ตอนที่แล้วบทที่ 19 ข่มขวัญสามสำนักใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 โรงเตี๊ยมไฉเสิน

บทที่ 20 จิ้งเฟย


ไม่นานนัก เฟยกงกงก็วิ่งเหยาะ ๆ กลับมา ก่อนพาทั้งสองคนเข้าไปในพระตำหนัก จิ้งเฟยเหนียงเหนียงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอสวมชุดผ้าไหมงดงาม ดูสง่างามและทรงอำนาจ ด้านหลังมีนางกำนัลสองคนที่งดงามราวเทพธิดายืนรับใช้อยู่

“คารวะจิ้งเฟยเหนียงเหนียง”

หลิ่งหรูอี้และเย่คังประสานมือคารวะพร้อมกัน ตามธรรมเนียมของผู้ฝึกยุทธ์ที่จะไม่คุกเข่าต่ออำนาจราชวงศ์ การประสานมือถือเป็นการให้เกียรติสูงสุดแล้ว

จิ้งเฟยพยักหน้ารับและเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

“ท่านผู้นี้คงจะเป็นเย่คัง ข้าได้ยินมาว่าท่านช่วยผู้เจ้าเมืองโจวหาไข่มุกรัตติกาลคืนมา อีกทั้งยังจับตัวโจรได้อีก งานที่ท่านทำช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”

“เหนียงเหนียงกล่าวเกินไปแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของข้าครับ”

เย่คังกล่าวอย่างถ่อมตัว ท่าทีแสดงถึงความอ่อนน้อมแต่ยังคงไว้ซึ่งความสุภาพสง่างาม

จิ้งเฟยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพียงส่งสายตาให้นางกำนัลด้านหลัง นางกำนัลรีบนำเอกสารออกมาแล้วยื่นให้หลิ่งหรูอี้

“ข้าได้ขอพระราชานุญาตจากฝ่าบาทไว้แล้ว เย่คังทำงานสำคัญและมีฝีมือยอดเยี่ยม สมควรได้รับรางวัล ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอมอบรางวัลทองคำหนึ่งร้อยตำลึง เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้คุมเรือนจำฝ่ายประหาร พร้อมกับตำแหน่งสำรองในยศถงจื้อหลาง ชั้นเจ็ด”

“ขอบพระทัยในพระเมตตาของฝ่าบาท!”

เมื่อเย่คังได้ฟัง เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง เพราะคราวนี้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งจริง ๆ ไม่ใช่เพียงเจ้าหน้าที่ธรรมดาของกรมพระนครฝ่ายในอีกต่อไป จากเดิมที่เป็นเพียงนายทหารระดับเล็ก ตอนนี้เขาได้รับตำแหน่งขุนนางชั้นเจ็ด ซึ่งสามารถเรียกตัวเองว่า "ข้าราชการ" ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว

จิ้งเฟยเหนียงเหนียงกล่าวเสริมว่า

“เย่คัง ท่านยังมีประสบการณ์ไม่มากนัก ไม่ต้องรีบร้อนเลื่อนขั้น แต่ในขณะเดียวกัน ข้ามีภารกิจหนึ่งที่อยากให้ท่านช่วย หากท่านรับทำ ข้าจะช่วยลบคำว่า ‘สำรอง’ ออกจากตำแหน่งของท่านเอง”

เย่คังได้ยินดังนั้นจึงเกิดความสงสัยและคาดเดาในใจ ดูเหมือนว่าคำพูดต่อจากนี้จะเป็นประเด็นสำคัญ

“ข้าน้อยยินดีรับฟัง หากเป็นสิ่งที่ข้าน้อยทำได้ ข้าจะทำสุดความสามารถ แม้ต้องผ่านน้ำผ่านไฟก็ตาม”

“ไม่ถึงขนาดนั้น เรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงนัก”

จิ้งเฟยกล่าวอย่างเรียบง่าย “ก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา บุตรสาวของข้า ซึ่งเป็นองค์หญิงเก้าของแผ่นดิน ได้เดินทางไปยังเมืองเมิ่งเพื่อไหว้บรรพบุรุษ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ข้อมูลจากสายลับแจ้งมาว่า เมืองลเมิ่งมีการเคลื่อนไหวของกบฏ ข้ากังวลว่าองค์หญิงจะได้รับอันตราย แม้ว่าข้าจะส่งองครักษ์หลวงไปแล้ว แต่ข้ายังไม่สบายใจ จึงต้องการให้ผู้ที่ข้าไว้ใจได้เช่นท่าน ช่วยไปคุ้มกันองค์หญิงอย่างลับ ๆ”

เย่คังรู้สึกว่าจิ้งเฟยอาจจะระแวงเกินไป แต่เมื่อคำพูดมาถึงจุดนี้ การปฏิเสธคงไม่เหมาะสม เขาจึงตอบว่า

“ข้าน้อยยินดีช่วยแก้ความกังวลของจิ้งเฟยเหนียงเหนียง”

