ตอนที่แล้วตอนที่ 1719 จานแสงสว่างแห่งพลังอวตารสีน้ำเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1721 วิธีการของนักต้มตุ๋นคนนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ! (1)

ตอนที่ 1720 จานแสงสว่างแห่งพลังอวตารสีน้ำเงิน (2) (ฟรี)


ตอนที่ 1720 จานแสงสว่างแห่งพลังอวตารสีน้ำเงิน (2)

บางครั้งมันก็ดูเหมือนกับวงแหวนแห่งแสงสว่าง บางครั้งมันก็ดูเหมือนกับจานแสงสว่าง

ในสายตาของผู้ฝึกยุทธจากดินแดนดอกบัวทองคำแล้ว มันคือปาฏิหาริย์ พวกเขาไม่เคยเห็นจานแสงสว่างมาก่อน แล้วพวกเขาจะรู้จักมันได้ยังไง?

“หืม? ใครกัน? ที่สร้างจานแสงสว่างขึ้นมา?” ซูฮ่องกงที่บินออกมาจากศาลาทางทิศใต้ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าเหนือศาลาปีศาจลอยฟ้ากล่าว เขารู้ว่านั่นคือจานแสงสว่าง

ซูฮ่องกงที่เบนสายตาไปมองเห็นลำแสงจากศาลาทางทิศตะวันออก ที่ๆ ท่านอาจารย์ของเขาอยู่ ในใจของเขาแล้ว ท่านอาจารย์ของเขานั้นเป็นถึงสิ่งมีชีวิตสูงสุด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้ท่านอาจารย์ของเขาถึงได้สร้างจานแสงสว่างขึ้นมา? “หรือจะเป็นท่านอาจารย์?” เขาที่เกาหัวกล่าวอย่างไม่เข้าใจ

“ท่านอาจารย์กำลังแสดงพลังของเขาเพื่อที่จะบอกคนอื่นๆ ว่าศาลาปีศาจลอยฟ้านั้นไม่ใช่สถานที่ๆ พวกเขาจะสามารถรังแกได้ง่ายๆ...” ซูฮ่องกงที่ใช้ความคิดพยักหน้าและพึมพำกับตัวเอง

ตอนนี้ลู่โจวมองดูดอกบัวของเขาด้วยความตกใจ

ผู้ฝึกยุทธสามารถสร้างจานแสงสว่างได้หลังจากที่เป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดแล้ว จานแสงสว่างมอบอายุขัย 300,000 ปี และพลังฝึกฝนก็ยังคงเพิ่มขึ้น จานแสงสว่างทุกๆ สามอันจะสอดคล้องกับขั้นตอนหลัก การที่พวกเขาจะต้องสร้างจานแสงสว่างได้ พวกเขาจะต้องเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดครบทั้ง 36 ผัง

แต่ตอนนี้พลังอวตารสีน้ำเงินของเขามีพลังผังก่อเกิดเพียงแค่ 19 ผัง ทำไมมันถึงได้สร้างจานแสงสว่างได้?

“นี่มันพลังอวตารที่ไร้ขีดจำกัดจริงๆ งั้นสินะ?”

ก่อนหน้านี้เขาประหลาดใจมากที่สามารถเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิด 14 ผัง ล่วงหน้าได้ และตอนนี้เขาก็ยังสามารถสร้างจานแสงสว่างล่วงหน้าได้อีก นี่มันพลังอวตารแบบไหนกันเนี่ย?

‘ช่างเถอะ ตราบใดที่พลังของฉันแข็งแกร่งขึ้นก็พอแล้ว’ เขาใช้ความคิดหลังจากที่เวลาผ่านไป

จากนั้นเขาก็หลับตาลงและทำสมาธิกับคัมภีร์เทวาโลก

พลังงานบางส่วนจากพลังอวตารสีน้ำเงินถูกทำให้บริสุทธิ์ พวกมันกลายเป็นพลังเต๋าแห่งสวรรค์และวนเวียนอยู่ในจุดพลังลมปราณหลักของเขา

ตอนนี้พลังศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสี่ของเขาได้กลายเป็นพลังเต๋าแห่งสวรรค์แล้ว

ลู่โจวยังคงค้นพบอีกเรื่องหนึ่ง ความเร็วที่แก่นพลังสี่อันจะเปลี่ยนพลังงานเป็นพลังเต๋าแห่งสวรรค์นั้นเร็วมาก ด้วยความเร็วนั้น จานแสงสว่างอันแรกจากพลังอวตารสีทองค่อนข้างมั่นคงแล้ว นั่นหมายความว่าเขาได้รับอายุขัย 300,000 ปี

แต่น่าเสียดาย อายุขัย 300,000 ปี นั้นถูกหักล้างโดยการเปิดใช้งานพลังอวตารสีน้ำเงิน การเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดสองผังนั้นทำให้อายุขัยของเขาลดลงไป 200,000 ปี

โชคดีที่เขามีพื้นฐานที่ดี

อีกหนึ่งวันผ่านไป

ลำแสงที่สาม สี่ และห้า พุ่งขึ้นไปบนฟ้าเหนือศาลาปีศาจลอยฟ้า

ลู่โจวไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้านนอก เขาสัมผัสได้ถึงพลังของพลังอวตารสีน้ำเงินที่ตอนนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขาที่ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหันมองดูพลังอวตารสีน้ำเงิน เขาเห็นจานแสงสว่างเหนือแท่นดอกบัว

“จานแสงสว่างสุริยะจากพลังอวตารสีน้ำเงิน!”

ลู่โจวยินดีเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากจานแสงสว่างสุริยะแห่งพลังอวตารสีน้ำเงินแล้ว พลังผังก่อเกิด 22 แห่งยังคงเชื่อมต่อกันและเปล่งประกายอย่างเจิดจ้า

เขาได้เปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดอีกครั้ง

ตอนนี้พลังเต๋าแห่งสวรรค์ที่พลังอวตารสีน้ำเงินสามารถมอบให้ได้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ลู่โจวสำรวจพลังอวตารสีน้ำเงินอย่างตั้งใจ เขากำลังชื่นชมการเปลี่ยนแปลงต่างๆ สีฟ้านั้นเข้มขึ้น ตอนนี้มันเกือบจะเท่าเทียมกับสีทอง สีทั้งสองสะท้อนกัน มันทำให้จานแสงสว่างดูโดดเด่นมากขึ้น

ลู่โจวควบคุมพลังอวตารให้เคลื่อนไหว มันคล่องแคล่วเหมือนกับคนทั่วไป มันว่องไวมาก

’22 พลังผังก่อเกิด...ยังคงเหลืออีก 14 ผัง แล้วฉันจะเปิดใช้งานพวกมันได้ยังไง?’

ลู่โจวคิดที่จะไปหาเมิ่งจางเพื่อที่จะขอแก่นแท้ของเลือด เขาเคยใช้ไข่มุกจิตวิญญาณของเมิ่งจางไปแล้ว การที่เขาจะต้องใช้มันอีกครั้งนั้นค่อนข้างไม่เหมาะสม แต่การที่จะหาไข่มุกจิตวิญญาณที่ดีกว่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ลู่โจวที่ส่ายหัว เรื่องนี้ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เขาลุกขึ้นยืนและหายตัวไปก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนฟ้าเหนือศาลาปีศาจลอยฟ้า

“ขอคารวะท่านอาจารย์! พลังของท่านอาจารย์นั้นไร้เทียมทาน! ผู้คนมากมายจะต้องให้ความเคารพท่านไปอีกหลายชั่วอายุคน!” ซูฮ่องกงตะโกนทันทีที่ลู่โจวมาถึง

ลู่โจวที่ขมวดคิ้วหันหลังกลับไป เขามองเห็นซูฮ่องกงที่ตอนนี้ลอยตัวอยู่บนฟ้าเช่นกัน

‘เจ้าสารเลวนี่! ทำฉันตกใจหมด!’

“มีอะไรรึไง?” ลู่โจวถาม

“ข้าตกใจตอนที่เห็นจานแสงสว่างของท่าน! ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะแข็งแกร่งขนาดนี้!” ซูฮ่องกงตอบ

ลู่โจวก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่ามันจะสร้างความวุ่นวายขนาดนี้ ดูเหมือนกับว่าในอนาคตตอนที่เขาฝึกฝน เขาคงจะต้องระวังตัวมากกว่านี้

“ศิษย์พี่เจ็ดของเจ้าตื่นขึ้นมารึยัง?” ลู่โจวถาม

“ยังไม่ตื่น บางทีเขาอาจจะกำลังดูดซับแก่นแท้ของเลือดอยู่” ซูฮ่องกงตอบ

“ข้าต้องไปหาแก่นแท้ของเลือดที่อื่น เจ้าอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า เฝ้าเขาให้ดี” ลู่โจวกล่าว

“ท่านอาจารย์ ไม่ต้องห่วง ข้าจะปกป้องศิษย์พี่เจ็ดแน่นอน!” ซูฮ่องกงกล่าว

ลู่โจวที่พยักหน้าหายตัวไป

ลู่โจวเดินทางผ่านเส้นทางอักษรรูนในศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในป่าแห่งดินแดนที่ไม่รู้จักใกล้ๆ กับเสาหลักแห่งหายนะที่ตอนนี้กำลังถูกเฝ้าโดยเมิ่งจาง มังกรฟ้า

ดินแดนที่ไม่รู้จักยังคงมืดมิด

ป่านั้นเงียบสงบ บางครั้งก็ยังคงมีสัตว์ร้ายบินได้หรือสัตว์ร้ายทั่วๆ ไปเดินผ่านไปมา

ลู่โจวที่บินไปยังเสาหลักแห่งหายนะ เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งข้างๆ หน้าผาทันทีที่กะพริบตา เขาเห็นเสาหลักแห่งหายนะที่ตอนนี้ตั้งตระหง่านอยู่

หมอกวนเวียนอยู่ด้านบน เงาที่เลือนรางปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอก หากไม่มองดูให้ดีๆ คงจะไม่มีใครรู้ว่ามีสัตว์ร้ายขนาดมหึมาตัวหนึ่งกำลังเฝ้าเสาหลักแห่งหายนะ

ลู่โจวมองเห็นได้อย่างง่ายดาย เพราะยังไงซะพลังฝึกฝนของเขาก็ยังคงพัฒนาขึ้นมาก และเขาก็ยังคงมีความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนอีกด้วย ประสาทสัมผัสของเขานั้นเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วๆ ไป

สถานที่โดยรอบเงียบมาก

ลู่โจวบินต่อไป หมอกที่ตอนนี้ปกคลุมยอดเสาหลักแห่งหายนะเริ่มปั่นป่วนในขณะที่เขากำลังบิน ไม่นานนัก สิ่งที่ดูเหมือนกับดวงจันทร์สองดวงก็ยังคงปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอก นั่นคือดวงตาของเมิ่งจาง

ดวงตาของเมิ่งจางส่องสว่างพื้นที่ในระยะ 30,000 ฟุต ได้อย่างง่ายดาย ไม่นานนัก สายตาก็จับจ้องไปที่ลู่โจว

“เมิ่งจาง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ลู่โจวที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศเงยหน้าขึ้นกล่าว

“...”

เมิ่งจางจะจำลู่โจวไม่ได้ได้ยังไง?

ความมืดปกคลุมอีกครั้ง ดวงจันทร์ทั้งสองดวงหายไปอย่างกะทันหัน

“เมิ่งจาง?” ลู่โจวเรียก

หมอกที่ปกคลุมยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับว่าเมิ่งจางไม่ได้ยินเขา

ลู่โจว: “?”

“ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดคุยกับเจ้า ออกมาซะ” ลู่โจวที่บินต่อไปกล่าว

ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว

“หากเจ้าไม่ออกมา ข้าจะทำลายเสาหลักแห่งหายนะ” ลู่โจวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

ลู่โจวที่ยกมือขึ้น กระบองสยบสวรรค์แห่งดินแดนหุบเหวอันยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นในมือของเขา

กระบองสยบสวรรค์นั้นเหมือนกับกรวย มันเปล่งประกายออร่าที่น่ากลัวออกมาอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนกับว่ามันสามารถทำลายทุกอย่างได้ในขณะที่มันกำลังหมุน

ตูม!

เปรี๊ยะ!

สายฟ้าฟาดลงมาจากหมอกอย่างกะทันหัน มันโจมตีลู่โจวอย่างแม่นยำ เขาไม่ได้หลบหรือป้องกัน มันไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับเขาเมื่อมันโจมตีเขา แต่กลับกัน มันถูกดูดซับโดยพลังอวตารสีน้ำเงิน ในอดีตตอนที่เขาได้พบกับเมิ่งจางเป็นครั้งแรก พลังอวตารสีน้ำเงินของเขานั้นอ่อนแอเหมือนกับเด็กทารก การโจมตีของเมิ่งจางนั้นรุนแรงราวกับมหาสมุทร มันสามารถเสริมสร้างพลังอวตารสีน้ำเงินของเขาได้ แต่มันกลับทรงพลังมาก ตอนนี้พลังอวตารสีน้ำเงินของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้น การโจมตีของเมิ่งจางนั้นเหมือนกับน้ำที่ช่วยดับกระหาย ยิ่งเมิ่งจางโจมตีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น

“???”

“เป็นท่านอีกแล้ว” เมิ่งจางที่ปรากฏตัวขึ้นในร่างมนุษย์หลังจากที่หมอกที่อยู่ตรงหน้าเสาหลักแห่งหายนะปั่นป่วนกล่าวอย่างไม่พอใจ

“เจ้าหมายความว่ายังไง ที่บอกว่าเป็นข้าอีกแล้ว?”

“ผู้มีมลทิน พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ท่านเดินบนเส้นทางแห่งชีวิตนิรันดร์ ส่วนข้ามีหน้าที่ปกป้องสมดุลของสวรรค์และโลก พวกเราไม่เกี่ยวข้องกัน ทำไมท่านต้องมารบกวนข้าด้วย?” เมิ่งจางบ่น

“รบกวน? เจ้าติดหนี้บุญคุณข้า แล้วเจ้าจะบอกว่าพวกเราไม่เกี่ยวข้องกันได้ยังไง?” ลู่โจวกล่าวอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าคืนบุญคุณให้กับท่านแล้ว” เมิ่งจางกล่าว

“ไข่มุกจิตวิญญาณหนึ่งเม็ดนั้นยังไม่เพียงพอ” ลู่โจวแย้ง

“ท่านเป็นถึงผู้มีมลทินผู้สูงส่ง ท่านควรจะมีเหตุผลบ้าง” เมิ่งจางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ข้ามีเหตุผลเสมอ”

“...”

“วันนี้ข้ามาที่นี่ไม่ได้คิดที่จะทำให้เจ้าลำบากใจ ข้ามีสองอย่างที่อยากจะขอให้เจ้าช่วย” ลู่โจวที่เห็นว่าเมิ่งจางพูดไม่ออกกล่าว

“ท่านผู้มีมลทินผู้ยิ่งใหญ่ เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์อย่างข้าที่ตอนนี้สูญเสียพลังไปมากแล้วจะทำอะไรให้กับท่านได้?” เมิ่งจางหัวเราะและกล่าว

“มีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยข้าได้ หากวันนี้เจ้าไม่ช่วยข้า ข้าคงจะต้องทำลายเสาหลักแห่งหายนะ พวกเรามาตายไปด้วยกันเถอะ” ลู่โจวกล่าว

“...”

‘ปิศาจเฒ่าไร้ยางอาย! นี่เจ้าเรียกว่าตัวเองมีเหตุผลอีกเหรอ?!’

เมิ่งจางที่งุนงงมองดูกระบองสยบสวรรค์ในมือของลู่โจว กระบองสยบสวรรค์นี้ถูกเก็บรักษาโดยจักรพรรดิหยูในดินแดนหุบเหวอันยิ่งใหญ่ ทำไมมันถึงได้มาอยู่ในมือของลู่โจวได้?

“ท่านจะทำลายฟ้าจริงๆ งั้นเหรอ?” เมิ่งจางกล่าวอย่างจริงจัง

“เจ้าเป็นถึงหนึ่งในสี่เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ เจ้าน่าจะรู้ดี ต่อให้ข้าไม่ทำลายมัน ไม่ช้าก็เร็ว มันก็คงจะต้องพังทลายลง การที่จักรพรรดิหยูมอบของสิ่งนี้ให้กับข้าไม่ต่างอะไรกับการโยนความซวยและใส่ร้ายข้า” ลู่โจวตอบ

เมิ่งจางเงียบ เขานั้นเฝ้าเสาหลักแห่งหายนะมานานแล้ว เขาจะไม่รู้สถานการณ์ของเสาหลักแห่งหายนะได้ยังไง?

“สองอย่างที่ข้าจะขอให้เจ้าช่วยนั้นง่ายมากสำหรับเจ้า...” ลู่โจวกล่าว

“ข้าไม่เชื่อท่าน พูดมาเถอะ” เมิ่งจางกล่าว

“หนึ่ง ขอยืมแก่นแท้ของเลือดเจ้าหนึ่งหยด หากข้าไม่มีเหตุผล ข้าคงจะแย่งชิงมันไปแล้ว”

“...”

‘ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่ทำไมมันถึงฟังดูไม่น่าพอใจแบบนี้?’

“ข้าจะมอบมันให้ แต่บอกเอาไว้ก่อน หลังจากที่ข้าทำสองอย่างนี้เสร็จแล้ว พวกเราจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน” เมิ่งจางที่สัมผัสได้ถึงพลังของลู่โจวทันทีที่ลืมตากล่าว เขารู้ว่าหากพวกเขาต้องต่อสู้กัน ลู่โจวอาจจะได้เปรียบ

“เรื่องอนาคตเอาไว้ค่อยว่ากัน”

“???”

เมิ่งจางที่เงยหน้าขึ้นทำเสียงเหมือนกับว่าเขาจะหายใจไม่ออกเพราะความโกรธ

“ในอนาคตเจ้าอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากข้า แล้วเจ้ามั่นใจแล้วจริงๆ น่ะเหรอว่าหลังจากนี้เจ้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับข้า?”

‘ผู้มีมลทินแข็งแกร่งขึ้นมาก สายฟ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำร้ายเขา แต่มันกลับทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นถึงผู้มีมลทิน บนโลกใบนี้มีใครบ้าง? ที่ไม่กลัวผู้มีมลทิน? มีใครบ้าง? ที่กล้าปฏิเสธผู้มีมลทิน? การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร’ เมิ่งจางที่ใจเต้นใช้ความคิด

“แล้วอย่างที่สองล่ะ?” เมิ่งจางถาม

“สมกับเป็นสี่เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ พวกเจ้าฉลาดกว่าคนที่ชอบต่อต้านข้ามาก อย่างที่สองนั้นง่ายมาก ตอนนี้เจียนปิง พยัคฆ์ขาว อยู่ที่ไหน?” ลู่โจวที่พยักหน้าอย่างพอใจกล่าว

“ทำไมท่านต้องตามหาเจียนปิงด้วย?” เมิ่งจางถามอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าแค่อยากได้แก่นแท้ของเลือดหนึ่งหยด” ลู่โจวตอบอย่างตรงไปตรงมา

“...”

‘ปิศาจเฒ่านี่ชอบสะสมแก่นแท้ของเลือดงั้นเหรอเนี่ย? เป็นพวกชอบสะสมของประหลาดสินะ?!’

“ท่านต้องการแค่หนึ่งหยดจริงๆ น่ะเหรอ?” เมิ่งจางที่ถอยห่างออกไปถามอย่างระมัดระวัง

“หนึ่งหยดก็พอแล้ว” ลู่โจวที่พยักหน้ากล่าว

“เจียนปิงแยกตัวออกจากพวกเราไปเมื่อ 100,000 ปีก่อน ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จัก มันไม่เคยออกจากดินแดนแห่งความว่างเปล่า ท่านไปตามหามันที่ดินแดนแห่งความว่างเปล่าเถอะ” เมิ่งจางกล่าว

“ดินแดนแห่งความว่างเปล่างั้นเหรอ? วิหารศักดิ์สิทธิ์มีตาชั่งแห่งความยุติธรรมอยู่ เจ้าคิดว่ามันจะกล้าอยู่ที่ดินแดนแห่งความว่างเปล่างั้นเหรอ?” ลู่โจวกล่าวอย่างสงสัย

“แล้วท่านคิดว่ามันจะอยู่ที่ไหนได้ล่ะ? เพื่อที่จะไม่ทำให้สมดุลต้องปั่นป่วน” เมิ่งจางถามกลับ

สถานที่ที่คุ้นเคยแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของลู่โจว ซากปรักหักพังโบราณ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด