ตอนที่แล้วบทที่ 551 ชัยชนะของศิลปะการต่อสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 553 เงาใต้ท้องทะเล

บทที่ 552 จดหมายประกาศล่วงหน้าปรากฏอีกครั้ง


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 552 จดหมายประกาศล่วงหน้าปรากฏอีกครั้ง

จดหมายประกาศล่วงหน้า: เสียงระฆังแห่งราตรีจะดังขึ้นในไม่ช้า ขณะที่ทุกคนเฝ้ารอรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้า กระผมจะปรากฏกายในโลกมหัศจรรย์ที่พลิกผันกลับด้านนี้ เพื่อนำเกราะปีศาจสีเหลืองไป

——จอมโจรคิด

……

“จอมโจรคิดงั้นเหรอ?” ด็อกเตอร์แฮงค์พิมมองจดหมายประกาศล่วงหน้าที่ปรากฏเด่นบนหน้าหนังสือพิมพ์ พลางขมวดคิ้ว

ขณะนั้นเอง โฮป ลูกสาวของด็อกเตอร์ ก็ได้รับโทรศัพท์จากดาร์เรน ครอส ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งสองสบตากันอยู่

“ดูเหมือนว่าสิ่งที่หนังสือพิมพ์เขียนไว้จะเป็นความจริง”

พอวางสายจากดาร์เรน·ครอสแล้ว โฮปขมวดคิ้ว มองประกาศบนหน้าหนังสือพิมพ์อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนหันไปพูดกับด็อกเตอร์แฮงค์·พิม พ่อของเธอว่า “ดาร์เรน·ครอสเจอจดหมายนั้นวางอยู่บนโต๊ะทำงานตอนเช้าค่ะ เขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั่วบริษัทแล้ว แต่ก็หาคนวางไม่ได้ ถึงจะรู้สึกไม่สบายใจกับประกาศของโจรลึกลับ แต่เขาก็คิดว่านี่เป็นโอกาสประชาสัมพันธ์ที่ดี เลยไม่ปิดบังอะไร และรีบบอกเรื่องนี้กับฉันทันที ตอนนี้ทางสถานีตำรวจนิวยอร์กเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยชุดเยลโลว์แจ็คเก็ตแล้ว และอย่างที่ดาร์เรน·ครอสบอก เขากำลังจะจัดแถลงข่าวในวันเกิดเหตุ เพื่อโชว์ผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จให้สื่อมวลชนดู”

โฮปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งสองฟัง สีหน้าเคร่งเครียด “ตอนนี้สถานการณ์ยุ่งยากกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย และ……”

ขณะพูด โฮปเหลือบมองสกอตต์·แลงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับด็อกเตอร์แฮงค์·พิม “พ่อคะ เขาไม่พร้อมเลยสักนิด แผนเดิมก็เสี่ยงอยู่แล้ว นี่ยังมีจอมโจรคิดมาสร้างปัญหาอีก สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนที่ยังไม่คุ้นเคยกับชุดจะรับมือไหวหรอกค่ะ ถ้าหากว่า…”

“ไม่มีถ้าหาก!”

ด็อกเตอร์แฮงค์·พิมขมวดคิ้วแน่น ตัดบทโฮปเสียงเข้ม เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ท่าทีดื้อดึงเหมือนเดอะติงไม่มีเปลี่ยน “ทุกอย่างดำเนินการตามแผนเดิม สกอตต์ยังคงเป็นแกนหลักของการปฏิบัติการทั้งหมด”

“พ่อไม่เคยฟังความต้องการของหนูเลย ไม่เคยสักครั้ง!”

ความเย็นชาของด็อกเตอร์แฮงค์·พิม ทำให้โฮปเสียใจอย่างที่สุด เธอมองไปที่ทั้งสองคนในห้องด้วยแววตาเศร้า ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ

ปัง!

เสียงปิดประตูอย่างดังก้องกังวาน เหลือไว้เพียงความเงียบ

“คุณแน่ใจแล้วเหรอครับว่าจะไม่ตามเธอไป?”

สกอตต์·แลงที่อยู่ระหว่างพ่อลูกคู่นี้ มองตามหลังโฮปที่เดินจากไป ก่อนจะหันไปมองด็อกเตอร์แฮงค์·พิมที่นิ่งเงียบ จนได้แต่เอ่ยปากออกมา

“ถ้าตามไปตอนนี้ก็น่าจะทันนะครับ”

“ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องยุ่งด้วย”

หลังจากที่สกอตต์แลงพยายามเกลี้ยกล่อม ด็อกเตอร์แฮงค์พิมก็เก็บสีหน้าเคร่งเครียดไว้ กลับมาหน้านิ่งเหมือนเดิม แล้วจ้องมองสกอตต์แลง พร้อมพูดว่า “เดิมทีฉันคิดว่าการฝึกฝนที่ผ่านมาของนายเพียงพอแล้ว แต่การปรากฏตัวของจอมโจรคิดนั้น มันเกินความคาดหมายของฉันไปมาก เพื่อให้แผนการทั้งหมดดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ฉันคิดว่านายจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างหนักขึ้นอีก เตรียมตัวให้พร้อม สกอตต์แลง การฝึกฝนครั้งต่อไปนี้อันตรายมาก พลาดนิดเดียวก็อาจถึงตายได้”

“อึก!”

เมื่อได้ยินคำเตือนของด็อกเตอร์แฮงค์พิม สกอตต์แลงก็กลืนน้ำลายลงคออย่างเลี่ยงไม่ได้ เขามองไปที่ใบปลิวในหนังสือพิมพ์ พยายามเปลี่ยนเรื่อง พูดว่า “คือว่ามากกว่านั้น คุณไม่สงสัยบ้างเหรอครับว่า จอมโจรคิด เขาทิ้งจดหมายนี้ไว้เพื่อบอกอะไร?”

“เสียงระฆังเที่ยงคืนหมายถึงเวลา 23.45 น. ในขณะที่ทุกคนกำลังต้อนรับองค์พระผู้ช่วยให้รอด องค์พระผู้ช่วยให้รอดหมายถึงพระเยซูคริสต์ และวันประสูติของพระองค์คือวันที่ 25 ธันวาคม โลกที่พลิกผัน พลิกผันในที่นี้หมายถึงการพลิกผันของขนาด และยังหมายถึงบริษัทพิมที่กำลังทำการทดลอง ‘อนุภาคพิม’ ซึ่งก็คือสถานที่ที่จดหมายส่งมา สุดท้าย เกราะปีศาจสีเหลืองนั้น แน่นอนว่าหมายถึงชุดรบเยลโลว์แจ็คเก็ตที่ดาร์เรน ครอสสร้างขึ้น”

เมื่อสกอตต์แลงถามคำถามออกไป ด็อกเตอร์แฮงค์พิมแทบไม่ต้องใช้เวลาคิด ก็วิเคราะห์ความหมายทั้งหมดในจดหมายประกาศได้ทันที

“ตอนนี้ยังมีอะไรสงสัยอีกไหม?”

หลังจากวิเคราะห์ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ด็อกเตอร์แฮงค์พิมมองหน้าสกอตต์แลงที่ดูงง ๆ อยู่ตรงหน้า แล้วถามซ้ำอีกครั้ง

“ไม่มีแล้วครับ”

สกอตต์แลงตอบเสียงเบา โดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกด็อกเตอร์แฮงค์พิมซักถามอย่างเฉียบคม

“ดีมาก งั้นต่อไปเปลี่ยนชุดรบกันเถอะ เราต้องวางแผนใหม่ คราวนี้ที่นายต้องระวัง ไม่ใช่แค่ดาร์เรน ครอสกับระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทเท่านั้น แต่ยังต้องระวังสายตาของจอมโจรคิดด้วย เราต้องคว้าชุดรบมาให้ได้ก่อนที่มันจะได้ไป”

“หมายความว่า…คราวนี้ผมจะได้เผชิญหน้ากับจอมโจรคิดจริง ๆ สินะครับ?”

สกอตต์แลงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อได้ยินคำเตือนจากด็อกเตอร์แฮงค์พิม สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปกระทันหัน เปล่งประกายด้วยความมั่นใจที่ไม่เคยมีมาก่อน

“ดูเหมือนนายจะตื่นเต้นมากเลยนะ”

ด็อกเตอร์แฮงค์พิมสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของสกอตต์แลง จึงถามด้วยความสงสัย

“แน่นอนสิครับ นี่มันจอมโจรคิดเลยนะ ตำนานโจรผู้ยิ่งใหญ่ที่ก่อคดีสะเทือนนิวยอร์กทั้งเมือง หลอกล่อตำรวจจนหัวปั่นแต่ก็ยังลอยนวลอยู่ได้ ผมได้ยินเรื่องของเขาจากในคุกมาตั้งนานแล้ว เขาเป็นตำนานเลยล่ะ แถมยังมีข่าวลือว่าจอมโจรคิดเคยปะทะกับเหล่าอเวนเจอร์สในเมืองมาแล้วด้วย แม้แต่อเวนเจอร์สเมืองยังจับตัวเขาไม่ได้เลย”

สกอตต์แลง ขโมยตัวเล็ก ๆ ที่ลำบากเพราะชีวิต เขาคิดเรื่องจอมโจรคิดในตำนานต่างจากคนอื่น เพราะอีกฝ่ายก็เหมือนเพื่อนร่วมอาชีพ แม้ว่าจอมโจรคิดจะยังคงออกอาละวาดในนิวยอร์ก ส่งจดหมายขู่ตำรวจแล้วก็หนีรอดไปได้ทุกครั้ง แต่ตัวสกอตต์กลับพลาดท่าเข้าคุก และตอนนี้เพื่อจะล้างบาปในอดีต เขาจึงจำเป็นต้องกลับมาทำงานเก่าอีกครั้งภายใต้การบังคับขู่เข็ญของด็อกเตอร์แฮงค์พิม ในฐานะแอนท์แมนเพื่อขโมยชุดรบของเยลโลว์แจ็คเก็ต

“ฉันไม่สนหรอกว่านายจะคิดยังไงกับจอมโจรคิดคนนี้ แต่สกอตต์แลง นายต้องเตรียมใจไว้ให้ดี แผนการครั้งนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก ถ้านายล้มเหลว อย่าหวังเลยว่าฉันจะไปช่วย จริง ๆ แล้ว หลังจากนายเข้าไปในบริษัทเทคโนโลยีพิมแล้ว ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวนายและเหล่ามดที่นายควบคุมเท่านั้น”

“……”

เมื่อได้ยินคำเตือนจริงจังจากด็อกเตอร์แฮงค์พิม สกอตต์แลง ซึ่งกำลังตื่นเต้นเพราะคิดว่าตัวเองเป็นจอมโจร ก็เงียบลงทันที

เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าตอบเสียงหนักแน่นว่า “ครับ ผมรู้แล้วว่าผมควรทำยังไง”

……

มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เป็นหนึ่งในมหาสมุทรทั้งสี่ของโลก และยังเป็นแหล่งประมงสำคัญของโลกอีกด้วย

อดีต มหาสมุทรแอตแลนติกเคยมีปริมาณการทำประมงมากที่สุดในโลก ถึงแม้ปัจจุบันจะลดลงมาเป็นอันดับสองรองจากมหาสมุทรแปซิฟิกหลังปี ค.ศ. 1960 แต่ปริมาณการจับปลาต่อพื้นที่ก็ยังคงเป็นอันดับหนึ่งของโลก

ดังนั้น จึงมีเรือประมงน้ำลึกนับหมื่นลำแล่นฝ่าคลื่นลม มุ่งหน้าสู่แหล่งประมงธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์นี้ เพื่อทำการประมง

เรือประมงเกแบ็ก เป็นเพียงเรือประมงลำเล็ก ๆ ลำหนึ่งในเรือประมงน้ำลึกมากมายนับไม่ถ้วน

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

บนเรือประมง ลูกเรือชาวผิวขาวเคราเฟิ้ม มองความเสียหายของอวน แล้วขมวดคิ้วถาม

“แย่หน่อย!”

เสียงตะโกนด้วยความเหนื่อยล้า ลูกเรือลากอวนตาข่ายชุดสุดท้ายขึ้นเรือ มองปริมาณปลาที่น้อยนิด ก็ยิ่งรู้สึกท้อแท้

งานลูกเรือประมงน้ำลึกนั้นเหนื่อยยากทั้งกายและใจ โดยเฉพาะเรือประมงน้ำลึกที่มักลอยลำกลางทะเลหลายเดือนก่อนกลับฝั่ง รายได้ของพวกเขามีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับผลผลิตการทำประมง หากได้น้อย รายได้ก็ลดลงอย่างมาก

“ตายจริง ช่วงนี้เราโดนสาปหรือยังไงกัน หกเจ็ดรอบแล้วที่ไม่ได้อะไรมีค่าเลย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป กลับถึงฝั่งผมก็คงต้องหาทางออกกันแล้วล่ะ”

“นี่มันยังดีซะอีก ฉันยังต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูมหาศาลอีก ถ้าทริปนี้ไม่ได้อะไรกลับมาดี ๆ ล่ะก็ ฉันตัดสินใจไม่กลับฝั่งแล้ว”

เห็นได้ชัดว่า การทำประมงของเรือเกแบ็กในครั้งนี้ไม่ราบรื่นเลย

ที่จริงแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การประมงที่มากเกินไป ทำให้ทรัพยากรประมงของแคนาดาใกล้หมดลง เรือประมงหลายลำจับปลาได้น้อยมาก ปลาที่มีน้อยกว่าความต้องการมหาศาล จึงกลายเป็นสภาพปัจจุบันของอุตสาหกรรมประมงนอกชายฝั่งแคนาดา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รอบ ๆ ตัวพวกเขายังมีสหรัฐอเมริกาชาติมหาอำนาจที่ไม่ยอมใครคอยกดดันอยู่ด้วย

สหรัฐอเมริกาไม่เพียงแต่กดขี่แคนาดาบนแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังแสดงอิทธิพลอย่างแข็งกร้าวในอุตสาหกรรมประมงนอกชายฝั่งในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือด้วย

ในทางกลับกัน รัฐบาลแคนาดาขาดการวางแผนระยะยาว ทำให้อุตสาหกรรมประมงของพวกเขาเน้นการจับปลาเพียงไม่กี่ชนิด ส่งผลให้การประมงที่เปราะบางอยู่แล้ว ยิ่งเปราะบางเข้าไปใหญ่เพราะความหลากหลายของสินค้าที่น้อยนั่นเอง

แน่นอนว่า ปัญหาโครงสร้างของอุตสาหกรรมประมงแคนาดาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ลูกเรือหาเช้ากินค่ำบนเรือเกแบ็กต้องกังวล

สิ่งที่พวกเขาสนใจคือ การทำประมงนอกชายฝั่งครั้งนี้จะได้เงินมากพอหรือไม่ และเห็นได้ชัดว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ผลลัพธ์คงไม่น่าพึงพอใจนัก

“เอาล่ะ พอได้แล้ว”

ขณะขมวดคิ้ว ชายชราที่ดูอายุมากกว่าคนอื่น ๆ สั่งให้ทุกคนหยุดบ่น

เขามองไปที่ปลาในอวนที่จับได้น้อยนิด “มีเวลามาบ่น ก็เอาเวลาไปซ่อมแซมอวนเถอะ ถ้ายังมีเวลาเหลือ ก็ลองหาปลาแถวนี้ดูอีกหน่อย พวกเราก็ไม่ใช่เด็กใหม่ที่เพิ่งขึ้นเรือ ถ้าทริปนี้ได้น้อยกว่าที่คาดหวัง ก็เท่ากับเป็นการขาดทุนสำหรับทุกคน”

คำพูดของคนแก่ที่เปี่ยมประสบการณ์ดูเหมือนได้ผล เหล่านักประมงถึงแม้ยังบ่นเรื่องดวงตกของทริปนี้ไม่เลิก แต่ก็ขยันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เวลาผ่านไปไม่นาน พวกเขาไม่อาจซ่อมแซมแหที่ชำรุดเสียหายไม่ได้แล้ว จึงช่วยกันนำแหที่ตากแห้งไปวางในน่านน้ำที่เลือกไว้ แล้วก็เริ่มคุยกันไปเรื่อยเปื่อย

“ถ้ามีกัปตันอเมริกา ทำไมเราถึงไม่มี ‘กัปตันแคนาดา’ ล่ะ?”

“บางทีก็มีนะ แค่เราไม่รู้เท่านั้นเอง”

บนทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ทิวทัศน์เป็นสิ่งไร้ค่าที่สุด โดยเฉพาะเหล่านักประมงเรืออวนลาก พวกเขาชินกับทะเลที่ซ้ำซากจำเจแบบนี้ไปแล้ว จึงไม่นานเรื่องคุยก็เปลี่ยนจากเรื่องผู้หญิงมาเป็นเรื่องซูเปอร์ฮีโร่

“บางทีรัฐบาลเราก็กำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่ลับ ๆ ก็ได้”

“ช่างเถอะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขากล้าทำแบบนั้น จะเชื่อรัฐบาลเรายังดีกว่าเชื่อพวกอเวนเจอร์ส ถ้าเกิดมีภัยอะไรขึ้นมาล่ะก็ ฉันว่านายกรัฐมนตรีหน้าหวานคนนั้นก็ต้องวิ่งไปขอร้องอเวนเจอร์สที่ทำเนียบขาวอยู่ดี”

เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ แคนาดาถึงแม้ไม่อยากเลย แต่ก็ต้องพึ่งพาอำนาจของสหรัฐอเมริกาอยู่ดี

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดกระแสต่อต้านอเมริกาในหมู่ชาวแคนาดาไม่น้อย

โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมประมงที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว ถึงแม้ชาวแคนาดาจะไม่พอใจนายกรัฐมนตรีที่อ่อนแอของตนแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก

อย่างที่พูดไป ถึงแม้แคนาดาจะเป็นประเทศหนึ่ง แต่การกระทำกลับต้องคอยดูสีหน้าของสหรัฐอเมริกาอยู่เสมอ

แม้จะแสดงท่าทีต่อต้านออกมาบ้าง แต่สุดท้ายก็นอบน้อมเหมือนหมาเลียเจ้านาย

จากการพูดคุยเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ไปจนถึงการบ่นเรื่องรัฐบาลแคนาดา อารมณ์ของเหล่านักเดินเรือก็ยิ่งตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ

ทว่า พวกเขากลับไม่ทันสังเกตความเงียบผิดปกติของทะเลรอบตัว

จนกระทั่ง——

โครม! ฟู่ม!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวและเสียงเสียดแทงดังขึ้น เรือเดินสมุทรเกแบ็กราวกับถูกแรงลึกลับดึงรั้ง เรือประมงที่แล่นอยู่ก็หยุดชะงักทันที

แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้นักเดินเรือที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงกระแทกพื้นดาดฟ้า

โชคดีที่ชีวิตที่ต้องเผชิญแดดเผาและลมพัดทำให้เหล่านักเดินเรือส่วนใหญ่ผิวหนังหนา มีเพียงบางคนที่โชคร้ายไปชนกับเหลี่ยมมุมแหลมคมบนเรือจนหัวแตกเลือดไหล นอกนั้นก็ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เรือดี ๆ อยู่ ๆ ก็หยุดเองได้ยังไง?!”

ถึงจะบาดเจ็บเล็กน้อย แต่นักเดินเรือส่วนใหญ่ก็โวยวายอลม่าน เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก พวกเขาแทบตั้งตัวไม่ทัน

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หรือว่าระบบขับเคลื่อนของเรือมีปัญหา?”

กะลาสีชราผู้มากประสบการณ์พยายามตะโกนปลอบประโลมนักเดินเรือที่กำลังสับสน พร้อมกับเดาไปตามประสบการณ์

“ระบบขับเคลื่อนไม่มีปัญหาครับ กัปตันบอกว่าทุกอย่างปกติ”

แต่ นักเดินเรือที่ออกมาจากห้องเครื่องกลับปฏิเสธคำเดาของกะลาสีชรา

“งั้นมันเกิดจากอะไร หรือว่าตาข่ายเราไปเกี่ยวติดกับแนวปะการังใต้น้ำ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของกะลาสีชราที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลาก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้น

(จบตอน)

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด