บทที่ 27 ภารกิจสืบสวน ตอนสาม
【ชื่อ ที่พักพิงแห่งวิญญาณ】
【ลักษณะ อาคารเก่าธรรมดาหลังหนึ่ง ในห้องโถงมักมีหญิงชราผมหยิกสีขาวนั่งอยู่ในห้องเฝ้ายาม ซึ่งเธอมีหลังโค้งเล็กน้อยและขาคดงอ】
【ความสามารถ กำจัดสิ่งชั่วร้าย,หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ】
【ต้นทุน ตอนออกจากบ้านในตอนเช้า โปรดยิ้มและทักทายผู้ดูแลอาคาร หากมีเวลาควรสนทนากับเธอและหากเป็นไปได้ โปรดดูแลสามีที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงของเธอด้วย】
【ข้อมูล อาคารนี้เดิมเคยเป็นสถานสงเคราะห์ตั้งอยู่ที่ถนนหมายเลข 35 เขตเมืองเก่าของราชธานี โดยสร้างขึ้นจากการบริจาคของคู่สามีภรรยาสูงวัยที่เสียลูกสาวในบั้นปลายชีวิต พวกเขาเปิดสถานที่นี้เพื่อดูแลเด็กกำพร้าจากสงครามและผู้พิการ พร้อมจัดหาสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้พวกเขา
ประมาณ 95 ปีก่อน คู่สามีภรรยาผู้บริจาคเสียชีวิต เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสถานสงเคราะห์นี้ให้เป็นหน่วยงานสวัสดิการอย่างถูกกฎหมายและไม่มีใครจ่ายภาษีอสังหาริมทรัพย์ต่อ สถานสงเคราะห์จึงถูกปิดและผู้พักอาศัยทั้งหมดถูกบังคับให้ออกจากพื้นที่ ต่อมาได้รีโนเวตอาคารและเปลี่ยนชื่อเป็น “หอพักแห่งความสุข”เพื่อปล่อยให้เช่า
อย่างไรก็ตาม แม้จะตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางเมืองเก่า ใกล้กับหน่วยงานต่างๆ และมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัย แต่กลับมีอัตราการเข้าพักเพียง 30% ของหอพักที่มีเงื่อนไขใกล้เคียงกัน โดยส่วนใหญ่ผู้เช่าจะย้ายออกเองภายในหนึ่งเดือน มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถพักระยะยาวได้】
【การประเมิน นี่คือหอพักที่เหมาะสำหรับคนธรรมดาที่จะอาศัยไปตลอดชีวิต มันสามารถปกป้องความสงบสุขของบ้านเรือน ป้องกันภัยพิบัติและสร้างความโชคดี แต่โชคร้ายที่ความเข้ากันระหว่างคุณและอาคารนี้แย่มาก】
【ค่าการปนเปื้อน 0.1】
“...”
ดังนั้น… ครั้งนี้ทั้งอาคารนี้เป็นสิ่งผิดปกติทั้งหมด? แม้แต่ผู้ดูแลหญิงชราที่พยายามลากฉันขึ้นไปชั้นบนก็คือส่วนหนึ่งของสิ่งผิดปกติด้วยเหรอ?
เมื่ออ่านข้อมูลที่ปรากฏตรงหน้า หลี่อังก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว และถามคู่สามีภรรยาพยาบาลตรงหน้า
“พวกคุณอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว? แล้วรู้ไหมว่าคุณป้าแมรี่อายุเท่าไหร่?”
“หา?”
คำถามที่ไม่ทันตั้งตัวของหลี่อังทำให้สามีภรรยาพยาบาลหันมามองหน้ากัน ก่อนที่ชายวัยกลางคนผู้มีกลิ่นอายของนักวิชาการจะพูดอย่างลังเลว่า
“อยู่มานานแค่ไหนเหรอ...ตอนที่ผมเริ่มสอนที่โรงเรียนเราก็ย้ายมาที่นี่แล้ว ต่อมาผมได้รู้จักกับฮันนาซึ่งเช่าอยู่ที่นี่เหมือนกัน...น่าจะประมาณ 27-28 ปีได้แล้วล่ะ ส่วนป้าแมรี่เหรอ...ตอนผมย้ายเข้ามา เธอก็มีผมสีขาวทั้งหัวแล้ว ตอนนี้คงจะอายุเก้าสิบกว่าได้มั้ง? แต่เธอไม่มีเรื่องให้เครียด แถมยังดูแลตัวเองดีก็เลยดูอ่อนกว่าวัย”
“...”
เก้าสิบกว่า...คนอายุเก้าสิบกว่าปีนี่นะขึ้นบันไดได้เร็วกว่าฉัน? แล้วตอนเธอแย่งถุงของฉัน เธอว่องไวมากจนฉันแทบหลบไม่ทัน นี่มันใช่คนเก้าสิบกว่าเหรอ?
อืม... เดี๋ยวนะ! แม้ข้อมูลที่ได้จาก “วิญญาณแห่งวัตถุนิยม” จะไม่ได้ระบุชัดเจน แต่จากสิ่งที่แฝงมาในข้อความรวมถึงชื่อ “ที่พักพิงแห่งวิญญาณ”...
เธอและสามีที่สุขภาพไม่ดี อาจเป็นคู่สามีภรรยาที่บริจาคสร้างสถานสงเคราะห์เมื่อ 90 ปีก่อน และเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ แต่…ฉันเพิ่งพบเธอครั้งแรกทำไมเธอดูเหมือนระแวงฉันมาก?
ด้วยคำถามนี้ หลี่อังก็คิดอย่างรวดเร็วและเมื่อเขาเห็นคำว่า “ความเข้ากันแย่มาก” ในการประเมิน เขาก็เข้าใจในทันที
ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ หลี่อังเปิดแผงข้อมูลขึ้นมาและหาคำอธิบายคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ของ “ตราผู้ติดตามปีศาจ”ที่ได้มาจากหัวแกะดำทันที
【คุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ (ไม่ต้องสวมใส่) วิญญาณของคุณได้รับมลทินจากปีศาจเล็กน้อย ทำให้คุณดึงดูดความสนใจจากสิ่งชั่วร้ายบางประเภทได้ง่ายขึ้น】
“...”
เข้าใจแล้ว...
ไม่ว่าจะเป็นการถูกลากตัวไว้ถามซ้ำไปซ้ำมาเมื่อมาถึง หรือป้าแมรี่ที่ไม่ยอมพาเขาไปพบพยาบาลวัยกลางคนตั้งแต่แรก หรือแม้แต่การที่เธอพยายามแย่งถุงของเขาไป ทั้งหมดนี้มีคำอธิบายชัดเจนแล้ว
สำหรับอาคารที่มีความสามารถ “กำจัดสิ่งชั่วร้าย”อย่างนี้ วิญญาณของเขาที่ปนเปื้อนมลทินปีศาจถือเป็น “แขกที่ไม่พึงประสงค์” โดยสมบูรณ์ และหัวแกะดำที่เป็นปีศาจโดยกำเนิดยิ่งถือเป็น “สิ่งชั่วร้าย” อย่างแท้จริง!
“ก๊อก! ก๊อก ก๊อก!”
ในขณะที่หลี่อังกำลังเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังหนักแน่นมาจากด้านนอกห้อง เมื่อชายวัยกลางคนเดินไปเปิดประตู ก็พบชายสูงวัยรูปร่างสูงใหญ่กำลังคาบซิการ์ยืนอยู่หน้าประตู
ชายชราผู้ซึ่งแม้ในฤดูใบไม้ร่วงยังใส่เพียงเสื้อกั๊กตัวเล็ก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ดูราวกับจะระเบิดออกมา พยักหน้าทักทายชายวัยกลางคนเล็กน้อย ก่อนใช้นิ้วสองนิ้วดับซิการ์ในปาก พลางพูดเสียงแหบว่า
“ได้ยินจากป้าแมรี่ว่ามีคนแปลกหน้ามา ฉันเลยแวะมาดู”
หลังอธิบายเหตุผลที่มาของเขา ชายชราร่างกำยำที่แบกตะกร้าใบใหญ่ก็หมุนคอที่หนาราวกับต้นขาของหลี่อัง พร้อมมองมาทางเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ดวงตาสีเขียวอมสีน้ำตาลที่ลึกเหมือนเบ้าตาถูกฝังอยู่ในใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลไหม้และรอยแผลจากดาบ ทำให้หลี่อังรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“...”
นี่น่ะเหรอคนที่สุขภาพไม่ดี? หลี่อังคิดในใจ พลางมองดูชายชราที่สูงเกือบ 1.9 เมตร กับกล้ามเนื้อไบเซปที่ใหญ่กว่าหัวของตัวเอง เขาเดาว่าถ้าชายชราถือแค่มีดผลไม้เล่มหนึ่งก็คงล่าเจ้าหมีในป่าได้สบายๆ
“นี่คือคุณลุงจอห์น สามีของป้าแมรี่ครับ”
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของหลี่อัง ชายวัยกลางคนก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนอธิบายว่า
“ไม่ต้องกังวลนะครับ คุณลุงจอห์นมองคุณแบบนี้ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ชอบคุณ แต่ตอนหนุ่มๆเขาเคยเป็นทหารเรือ เคยสู้กับโจรสลัดจนโดนรอยไฟปืนเผาหน้าและทิ้งอาการบาดเจ็บไว้ ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าแข็งจนแสดงสีหน้าไม่ค่อยได้
ปกติเขาจะช่วยทำความสะอาดอพาร์ตเมนต์ กำจัดวัชพืช ซ่อมแซมท่อน้ำ ท่อแก๊ส และทำด้วยความตั้งใจโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตอนหน้าร้อนเขายังชอบจับผีเสื้อให้เด็กๆในอาคารด้วย ดังนั้นอย่าดูจากภายนอกเลย คุณลุงจอห์นจริงๆแล้วใจดีมากครับ”
ใจดี? ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลย?
หลี่อังกลืนน้ำลายพลางมองชายชราที่จ้องเขาไม่ละสายตา เขาเลื่อนนิ้วกลางมือขวาไปแตะที่เขาของหัวแกะดำอย่างแผ่วเบา
ไฟ! พุ่ง! ท่วม!
ใน “ทัศนวิสัยแห่งวิญญาณ” ของหลี่อัง เขามองเห็นเปลวไฟสีแดงเข้มลุกโชนจนเต็มทางเดิน ไฟนั้นแผ่รังสีความตายที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งขั้วโลก หลี่อังถึงกับรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง เขาเงียบเสียงแล้วถอยหลังไปสองก้าว ยืนอยู่ข้างหลังคู่สามีภรรยาพยาบาลอย่างสงบเสงี่ยม
ใจดีอะไรกัน!
ถ้าไม่มีพวกคุณอยู่ที่นี่ เขาคงจะเอื้อมมือไปคว้ากรรไกรตัดแต่งสวนยาวกว่าเมตรจากตะกร้าของเขา แล้ววิ่งมาตัดฉันเป็นชิ้นๆทันทีแน่ๆ!
(จบบท)