“ดีมาก! หลิ่งหรูอี้ ท่านมองคนไม่ผิดจริง ๆ ต่อไปให้พาเย่คังไปที่คลังเสบียง เลือกวิชายุทธ์หนึ่งวิชาให้เขาโดยไม่จำกัด”

จิ้งเฟยกล่าวพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจ

“ขอรับ”

หลิ่งหรูอี้พยักหน้า และทั้งสองคนก็กล่าวลาจิ้งเฟย ก่อนเดินตามเฟยกงกงออกจากพระราชวัง

เมื่อออกมา หลิ่งหรูอี้หันไปชมเย่คังว่า

“ทำได้ดีมาก ข้าดูแล้วเห็นว่าเย่คังมีฝีมือพัฒนาขึ้นอีก”

“สายตาของท่านนี่แหลมคมจริง ๆ ไม่มีอะไรหลุดรอดไปได้”

เย่คังตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะปล่อยลมหายใจหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบา แต่กลับปลดปล่อยพลังลมปราณแผ่ว ๆ ออกไป

ทันใดนั้น หลิ่งหรูอี้ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ

“เหลือเชื่อ เพียงไม่กี่วัน ท่านกลับพัฒนาถึงขั้นครึ่งก้าวสู่ระดับวิญญาณต้นกำเนิด”

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอาจารย์ของข้าสอนมาอย่างดี”

เย่คังไม่ปฏิเสธ แต่โยนเครดิตทั้งหมดให้กับอาจารย์ในจินตนาการ ซึ่งหลิ่งหรูอี้กลับยิ่งเชื่อสนิทใจ

หลิ่งหรูอี้ยิ่งมั่นใจว่าอาจารย์ของเย่คังต้องเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับสูงในพระนคร ผู้ซึ่งไม่เปิดเผยตัวมาหลายสิบปีแล้ว การส่งเย่คังออกมาสู่โลกภายนอก ย่อมต้องมีเหตุผลที่ไม่ธรรมดา

ในที่สุด ทั้งสองก็มาถึงคลังเสบียงของกรมพระนครฝ่ายใน ด้วยการนำทางของหลิ่งหรูอี้ ทำให้พวกเขาผ่านประตูแต่ละชั้นโดยไม่มีปัญหาใด ๆ และเข้าสู่พื้นที่เก็บตำราอย่างง่ายดาย

“ที่นี่คือหอหมื่นตำรา มีทั้งหมดสิบชั้น แต่ละชั้นเก็บวิชายุทธ์ที่หลากหลาย ซึ่งชั้นบนสุดเป็นวิชาระดับสูงสุด”

เย่คังถามขึ้นว่า

“เช่นนั้น เราจะไปที่ชั้นบนสุดหรือ?”

หลิ่งหรูอี้ยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบ

“ไม่ เราจะลงไปใต้ดิน”

หลิ่งหรูอี้กดสวิตช์กลไกที่ซ่อนอยู่ และทางเข้าชั้นใต้ดินก็ปรากฏขึ้น

ขณะเดินลงไป หลิ่งหรูอี้กล่าวต่อ

“ท่านก้าวเข้าสู่ครึ่งก้าวสู่ระดับวิญยาณแล้ว วิชายุทธ์ทั่วไปย่อมไม่มีความหมายสำหรับท่านอีก”

เย่คังพยักหน้ารับอย่างสงสัย

“หรือว่าวิชาที่อยู่ที่นี่จะเหนือกว่าวิชาระดับสูงสุด?”

“แน่นอน ชั้นใต้ดินนี้มีตำรายุทธ์สิบสามเล่ม ซึ่งทั้งหมดเป็นวิชาระดับวิญญาณต้นกำเนิดขึ้นไป มีทั้งเคล็ดลับลับเฉพาะของสำนักใหญ่ และวิชาที่เคยสาบสูญไปแล้ว ท่านสามารถเลือกได้หนึ่งเล่ม”

แสงเทียนถูกจุดสว่างไสว เบื้องหน้าคือชั้นวางหนังสือที่เรียงรายไปด้วยตำรายุทธ์ ทุกเล่มล้วนเป็นวิชาระดับญญาณต้นกำเนิด!

กระบวนท่ากระบี่ร้อยบุปผาเย่คังมองไปยังตำราที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ความตื่นเต้นในใจของเขาพุ่งทะยาน กระบวนท่ากระบี่ร้อยบุปผาที่เขามีอยู่ในมือ ทำให้เขาคาดหวังถึงความแข็งแกร่งที่จะเพิ่มพูน เขารีบเดินไปที่ชั้นหนังสือทีละเล่มเพื่อพิจารณา

“กระบี่สิบสามสังหาร ครั้งแรกมังกรขาว… อืม ศาสตร์หอกข้าก็ไม่เคยฝึก งั้นผ่านไปก่อน”

“ตำราบันทึกกระดูกมารร่ำไห้ เป็นวิชาสายมารจากสำนักกระดูกขาวแห่งราชวงศ์ก่อน ฟังชื่อก็ดูจะชั่วร้ายเกินไป ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมของข้า”

“คัมภีร์กระบี่เมฆม่วง…”

“วิชาหวางจี๋ทงเทียนกง(ลมปราณค้ำฟ้า)...”

