OS ตอนที่ 62 เทพแห่งความมืด
อีควิน็อกซ์กับเลวินคลาวด์ใช้ทักษะตรวจสอบลูกแก้วคริสตัลก่อนจะมองเข้าไปข้างใน และพวกเขาก็ต้องประหลาดใจ
==
ชื่อ: ดวงตาคริสตัลแห่งความสัตย์จริง
ระดับ: ศํกดิ์สิทธิ์
ประเภท: ไอเทมเบ็ดเตล็ด
เอฟเฟ็กต์: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นส่วนต่าง ๆ ของจักรวาลได้ตราบเท่าที่พวกเขามุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น ไม่สามารถเจาะผ่านพื้นที่ที่ปนเปื้อนพิษหรือมานาที่เสื่อมโทรมได้ ผู้ใช้สามารถมองเห็นได้เฉพาะตำแหน่งที่เลือกเท่านั้น และไม่สามารถสื่อสารกับใครหรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่พวกเขามองเห็นโดยใช้ไอเทมนี้ได้ ต้องใช้มานาในการทำงาน
MP: 1 แต้มต่อวินาที
เงื่อนไข: ไม่มี
==
พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะนี่คือไอเทมสอดแนมที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างขึ้น หากมันตกไปอยู่ในมือของผู้เล่น มันจะกลายเป็นอาวุธอันตรายที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ทั้งหมด
แต่ด้วยระดับของมันคือระดับศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยได้ยินหรือพบเจอมาก่อน
ทั้งสองจึงคิดว่าระดับศักดิ์สิทธิ์อาจจะเป็นระดับถัดไปจากระดับเหนือธรรมชาติ ระดับนี้คงจะสงวนไว้สำหรับเทพเจ้าของเกมหรืออุปกรณ์ประเภทเทพ และคุณจะต้องเป็นเทพเจ้าก่อนถึงจะถือครองไอเทมเหล่านั้นได้ เว้นแต่ว่ามันจะเป็นเหมือนลูกแก้วคริสตัลที่ทำขึ้นมาเพื่อให้ใคร ๆ ที่มีมานาสามารถใช้ได้
จากนั้น สองเพื่อนซี้ก็นั่งลงด้วยท่าทางที่เกร็งและไม่สบายใจ พวกเขาต่างมองหน้ากันโดยไม่มีคำพูดใด ๆ เพราะต่างก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้ การอยู่ในร่างวิญญาณทำให้ทุกอย่างดูแปลกใหม่และไม่คุ้นเคย
ดังนั้น อีควิน็อกซ์จึงอาสาเป็นคนแรกในการใช้งานดวงตาคริสตัลแห่งความสัตย์จริง เขาส่งมานาของเขาโดยจินตนาการว่ามันถูกถ่ายโอนจากร่างกายของเขาไปยังลูกแก้วคริสตัล
ดูเหมือนว่าไอเทมจะตอบสนองได้ดี และอีควิน็อกซ์ก็ดีใจที่มันใช้งานง่าย จากนั้น เขาก็มุ่งความสนใจไปที่ซิลเวอร์มัวร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งของร่างกายของพวกเขา เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
เนื่องจากพวกเขาถูกเคลื่อนย้ายออกไป ถ้าจะพูดอีกแบบก็คือ วิญญาณของพวกเขาถูกดึงมาที่ปาราอิโซอย่างไม่ทันตั้งตัว
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาบางอย่างในลูกแก้วคริสตัล อีควิน็อกซ์จดจ่อกับสิ่งที่ทำอย่างตั้งใจ และต้องตกใจ เพราะเขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
[ยินดีด้วย! เนื่องจากคุณเพ่งสมาธิอย่างแน่วแน่ คุณจึงปลดล็อกค่าสถานะใหม่ได้]
[คุณได้รับค่าสถานะลับ พลังใจ ค่าสถานะนี้ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้โดยใช้แต้มสถานะ]
[คุณได้รับพลังใจ +20]
เลวินคลาวด์เห็นว่าอีควิน็อกซ์มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาจึงถามอีกฝ่ายว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่?
อีควิน็อกซ์บอกสิ่งที่เกิดขึ้นให้อีกฝ่ายฟัง และเลวินคลาวด์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
จากนั้น เลวินคลาวด์ก็เล่าให้อีควิน็อกซ์ฟังว่าเขาเองก็ได้ปลดล็อกค่าสถานะนั้นไปแล้วเช่นกัน เขาได้รับในระหว่างตอนที่ทำบททดสอบเพื่อปลดล็อกสายอาชีพลับของเขาในตอนนี้
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที พวกเขาก็สามารถมองเห็นซิลเวอร์มัวร์ได้อย่างชัดเจน หรือพูดให้ชัดเจนกว่านั้นคือภาพจากมุมสูง ราวกับว่าพวกเขากำลังใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อดูสถานการณ์จากด้านบน
ทั้งคู่คิดว่ามันเจ๋งดี พวกเขาเป็นเหมือนสายลับสองคนที่ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อเพื่อดูการเคลื่อนไหวของเป้าหมาย
พวกเขาใช้เวลาสองสามวินาทีในการปลดปล่อยพวกเขาออกจากจินตนาการ และค่อยมาจดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงเบื้องหน้าของพวกเขา
...
