนี้ได้ อนาคตจะต้องมีโอกาสทางธุรกิจที่กว้างขวางอย่างแน่นอน ตอนนี้จำนวนรถยนต์กำลังเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งหมายถึงขนาดของตลาดในอนาคตที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
รัฐมนตรีเกาไม่คิดว่าหลี่กวงจะสนใจเรื่องเข็มขัดนิรภัยมากขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ปิดบัง
“นี่เป็นสิ่งที่หัวหน้าหวังจากโรงงานเหล็กเป็นคนคิดค้นขึ้น ตอนนี้กำลังถูกโปรโมตไปทั่วมืองปักกิ่ง”
“ท่านอาวุโสหลี่สนใจเข็มขัดนิรภัยตัวนี้หรือไม่? ถ้าท่านสนใจ ตอนท่านกลับไปที่สิงคโปร์ ผมจะส่งให้ท่านสักสองสามชุด” รัฐมนตรีเกาเอ่ยถาม
เมื่อเทียบกับคุณูปการที่หลี่กวงมีต่อประเทศบ้านเกิดแล้ว เข็มขัดนิรภัยเพียงไม่กี่ชุดนั้นไม่มีความหมายเลย
ในช่วงแรกหลังจากการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน หลี่กวงได้เห็นบ้านเกิดของตนเองก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ทำให้จิตใจรักชาติและความผูกพันต่อบ้านเกิดของเขาเพิ่มมากขึ้น เขาจึงบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อพัฒนาการศึกษาของบ้านเกิด
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับชาวจีนโพ้นทะเลที่รักชาติเป็นอย่างมาก
หลายคนอาจไม่รู้ว่า ในช่วงเวลาที่จีนถูกชาติตะวันตกปิดล้อม กลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลผู้รักชาติได้เสี่ยงอันตรายลักลอบนำเข้าอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจากต่างประเทศกลับมายังบ้านเกิด
หากไม่มีพวกเขา การพัฒนาของประเทศคงลำบากกว่านี้มาก
ดังนั้นในการเดินทางกลับประเทศครั้งนี้ของหลี่กวง พวกเขาต้องดูแลและต้อนรับเขาอย่างดีไม่ให้มีข้อบกพร่องใดๆ
(จบบท)