บทที่ 556 คืนคริสต์มาสที่ไม่สงบสุข
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 556 คืนคริสต์มาสที่ไม่สงบสุข
“รายงานความคืบหน้าด้วยครับ ท่านนายพล”
ประเทศแคนาดา เมืองออตตาวา ถนนซัสเซ็กซ์ไดรฟ์ เลขที่ 24
นายกรัฐมนตรีจัสติน และพลเอกที่อยู่ข้างกาย ก็วางโทรศัพท์ลง หลังจากโต้เถียงกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ใบหน้าแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
เหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ พวกเขามองเห็นแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ขณะที่นายกรัฐมนตรีจัสติน กำลังนำพาแคนาดาสู่ความรุ่งเรือง แต่พวกเขากลับสนใจแต่เรื่องของตัวเอง
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความอึดอัด
นายกรัฐมนตรีจัสติน ใช้สายตาส่งสัญญาณให้ผู้ช่วยออกไปจากห้อง ก่อนจะกดรับสายจากกองบัญชาการทหารเรือ น้ำเสียงเร่งเร้า
“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ ท่านนายก”
มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ บริเวณใกล้กับจุดเกิดเหตุเรือเดินสมุทรเกแบ็ก นายพลมองผ่านกล้องส่องทางไกลไปยังสัตว์ประหลาดขนาดมโหฬาร พลางตอบคำถามจากนายกรัฐมนตรีทางโทรศัพท์
“ตามคำสั่งของท่าน กองบัญชาการทหารเรือได้เข้าควบคุมพื้นที่ทางทะเลโดยรอบแล้ว เราจะแถลงข่าวว่าเป็นการฝึกซ้อมทางทหารเป็นเวลาหนึ่งเดือน และจะแจ้งเตือนเรือลำอื่น ๆ ให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้”
“โปรดระมัดระวังให้มากที่สุดด้วยนะ ท่านนายพล”
นายกรัฐมนตรีจัสติน ยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด แม้จะได้รับคำตอบจากผู้พันแล้ว
“สัตว์ประหลาดทะเลตัวนี้คืออนาคตของแคนาดา ดังนั้น แม้แต่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา ก็ห้ามให้ข่าวรั่วไหลแม้แต่น้อย”
เพราะอยู่ใกล้กับสหรัฐอเมริกา แคนาดาจึงรู้ดีถึงความก้าวร้าวของประเทศมหาอำนาจอันธพาลนี้ ประเทศมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกในปัจจุบัน
สหรัฐอเมริกาใช้เรื่องเสรีภาพในการเดินเรือเป็นข้ออ้าง ยุยงให้เกิดความขัดแย้งทั่วโลก พวกเขาก่อสงครามได้เพราะน้ำมันมหาศาลในตะวันออกกลาง ลองคิดดู ถ้าพวกโลภรู้ว่าแคนาดาเจอสัตว์ประหลาดยักษ์ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ พวกมันคงไม่สนใจพันธมิตรหรอก จะบุกมาแย่งทันที
“เรื่องนี้ ผมรู้มากกว่าคุณอีกครับ ท่านนายก”
ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองบัญชาการทหารเรือแคนาดา นายพลผู้มากประสบการณ์เข้าใจกลเกมก้าวร้าวของกองทัพเรือสหรัฐฯ อย่างถ่องแท้
อำนาจทางทหารจับต้องได้มากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกองทัพเรือ
กำปั้นใหญ่แค่ไหน ก็กำหนดท่าทีของกองทัพเรือเช่นนั้น
และน่าเสียดายที่ข้าง ๆ แคนาดามีชาติที่มีกองทัพเรือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอยู่
หลังจากวางสายกับนายกรัฐมนตรีจัสติน นายพลก็หันไปสนใจสัตว์ประหลาดยักษ์ตรงหน้า
ทันทีที่ยืนยันการมีอยู่ของสัตว์ประหลาด นายกรัฐมนตรีจัสตินก็ออกคำสั่งสูงสุดทันที กองบัญชาการทหารเรือใช้การซ้อมรบเป็นข้ออ้าง รีบไปยังจุดที่พบสัตว์ประหลาดทันที กองบัญชาการทหารเรือระดมเรือรบกว่าสองในสามของแคนาดา ไม่ใช่แค่ใช้เป็นข้ออ้างซ้อมรบ แต่ยังเตรียมรับมือกับการกระทำจากสหรัฐอเมริกาด้วย
“ท่านนายพลครับ นี่คือข้อมูลจากนักวิจัยที่ขึ้นไปสำรวจบนตัวสัตว์ประหลาดครับ”
บนเรือรบโทรอนโต พันเอกรอยยกมือทำความเคารพนายพลผู้มีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วรายงาน “จากการวิเคราะห์ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เกาะอยู่บนตัวสัตว์ประหลาดมานานหลายร้อยปี บางส่วนอาจมากกว่าพันปีด้วยซ้ำ และจากการตรวจสอบธาตุกัมมันตภาพรังสีของหินที่กลายเป็นหินบนตัวสัตว์ประหลาด พบว่าหินเหล่านี้มีอายุมากกว่าพันปี”
“มากกว่าพันปีเหรอ?”
ได้ยินรายงานจากพันเอกรอยแล้ว นายพลจึงยกกล้องส่องทางไกลขึ้นสังเกตการณ์นักวิจัยที่กำลังปฏิบัติงานอยู่บนหลังของสัตว์ประหลาดที่โผล่พ้นน้ำ พลางพึมพำเบา ๆ ว่า “นั่นหมายความว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่เมื่อพันปีก่อน โลกเมื่อพันปีก่อนเคยมีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาเช่นนี้ด้วยรึเนี่ย”
“ท่านนายพล……”
ขณะที่ผู้พันกำลังครุ่นคิดถึงรายงานของพันเอกรอยอยู่นั้น ก็มีข่าวใหม่มาจากกองบัญชาการทหารเรือ “นี่คือภาพถ่ายและข้อมูลเรดาร์ล่าสุดจากเรือดำน้ำ จากการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว คาดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีขนาดอย่างน้อยหลายร้อยเมตร”
“ใหญ่ขนาดไหน?!”
“หลายร้อยเมตรครับ ท่านนายพล”
ตั้งแต่ได้รับข้อมูลแรก ๆ และภาพจากดาวเทียม พันเอกรอยก็รู้ดีว่าส่วนที่โผล่พ้นน้ำนั้นเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของร่างกายมหึมาของสัตว์ประหลาดเท่านั้น แต่พอได้ยินข้อมูลเรื่องขนาดหลายร้อยเมตรจากเรือดำน้ำเข้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างตกใจ สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาเช่นนี้ พันเอกรอยแทบจะนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะหน้าตาเป็นอย่างไรตอนยังมีชีวิตอยู่
“ผู้พัน”
พันเอกรอยกำลังตกตะลึงกับขนาดของสัตว์ประหลาดที่เกินจินตนาการ พลเอกก็เช่นกัน แต่ในฐานะผู้บัญชาการ เขากลั้นอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ทำหน้าเคร่งขรึมหันไปหาพันเอกรอยแล้วพูดว่า “ใจเย็น ๆ อย่าลืมว่าตอนนี้คุณเป็นใคร”
“ครับ ท่านนายพล”
พันเอกรอยตอบรับคำตำหนิของนายพลทันที
“แจ้งให้ผู้บัญชาการบนเรือลำอื่น ๆ และเหล่าผู้เชี่ยวชาญทราบด้วย”
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ วางกล้องส่องทางไกลลง แล้วหันไปมองสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่ปรากฏเด่นชัดบนผิวน้ำ ไม่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลก็มองเห็นชัดเจนอยู่แล้ว “ภารกิจหลักของพวกเราตอนนี้ คือการนำสัตว์ประหลาดตัวใหญ่โตนี่กลับไปยังแคนาดา โดยไม่ให้สหรัฐอเมริกา ฝ่ายพันธมิตรของเรา ตกใจตื่นตระหนก”
……
“ขอบคุณสำหรับกาแฟนะครับ คุณผู้หญิง”
ที่บ้านของด็อกเตอร์แฮงค์พิม สกอตต์แลงและเพื่อนสนิทอีกสามคนได้มาพบปะกันอีกครั้ง
“มีไม่บ่อยนักหรอกครับ ที่ปล้นบ้านเขา แล้วเขาก็เชิญมาอีก แบบว่าพวกผมเพิ่งปล้นบ้านคุณไปอะ”
ลูอิสเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความตื่นเต้น พลางพูดกับสกอตต์แลงและเพื่อน ๆ ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“คุณแน่ใจนะว่าพวกเขาจะช่วยเรื่องภารกิจของเราได้?”
โฮปหันไปมองเพื่อนของสกอตต์แลงด้วยสายตาสงสัย พลางชี้ไปที่ลูอิส “คุณรู้ใช่มั้ยว่าเขาเคยโดนจับเพราะขโมยเครื่องปั่นน้ำผลไม้”
“จริง ๆ แล้ว สองเครื่องเลยนะครับคุณผู้หญิง”
ลูอิสแก้ไขทันทีที่ได้ยินโฮปพูด พร้อมกับสีหน้าภาคภูมิใจ “ผมทำให้ร้านนั้นเจ๊งไปทั้งวันเลยล่ะ”
“ฉันไม่น่ารับปากเลย”
ด็อกเตอร์แฮงค์พิมอดกลั้นอารมณ์บนใบหน้าไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นลูอิสที่ไม่รู้สึกละอายใจแถมยังดูภูมิใจเสียด้วยซ้ำ “การที่พวกเขามาร่วมด้วยจะทำให้ภารกิจที่ยากอยู่แล้ว ยิ่งยากขึ้นไปอีก”
“เฮ้ ทำใจให้สบายเลยพวกคุณ พวกเราเป็นมืออาชีพ รู้งานดีน่า”
ต่อเรื่องนี้ ลูอิสกับพวกจึงรีบโต้แย้งทันควัน
“ถึงจะทำไม่ได้เหมือนจอมโจรคิดที่เข้ามาแบบเงียบเชียบ ไร้ร่องรอย แต่ อย่างน้อยเราก็แฝงตัวเข้าไปได้อย่างปลอดภัย เหมือนตอนที่เราบุกบ้านผีหลังนั้นไงครับ ขออภัยนะครับ คุณผู้ชาย ผมไม่ได้ตั้งใจพูดอย่างนั้นหรอกครับ ผมแค่เล่าตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง”
“เดี๋ยวนะ ถ้าเป้าหมายของเราคือบริษัทพิมเทคโนโลยีล่ะก็ นั่นไม่ใช่เป้าหมายเดียวกับจอมโจรคิดเหรอ?”
เมื่อได้ยินลูอิสพูด เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มก็ถึงบางอ้อทันที
“จริงด้วย! สุดยอดมากเลยใช่มั้ยล่ะ”
ได้ยินเสียงอุทานนั้น สกอตต์แลงก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
พวกเพื่อนซี้มองหน้ากันแล้วพูดพร้อมกันเสียงดัง “สุดยอดโคตรร~”
“โอ้!”
เห็นท่าทีเช่นนั้น ด็อกเตอร์แฮงค์พิมถึงกับสิ้นหวังตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเสียดายที่เลือกสกอตต์แลงมาทำภารกิจนี้…
วันที่ 24 ธันวาคม คืนคริสต์มาสอีฟ
ซึ่งเป็นวันที่จอมโจรคิดระบุไว้ในจดหมายขู่ว่าจะบุกบริษัทพิมเทคโนโลยี
“ขอบคุณที่คุณมาครับ ผู้กำกับจอร์จ สเตซี่!”
ที่บริษัทพิมเทคโนโลยี ดาร์เรน ครอสจับมือกับผู้กำกับตำรวจนิวยอร์กที่เพิ่งมาถึง พร้อมกับแสดงสีหน้าขอบคุณ
“ผมแค่ทำหน้าที่ของผมเท่านั้นครับ”
จอร์จ สเตซี่ ผู้อำนวยการตำรวจ บีบมือดาร์เรน ครอสเบา ๆ แล้วผละออก ดวงตาคมกริบของเขาปาดมองไปทั่วบริษัทพิมเทคโนโลยี โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากที่ประจำการอยู่รอบ ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ดูเหมือนคุณดาร์เรน ครอสจะมั่นใจเหลือเกินที่จะรับมือกับการโจรกรรมของจอมโจรคิด แม้ไม่ต้องพึ่งกำลังตำรวจเราเลยก็ตาม”
“ผมแค่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าครับ”
ดาร์เรน ครอสยิ้มรับคำพูดของจอร์จ สเตซี่อย่างสุภาพ “อย่างที่รู้กัน จอมโจรคิดที่ส่งจดหมายขู่มาเนี่ย มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถึงกับตำรวจยังเอาตัวไม่รอดเลยครับ”
คำพูดของดาร์เรน ครอส ทำให้สีหน้าของจอร์จ สเตซี่เปลี่ยนไปทันที มืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ ซิดนี่ย์ คุณดูหน้าหัวหน้าสิ ดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
ราฟาเอล ตำรวจอีกนายที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางพนักงานของบริษัทพิมเทคโนโลยี สังเกตเห็นสีหน้าของจอร์จ สเตซี่ที่เปลี่ยนไปขณะคุยกับดาร์เรน ครอส จึงกระซิบผ่านวิทยุสื่อสารเล็ก ๆ ที่ติดตัวไปยังคู่หู
“ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงโกรธไม่ต่างหรอก ราฟาเอล”
ซิดนี่ย์ หญิงสาวผิวสีที่แฝงตัวเป็นพนักงานต้อนรับ ได้ยินเสียงคู่หูจึงตอบกลับไปอย่างเนียน ๆ ว่า “วันนี้เป็นคืนคริสต์มาสอีฟนะ เพราะเรื่องของจอมโจรคิด หัวหน้าเลยต้องทิ้งโอกาสที่จะได้อยู่กับครอบครัว ทำให้เขาโกรธอยู่แล้ว ดาร์เรน·ครอสก็ยิ่งมาโอ้อวดใหญ่โต ทำให้ทั้งนิวยอร์กต่างรู้จักการก่อเหตุของจอมโจรคิดครั้งนี้ไปทั่ว ทางผู้บังคับบัญชาสั่งมาแล้ว ถ้าเราจับจอมโจรคิดไม่ได้ ผลที่ตามมาคงไม่ดีแน่ อาจจะต้องลืมวันหยุดคริสต์มาสไปได้เลย”
“พวกที่นั่งพูดจาแต่ปากอย่างเดียวมันจะรู้เรื่องอะไร แม้แต่ฝ่ายอเวนเจอร์สยังเอาตัวจอมโจรคิดไม่ได้เลย เราพวกตำรวจธรรมดาอย่างเราจะทำอะไรได้ ถ้าเราจับจอมโจรคิดได้ไปแล้วล่ะก็ คงได้เข้าร่วมทีมอเวนเจอร์สไปนานแล้ว จะมาทำงานในสถานีตำรวจอยู่ทำไม” ราฟาเอลโต้ตอบ
“อย่าฝันไปเลย ราฟาเอล ทีมอเวนเจอร์สไม่รับคนที่มีพุงพลุ้ยเข้าร่วมหรอก”
“ถ้าผมออกกำลังกายอย่างหนักล่ะ ไม่ถึงสามเดือนก็ต้องมีซิกแพคแล้ว!”
“ขอโทษนะครับ ผู้กำกับจอร์จ·สเตซี่ ผมมีธุระต้องไปจัดการต่อ” ดาร์เรน·ครอสรีบกล่าวขอตัว
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจอร์จ·สเตซี่ ดาร์เรน·ครอสก็ฉุกคิดได้ทันที ว่าตนเองอาจจะไปแตะต้องจุดอ่อนของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่ดาร์เรน ครอสกำลังคิดหาวิธีรับมืออยู่นั้น สายตาเขาเหลือบไปเห็นเงาบางอย่างที่หน้าทางเข้าบริษัทพิมเทคโนโลยี จึงรีบขอโทษจอร์จ สเตซี่ทันที
“ยินดีต้อนรับคุณ……”
“ด็อกเตอร์รี๊ด ริชาร์ดส์ แห่งแฟนแทสติกโฟร์ครับ!”
หลังจากจบการสนทนากับจอร์จ สเตซี่ ผู้กำกับที่ตอนนี้หน้าตาบึ้งตึงอยู่ ดาร์เรน ครอสก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับสมาชิกแฟนแทสติกโฟร์อีกสามคน ที่ปรากฏตัวอยู่ที่บริษัทพิมเทคโนโลยี
“ผมให้ความสนใจในงานวิจัยของคุณมาโดยตลอด โดยเฉพาะความสำเร็จในการวิจัยเกี่ยวกับพายุจักรวาล ที่จริงแล้ว ถ้าวิคเตอร์วอนดูมไม่ได้ลงทุนกับคุณก่อน บริษัทพิมเทคโนโลยีก็พร้อมจะร่วมมือกับคุณในการทดลองนี้เช่นกัน”
“ไม่เป็นไรครับ ถึงจะพลาดโอกาสในการร่วมงานกับโครงการพายุจักรวาล แต่ผมก็ยังค้นพบเทคโนโลยีสุดมหัศจรรย์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ผมเชื่อว่าเมื่อด็อกเตอร์รี๊ดได้เห็นแล้ว จะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน”
“ผมรอคอยอยู่นะครับ”
รี๊ดแสดงสีหน้าแสดงความคาดหวังตามคำพูดของดาร์เรน ครอส
“ขออภัยด้วยนะครับ ด็อกเตอร์รี๊ด ผมมีแขกอีกกลุ่มที่ต้องไปต้อนรับ”
แม้ในใจอยากพูดคุยกับรี๊ดต่อ แต่ผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่มารุมล้อมอยู่ที่บริษัทพิมเทคโนโลยี ทำให้ดาร์เรน ครอสต้องเก็บความคิดนั้นไว้ก่อน
สำหรับรี๊ด นักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้า การได้รับการยอมรับย่อมมีความสำคัญ แต่หากโลกได้รู้จักชุดเยลโลว์แจ็คเก็ต นั่นจะเป็นการช่วยผลักดันการพัฒนาในอนาคตของเขาอย่างมหาศาล ทั้งอนาคตของบริษัทพิมเทคโนโลยีและอนาคตของตัวเขาเอง ดาร์เรน ครอส
“เราจะอยู่ต่อที่นี่จริง ๆ เหรอ”
เดอะติงเอื้อมมือไปดึงเนคไท ความคุ้นเคยกับการไม่ใส่เสื้อทำให้สูทสั่งตัดตัวนี้รู้สึกเกะกะไปหน่อย
“งานวิจัยของดาร์เรน ครอส น่าสนใจมาก ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาว่า นั่นอาจเป็นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกได้เลยทีเดียว”
มิสเตอร์แฟนตาสติก รี๊ด อธิบายทันทีเมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อน
ในฐานะนักวิจัย เขาไม่สามารถปฏิเสธพลังของเทคโนโลยีในชุดเยลโลว์แจ็คเก็ตได้
“แต่ฉันรู้สึกว่าไอ้หมอนั่นไม่ใช่คนดี มันให้ความรู้สึกเหมือนด็อกเตอร์ดูมที่เคยเจอเลย”
เดอะติงหันไปมองดาร์เรน ครอส ที่กำลังพูดคุยกับสื่ออย่างคล่องแคล่ว คิ้วของเขาขมวดแน่น
“เรามาที่บริษัทพิมเทคโนโลยีเพื่อมาเยี่ยมชมงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จเท่านั้นนะ”
มิสเตอร์แฟนตาสติก รี๊ด ดูจะไม่เห็นด้วยกับเดอะติงนัก เขาตอบกลับไปแบบลอย ๆ แต่ก็สังเกตเห็นสีหน้าไม่ปกติของซูซาน
“เป็นอะไรไป”
“ไม่มีอะไร”
ซูซานส่ายหน้าเบา ๆ คลายความขมวดคิ้วลง
เมื่อครู่ เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผ่านไปข้าง ๆ ตัว แต่พอสังเกตดี ๆ ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
บนเพดานเหนือศีรษะของซูซาน ซึ่งเธอเองมองไม่เห็น ณ ช่องระบายอากาศของบริษัทเทคโนโลยีพิม มดจำนวนมหาศาลกำลังเคลื่อนพลเป็นแถวเป็นแนวสีดำยาวเหยียด ทัพมดดำทะมึนไต่ไปยังห้องปฏิบัติการ ใจกลางเหตุการณ์สำคัญในคืนนี้อย่างไม่ลดละ
(จบตอน)
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_