ในขณะเดียวกันในซิลเวอร์มัวร์....
ลำนำวิญญาณสีเงินตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เหงื่อเย็นไหลอาบทั่วร่าง เธอไม่เคยคาดคิดว่าเทพเจ้าคู่แฝดจะจุติลงมาบนโลกมนุษย์จริง ๆ การที่พวกเขาสามารถฝ่าแนวป้องกันอันแข็งแกร่งของอาณาจักรมนุษย์ลงมาได้ นั่นหมายความว่าต้องใช้พลังงานมหาศาลเกินจินตนาการ
เธอพยายามกลั้นลมหายใจขณะครุ่นคิดถึงต้นทุนอันมหาศาลที่เทพเจ้าเหล่านี้ต้องจ่าย พวกเขาคงไม่อาจอยู่ในโลกนี้ได้นานนัก เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ไปคงจำกัดเวลาการปรากฏตัวไว้เพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนที่พวกเขาจะต้องกลับไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของตน
ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะซื้อเวลาอีกนิดหน่อย ก่อนที่ความช่วยเหลือของเธอจะมาถึง เธอได้ติดต่อกับพวกคอร์รัปแทนท์ไปแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายจะมาช่วยเธอได้ แม้ว่าคน ๆ นั้นจะไม่ใช่พวกระดับสูง แต่ก็ยังเป็นเทพเจ้าจากจักรวาลอื่นอยู่ดี
เธอจึงเริ่มพูดจาเย้ยหยันเพื่อหยามเกียรติเทพเจ้าที่เธอเคยเป็นสาวกมาก่อน
"เฮอะ! ใครจะไปคิดว่าท่านจะยังจำฉันได้, เทพแห่งความตาย... อาบาดอน!"
ลำนำวิญญาณสีเงินกล่าวเสียงเย้ยหยัน ดวงตาของเธอทอประกายแวววาวด้วยความดุร้าย ความโกรธเคืองและความเกลียดชังฉายชัดบนใบหน้าของเธอ
“เจ้าคงจะได้รับการอภัยแล้ว, ลำนำวิญญาณสีเงิน... ถ้าเจ้าอดทนได้แค่ไม่กี่ปี แต่ดูเหมือนว่าหัวใจของเจ้าจะชั่วร้ายกว่าที่ข้าคิดเสียอีก ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเลือกเส้นทางอันเสื่อมถอยเยี่ยงนี้...”
อาบาดอนกล่าวด้วยท่าทางเศร้าสร้อย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและความเสียใจ
“ท่านพี่คงไม่คาดคิดว่าพลังที่มอบให้เจ้าจะทำให้เจ้าเสื่อมถอย เจ้าควรพอใจกับสิ่งที่ท่านพี่ของข้ามอบให้เจ้า แต่เจ้ากลับต้องการมากกว่านั้น เจ้าเริ่มหันเหไปหาเทพแห่งความมืด
ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่เราจะหยุดเจ้าเสีย เราได้เสียสละหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเดินทางมายังที่แห่งนี้
ในเมื่อเจ้าคือสัญลักษณ์แห่งความตาย และการทำลายล้างที่แผ่ขยายไปทั่วทุกที่ ดังนั้นเราจะไม่ยอมให้เจ้ายังคงมีตัวตนต่อไปอีก แม้จะต้องแลกกับทุกสิ่งที่เรามี เราก็จะยุติการดำรงอยู่ของเจ้าที่นี่และตอนนี้”
เกอาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนตามปกติของเธอ
แม้ว่าสองเพื่อนซี้จะไม่สามารถได้ยินบทสนทนาผ่านลูกแก้วคริสตัลได้ แต่พวกเขากลับได้ยินมันผ่านจิตวิญญาณของพวกเขา มันคล้ายกับคน ๆ หนึ่งอยู่ในอาการโคม่า ที่แม้ตัวจะหลับแต่ก็สามารถรับรู้ทุกอย่างได้ และเมื่อตื่นขึ้นมา คน ๆ นั้นก็จะจำได้ว่าเขาเคยได้ยินบทสนทนาของอีกฝ่ายทั้งหมด
วิญญาณของพวกเขายังคงเชื่อมโยงกับร่างกาย แต่พวกเขาไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป และด้วยการถูกเทพเจ้าคู่แฝดสิงสู่ วิญญาณของสองเพื่อนซี้จึงถูกส่งไปยังอาณาจักรของเทพเจ้าคู่แฝด เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น ทั้งสองจะต้องตาย และฟื้นคืนชีพใหม่ที่จุดฟื้นฟู (จุดเซฟ) ของพวกเขา
จากนั้น ทั้งคู่ก็ได้ทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ดูเหมือนว่าลำนำวิญญาณสิเงินจะโหดมากกว่าที่เราคิดไว้ โชคดีมากที่เราได้ภารกิจด่วนมา มิฉะนั้น การเลื่อนสายอาชีพของฉันคงจะล้มเหลว”
อีควิน็อกซ์พูดในขณะที่เขาจ้องไปที่หน้าต่างภารกิจ
“คงต้องมีสักทางแหละน่า นักพัฒนาเกมคงไม่ให้ภารกิจที่ไม่สามารถเคลียร์ได้หรอก” เลวินคลาวด์พูดปลอบใจ
สิ่งที่ทั้งคู่ไม่รู้ก็คือ หากอีควิน็อกซ์เข้าไปในดันเจี้ยนเอง เขาก็จะพบกับบอสดันเจี้ยนตามปกติ และเขาอาจจะกระตุ้นเหตุการณ์อื่นที่ทำให้ได้รับรางวัลน้อยกว่าภารกิจนี้
แต่พวกเขาดันทริกเกอร์เนื้อเรื่องหลักโดยเฉพาะ ซึ่งอนาคตของเกมจะเปลี่ยนไปเพราะพวกเขาดันปลุก NPC ที่มีชื่อได้ฟื้นคืนสติกลับมา
...
ในขณะเดียวกันที่ห้องทำงานพัฒนาเกม...
ภายในห้อง ผู้คนต่างตื่นตระหนก เพราะมีคนกระตุ้นเนื้อเรื่องหลักที่ควรจะกระตุ้นหลังจากเหตุการณ์ราชาอันเดด
ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ติดตามเฉพาะบุคคลที่มีลักษณะคาดเดาไม่ได้ตามคำบอกเล่าของ CEO ของบริษัทแอดสาส ซึ่งเอเดียนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สิ่งที่พวกเขาทำก็คือเพิ่มชื่อของเขาลงในรายชื่อที่ต้องเฝ้าติดตามเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนจะถูกดุมากเพราะเรื่องนี้ เขาไม่คาดคิดว่าผู้เล่นใหม่จะสร้างปัญหาให้ปวดหัวมากขนาดนี้
“อ๊าก!!! ผู้เล่นอีควิน็อกซ์ควรจะเข้าดันเจี้ยนคนเดียวอย่างที่เคยทำ แต่ทำไมเขาต้องเชิญใครซักคนจากโบสถ์แห่งเกอามาด้วย!?” ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกล่าวอย่างหัวเสีย
เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างหนัก เพราะพวกเขากระตุ้นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การฟื้นคืนของเทพแห่งความมืด เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อรู้ว่าการกระตุ้นเหตุการณ์นั้นมาจากการที่สองคนที่เกี่ยวข้องกับเทพแห่งความตาย และเทพธิดาแห่งชีวิตต้องตั้งปาร์ตี้ร่วมกัน และเข้าไปสำรวจซิลเวอร์มัวร์เพื่อกระตุ้นให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
มันคงจะดีไม่น้อยหากผู้เล่นอีควิน็อกซ์ไปคนเดียวหรือเชิญผู้เล่นสายอาชีพนักบวชธรรมดา ๆ จากโบสถ์แก่งเกอา แต่เพื่อนของอีควิน็อกซ์บังเอิญเป็นอาชีพ บุตรแห่งเกอา ซึ่งเป็นหนึ่งในสายอาชีพนักบวชที่หายาก
ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนถอนหายใจ และยอมแพ้ในการทำทุกอย่างใหม่แล้วมุ่งความสนใจไปที่การแก้ไขเหตุการณ์
"ฟังนะ เจ้าพวกโง่! ดูเหมือนว่างานยากสำหรับเรากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว! หลังจากเหตุการณ์นี้จบ ให้รีบแจ้งอัปเดตเซิร์ฟเวอร์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เราจะต้องแก้ไขช่องโหว่ที่เกิดขึ้น เราจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าจะได้นอนเลย และให้ผู้เล่นอีควิน็อกซ์คนนั้นอยู่ในรายชื่อผู้ตรวจสอบตลอดเวลา!"
ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนสั่งการ
"แต่หัวหน้าครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมเราต้องใส่เขาไว้ในรายชื่อนั้นด้วยครับ" พนักงานคนหนึ่งถาม
"ฉันไม่เชื่อในเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุและผล เราต้องติดตามเขาอย่างใกล้ชิด เพราะตัวละครของเขามีความสำคัญต่อเหตุการณ์ราชาอมตะในปัจจุบัน"
ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนโต้แย้งและพูดย้ำอีกครั้งว่า
"แก้ไขภารกิจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นคืนชีพของโบสถ์แห่งความตาย และเราจะต้องเลื่อนภารกิจ 'สืบหาร่องรอยของเทพแห่งความมืด' ที่ทั้งสองจะได้รับออกไปด้วย เลื่อนการเผชิญหน้ากับคอร์รัปแทนท์ไปจนกว่าพวกเขาจะถึงเลวเล 150 เพื่อที่เราจะได้มีเวลาหายใจ เอาล่ะ หยุดถามอะไรที่มันไม่เข้าเรื่องได้แล้ว และรีบลงมือทำงานเร็วเข้า!"
พนักงานในห้องต่างถอนหายใจ และมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจของพวกเขา
"อย่างน้อย ๆ เราก็จะได้รับค่าล่วงเวลา..."