บทที่ 516: การเดินทางในอวกาศ
เด่นเกินไปแล้ว... เฉียวซางเอามือปิดหน้าด้วยความลำบากใจ
บนยานอวกาศมีกฎห้ามต่อสู้ ดังนั้นเหตุการณ์ทะเลาะกันจึงไม่ได้เกิดขึ้น
ทั้งสี่คนเดินมายังโซนร้านอาหารและเลือกที่นั่งลงบนโต๊ะ
"จะดื่มอะไรกันดี?" เจ้าหน้าที่เฉินถาม
"อะไรก็ได้ครับ"
"อะไรก็ได้เหมือนกันค่ะ"
"โคล่าค่ะ" เฉียวซางตอบขึ้น
เจ้าหน้าที่เฉินแตะไปยังพื้นที่ที่มีสัญลักษณ์บนโต๊ะอาหาร จากนั้นจอภาพเสมือนจริงขนาดประมาณ 10 เซนติเมตรก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
"โคล่าสี่แก้ว" เจ้าหน้าที่เฉินกล่าว
ทันทีที่เขาพูด ภาพและข้อความของโคล่าพร้อมจำนวนก็ปรากฏขึ้นบนจอ ก่อนจะหายไปในไม่กี่วินาที
เพียงไม่กี่วินาทีถัดมา โคล่าสี่แก้วก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะราวกับออกมาจากความว่างเปล่า
เฉียวซางชะงักไปชั่วขณะ พลางคิดในใจ หรือว่าครัวหลังบ้านของยานอวกาศจะมีสัตว์อสูรที่เชี่ยวชาญข้ามพิกัดมิติทำงานอยู่?
"ไม่ใช่ว่าเธอเคยพูดไว้ว่าอยากเจอเฉียวซางหรอกเหรอ? แต่พอเจอตัวจริงกลับเงียบซะงั้น" เจ้าหน้าที่เฉินหันไปพูดกับเด็กสาวที่สวมหมวกเบเร่ต์หนังที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
อยากเจอฉันเหรอ? เฉียวซางหยิบแก้วโคล่ามาดื่มพลางมองไปทางนั้น
เด็กสาวมีท่าทีเก้อเขิน ยังไม่ทันพูดอะไร เจ้าหน้าที่เฉินก็เริ่มแนะนำแทนแล้ว
"เธอชื่อหยางเจียอี้ มาจากภูมิภาคจ้งเต่า และเป็นแชมป์การแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติประเภทการประสานงานเดี่ยวในระดับมัธยมปลายปีสาม เมื่อวานเธอมาถึงภูมิภาคเย่หัวและพูดว่าอยากเจอเธอ"
พูดจบเขาก็หันไปมองทางถังอี้และอีกคน "ส่วนเฉียวซางนี่ไม่ต้องแนะนำแล้ว พวกเธอสองคนรู้จักกันอยู่แล้ว"
"สวัสดี ฉันชื่อหยางเจียอี้" เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มุมปากมีรอยยิ้มที่ดูสง่างาม
อ๋อ ที่แท้ก็แชมป์การแข่งขันประสานงานเดี่ยวระดับประเทศนี่เอง เฉียวซางพยักหน้าตอบรับ "สวัสดี"
ถังอี้เกาหัวพลางพูด "เราพึ่งเจอกันไม่นานนี้เอง เธอยังไม่ลืมฉันใช่ไหม?"
"แน่นอนสิ รองแชมป์" เฉียวซางตอบพร้อมรอยยิ้ม
ถังอี้: "..."
หยางเจียอี้เกือบหลุดหัวเราะ เธอไม่คิดว่าคนที่ถูกขนานนามว่า "ผู้พิชิตนักเรียนมัธยมปลายปีสาม" อย่างเฉียวซางจะมีนิสัยแบบนี้
นึกว่าจะเป็นคนที่เข้าถึงยากซะอีก...
เจ้าหน้าที่เฉินมองดูบรรยากาศของทั้งสามคนที่ดูผ่อนคลาย ก็ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก
ทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้า โดยเฉพาะเฉียวซาง
จากที่ฟังรุ่นพี่ที่เคยส่งนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างดวงดาวไปยังดาวอื่นเล่าให้ฟัง อัจฉริยะเหล่านี้บางคนจัดการยากเป็นพิเศษ ถ้าแค่เจอพวกหยิ่งทะนงไม่สุงสิงกับใครยังพอรับมือได้ แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือเจอพวกที่ไม่มีใครยอมใครจนต้องให้เจ้าหน้าที่คอยไกล่เกลี่ยตลอดการเดินทาง
ก่อนมาเจ้าหน้าที่เฉินกังวลที่สุดว่าเฉียวซางอาจจะเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ เพราะความเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นกว่าใครในประวัติศาสตร์ของนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างดวงดาวที่ผ่านมา เธอจึงได้รับความสำคัญจากประเทศเป็นอย่างมาก
ตราบใดที่เฉียวซางสามารถเข้ากับอีกสองคนได้ดี การเดินทางครั้งนี้ก็น่าจะราบรื่น
สองชั่วโมงต่อมา ยานอวกาศก็เตรียมออกเดินทาง
“เรียนผู้โดยสารทุกท่าน โปรดทราบ ยานอวกาศ YH-33 ของเราใกล้จะออกเดินทางแล้ว ขอให้ผู้โดยสารอยู่ในที่นั่งของตัวเอง และงดการเดินไปมา ภายในช่วงเวลา 7 นาทีต่อจากนี้ เราจะเข้าสู่ห้วงอวกาศ และผู้โดยสารสามารถไปยังพื้นที่พักผ่อนได้ ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับการเดินทางท่องเที่ยวในดวงดาวค่ะ!”
เสียงประกาศดังขึ้น พร้อมกับยานอวกาศขนาดมหึมาที่พุ่งออกจากโลกด้วยแสงจ้าราวกับสายฟ้า
เมื่อเข้าสู่ห้วงอวกาศ เครื่องยนต์ความเร็วเหนือแสงเริ่มทำงาน ความเร็วของยานเพิ่มขึ้นจนเกินขีดจำกัดของแสง
ในช่วง 7 นาทีแรก ยานยังสั่นเล็กน้อย แต่เมื่อเข้าสู่ห้วงอวกาศ ทุกอย่างกลับนิ่งสนิทจนแทบไม่มีการเคลื่อนไหว
เฉียวซางอยู่ในห้องพัก เธอเกาะขอบผนังใสที่ออกแบบให้มองเห็นภายนอกได้ ดวงตาของเธอเป็นประกาย
อวกาศ! ฉันมาแล้ว! เฉียวซางตะโกนในใจ
การเดินทางระหว่างดวงดาว การได้เห็นความงดงามของจักรวาลใกล้ๆมันคือความฝันของใครหลายคน!
มีใครบ้างที่ไม่อยากล่องลอยในอวกาศ?
แต่ในชาติที่แล้ว เธอจากโลกใบนั้นไปเร็วเกินไป ไม่ทันได้รอให้เทคโนโลยีพัฒนาจนคนธรรมดาอย่างเธอสามารถเดินทางสู่อวกาศได้
แต่ถึงจะรอไหวก็เถอะ...ดูทรงแล้วก็ไม่น่าจะมีกะตังค์ไปอยู่ดี
แต่ไม่เป็นไร
ตอนนี้!
ณ เวลานี้!
เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว!
และไม่ได้เสียเงินแม้แต่เหรียญเดียว!
เฉียวซางมองออกไปข้างนอกด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกาะอยู่ตรงผนังใสประมาณสิบกว่านาที เธอก็เริ่มสงบลง
ความฝันที่สวยงาม มักมาพร้อมกับความจริงที่โหดร้าย
ไม่มีอะไรที่เรียกว่า "ดวงดาวสว่างไสว" มีแต่ความมืดมิดรอบด้าน ไม่มีแม้แต่แสงหรือสิ่งที่น่าสนใจ!
ความฝันที่จะได้เห็นจักรวาลระยิบระยับแบบใกล้ชิดพังทลายหมดสิ้น!
ไม่เพียงเท่านั้น ภายนอกที่ดูเหมือนห้วงลึกไร้ที่สิ้นสุดนั้นยังแฝงไปด้วยความเงียบงันที่น่ากลัว เฉียวซางรู้สึกได้ถึงความอึดอัดและความว่างเปล่า
หรือเพราะอวกาศน่ากลัวเกินไป สมองของเธอถึงได้เริ่มอึดอัดแบบนี้...
“ซุน…”
เจ้าตัวซุนเป่าที่เกาะผนังข้างๆเฉียวซางมีท่าทีผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด พลางถอนหายใจราวกับคิดในใจว่า นี่เหรออวกาศที่มันหวังเอาไว้ตั้งนมนาน?
จากมุมมองข้างล่างขึ้นมาข้างบนดูสวยขนาดนั้นแท้ๆ...
"ย่าห์ ย่าห์!"
เสียงของหยาเป่าดังขึ้น
เฉียวซางหันไปมอง
ตั้งแต่ตอนที่เธอกับซุนเป่ามองออกไปนอกยานอยู่พักใหญ่ หยาเป่าก็ใช้ลูกเหล็กแรงโน้มถ่วงฝึกพลังจิตไปมาอยู่สักพักแล้ว
"หิวแล้วเหรอ?" เฉียวซางถาม
"ย่าห์"
หยาเป่าพยักหน้าตอบ
ก่อนที่เฉียวซางจะสั่งให้ซุนเป่าหยิบเม็ดพลังงานที่รองผู้อำนวยการเตรียมไว้ให้ หยางเจียอี้ที่กำลังพับขาและทำท่าโยคะอยู่บนเตียงก็พูดขึ้นมา
"ฉันมีผลประกายเสน่ห์จะลองให้สัตว์อสูรกินดูไหม?"
แม้ว่ารัฐบาลจะใจป้ำ แต่ก็ไม่ได้ใจป้ำขนาดจัดห้องพักแยกให้ทุกคนในโครงการแลกเปลี่ยน เฉียวซางจึงต้องพักร่วมกับหยางเจียอี้ในห้องสองคน
ประกายเสน่ห์? อะไรละนั่น?
จากประสบการณ์ที่เคยเกือบจะกินผลหมื่นเปลว เฉียวซางถามอย่างระมัดระวัง "นี่ของคนกินหรือของสัตว์อสูรกิน?"
หยางเจียอี้ชะงักไปนิดก่อนจะหัวเราะ "สัตว์อสูรกินสิ มันช่วยให้อิ่มและยังเพิ่มความเงางามให้ขนได้ด้วยนะ"
เธออธิบายเพิ่มด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
"พวกที่ต้องเข้าประกวดการประสานงานอย่างเรา มักจะให้สัตว์อสูรกินของพวกนี้เพื่อเสริมเสน่ห์เป็นพิเศษ แต่เธอเน้นสายต่อสู้ ไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก"
อ๋อ ของสัตว์อสูรนี่เอง ดีนะที่ถามก่อน... เฉียวซางคิดในใจ
เธอไม่ได้รู้สึกว่าการถามมันน่าอาย ตรงกันข้าม การถามในสิ่งที่ไม่รู้คือทางลัดสู่การได้ความรู้ที่ถูกต้อง
"งั้นขออันหนึ่งก็พอ" เฉียวซางตอบ
ผลประกายเสน่ห์มีประโยชน์แค่ช่วยเรื่องขนเป็นเงางาม เธอคิดว่าเอามาลองชิมก็พอ ส่วนเม็ดพลังงานพิเศษคงต้องเก็บไว้เป็นอาหารหลักแทน
"ได้เลย" หยางเจียอี้ตอบพลางลุกขึ้นไปค้นกระเป๋า หยิบผลไม้สีเหลืองอ่อนรูปทรงกระสวยที่มีขอบหยักไม่เรียบออกมายื่นให้หยาเป่า พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น "ลองดูสิ"
หยาเป่าใช้จมูกดมก่อนจะกัดเข้าไปคำหนึ่ง
"ย่าห์!"
เสียงร้องของหยาเป่าดังขึ้นอย่างร่าเริง แสดงว่ารสชาติดีใช้ได้ทีเดียว
หยางเจียอี้มองสุนัขเพลิงพร่างพรายตรงหน้า คิดในใจว่า หน้าตา ขน และความสง่างามแบบนี้ ถ้าไม่ส่งเข้าประกวดประสานงานคงน่าเสียดายมาก
เธอเผลอขยับนิ้วอย่างใจเต้น เกือบจะยื่นมือไปลูบขนมัน
แต่ในขณะเดียวกัน ไม่มีใครสังเกตว่าแมวสีเขียวตัวหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากถอดหมวกออกจนเผยใบไม้เล็กๆบนหัว ได้ลืมตาขึ้นมามองเจ้านายมันที่กำลังเอาอกเอาใจกับสัตว์อสูรตัวอื่น ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