เย่คังสำรวจตำราทั้งหมดอย่างละเอียดจนพอเข้าใจภาพรวม น่าเสียดายที่ตำราแต่ละเล่มถูกบรรจุอยู่ในกล่องคริสตัล ไม่สามารถเปิดดูภายในได้ หากสามารถเปิดได้ ระบบของเขาจะบันทึกข้อมูลทุกอย่างในทันที ซึ่งนั่นจะเป็นสิ่งที่วิเศษสุด

หลังจากลังเลอยู่นาน เย่คังตัดสินใจเลือกตำรา “วิชาลมปราณค้ำฟ้า”

นี่คือเคล็ดวิชาฝึกพลังภายในระดับแรกเริ่ม มันย่อมเหนือกว่าคัมภีร์ไม้หยกเขียวอย่างแน่นอน และยังเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในขณะนี้

หลิ่งหรูอี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองเขาด้วยสายตาประหลาด

“เจ้ารู้จักเลือกจริง ๆ วิชาลมปราณค้ำฟ้า เป็นวิชาสืบทอดของราชวงศ์ก่อน เป็นวิชาการต่อสู้ของจักรพรรดิที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แต่ยังไม่มีใครกล้าเลือกมาก่อน”

เย่คังทำหน้าซื่อ

“เลือกไม่ได้หรือ?”

หลิ่งหรูอี้ส่ายหน้า

“แน่นอนว่าเลือกได้ เหนียงเหนียงกล่าวแล้วว่า ให้เจ้าเลือกตามใจชอบ แต่ข้าต้องเตือนว่า วิชาการต่อสู้ของจักรพรรดิจะเชื่อมโยงกับโชคชะตาของมังกรราชวงศ์ ราชวงศ์ก่อนสูญสิ้นอำนาจมังกรไปแล้ว การฝึกฝนวิชานี้จะยากขึ้นเป็นสองเท่า”

“ไม่เป็นไร ข้าเลือกเล่มนี้” เย่คังกล่าวด้วยความมั่นใจโดยไม่ลังเล ความยากในการฝึกฝนไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับระบบของเขา

เมื่อเห็นดังนั้น หลิ่งหรูอี้ก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ และนำเย่คังออกจากคลังเสบียง

หลังจากแยกทางกับหลิ่งหรูอี้ เย่คังกลับบ้านในตอนกลางคืน เขาทักทายพ่อแม่และพี่ชายก่อนเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อเริ่มต้นฝึกฝน

“ระบบ! เริ่มเรียนรู้วิชาลมปราณค้ำฟ้า!”

【ติ๊ง!】

【วิชาลมปราณค้ำฟ้าบันทึกเรียบร้อยแล้ว】

【เงื่อนไขในการเรียนรู้: โฮสต์ต้องเข้าสู่ระดับแรกเริ่มก่อน และการเริ่มต้นฝึกฝนต้องใช้แต้มการหยั่งรู้ 5,000 แต้ม】

【โฮสต์ยังไม่สามารถเรียนรู้วิชานี้ได้ในขณะนี้ ขอแนะนำให้โฮสต์อัปเกรดคัมภีร์ไม้หยกเขียวก่อน】

“เหลือเชื่อ! ทำไมถึงมีข้อจำกัดเยอะขนาดนี้! แถมยังใช้แต้มการหยั่งรู้ 5,000 แต้ม นี่มันแพงเกินไปแล้ว!”

เย่คังรู้สึกตกใจ เพราะเขาไม่คาดคิดว่าวิชานี้จะยากขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าหลิ่งหรูอี้พูดไม่ผิด พลังมังกรของราชวงศ์ก่อนที่ล่มสลาย ทำให้วิชานี้ยากต่อการฝึกฝนขึ้นไปอีก

“ในเมื่อระบบแนะนำ งั้นข้าเริ่มจากคัมภีร์ไม้หยกเขียวก่อนละกัน เรียนรู้!”

【ติ๊ง!】

【โฮสต์ใช้แต้มการหยั่งรู้ 2,000 แต้ม เรียนรู้คัมภีร์ไม้หยกเขียวจนถึงขั้นสมบูรณ์】

【ยินดีด้วย โฮสต์ทะลวงขีดจำกัดสำเร็จ พลังพุ่งทะยานสู่ระดับวิญญาณต้นกำเนิดขั้น 1 】

ทันใดนั้น เย่คังก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณภายในร่างกายที่พลุ่งพล่านขึ้น นี่คือการพัฒนาอีกขั้น เขายิ้มด้วยความพึงพอใจ พลางคิดว่า หากพลังมาถึงระดับสูงขึ้น เขาก็จะสามารถเรียนรู้วิชาลมปราณค้ำฟ้าได้ในเร็ววัน!

4.7 3 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด