ตอนที่แล้วบทที่ 2 ความโกลาหลใน KTV
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 พี่รองปรากฏตัว

บทที่ 3 อัจฉริยะการทำนาย


###

“เคราะห์เลือดเคราะห์อะไรของนาย! คิดว่าฉันหัวโล้นเพราะโดนขู่เหรอ? ฉันจะบอกให้นะ ไอ้เด็กเวร!” ชายหัวโล้นพูดด้วยความโมโหและเดินตรงมาด้วยท่าทางดุดัน

ปัง!

ทันใดนั้น ขวดเบียร์จากฟ้าตกลงมาอย่างแม่นยำ โดนหัวของชายหัวโล้นเข้าเต็มแรง

ฉึบ—

เลือดแดงสด ไหลอุ่น ๆ ท่วมออกมาจากศีรษะของเขาอย่างหยุดไม่อยู่

“โอย…เจ็บจะตายห่าละ!” ชายหัวโล้นล้มลงไปกลิ้งกับพื้น กุมหัวร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

“เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้วว่าจะมีเคราะห์เลือด นายไม่เชื่อเอง” เฉินเสี่ยวเป่ยพูดด้วยสีหน้าสบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รอบข้างทุกคนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก

ตรอกเล็กนี้อยู่ติดกับ KTV บางครั้งมีขวดตกลงมาก็ไม่แปลก แต่ว่าเฉินเสี่ยวเป่ยรู้เวลาที่มันจะตกลงมาเป๊ะขนาดนี้ได้อย่างไร?

“หรือว่านายจะทำนายได้จริง?” หลานเมิ่งเฉินกระพริบตายาวเป็นแพ ดวงตาเปล่งประกายเหมือนดวงดาวในรัตติกาล เต็มไปด้วยความสงสัย

เฉินเสี่ยวเป่ยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนพยักหน้า “อืม ฉันรู้บ้างนิดหน่อย ถ้าสนใจ ฉันช่วยทำนายให้ได้นะ”

“ไอ้หนุ่ม! เลิกแสร้งทำตัวเป็นอาจารย์หน่อยเถอะ! แค่บังเอิญครั้งเดียว นายคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะหรือไง?” พี่ไก่งวงตะโกนเสียงดัง

“ไม่เชื่อเหรอ?”

เฉินเสี่ยวเป่ยจ้องไปที่ใบหน้าของพี่ไก่งวง ก่อนคำนวณด้วยนิ้วมือ พลางพูดว่า “นาย…พ่อแม่เสียชีวิตหมด นายใช้เวลาสิบปีลำบากลำบนจนมีฐานะมั่นคง แต่ยังถูกกดดันจากคนที่มีอำนาจเหนือกว่า ทำให้ไม่มีทางเติบโตได้ นายว่าฉันพูดถูกไหม?”

คำพูดนี้ทำเอาลูกน้องทุกคนถึงกับตกตะลึง

ทุกคนรู้ดีว่า พี่ไก่งวงลำบากมาก่อน และยังคงถูกคนที่มีอำนาจกดดันอยู่ตลอด ซึ่งทำให้เขายังไม่สามารถขยายอิทธิพลได้เลย

เฉินเสี่ยวเป่ยพูดตรงทุกคำ ไม่มีผิด!

แต่ว่าพี่ไก่งวงกลับส่ายหัว “เรื่องพวกนี้ วงในรู้กันหมด นายเรียกว่านี่คือการทำนายหรือไง? คิดว่าฉันโง่เหรอ?”

“ฉันไม่ได้อยู่ในวงในของพวกนาย” เฉินเสี่ยวเป่ยพูดพลางยักไหล่ “เอางี้ ฉันทำนายสิ่งที่เพิ่งเกิดไปก็แล้วกัน…เมียของนายเพิ่งหนีออกจากบ้านไปเมื่อวาน! เธอเป็นผู้หญิงดี แต่เพราะนายทำให้เธอโกรธ!”

“เวรเอ้ย! นี่นายก็รู้ได้ด้วยเหรอ?” พี่ไก่งวงถึงกับตาโต เขาอึ้งจนพูดไม่ออก

เรื่องนี้เพิ่งเกิดเมื่อคืน และเขาไม่เคยบอกใครเลยเพราะมันน่าอับอาย แต่เฉินเสี่ยวเป่ยกลับรู้ได้อย่างไร!

รอบข้างทุกคนมองเฉินเสี่ยวเป่ยด้วยความทึ่ง

ส่วนหลานเมิ่งเฉินเองก็มองเฉินเสี่ยวเป่ยด้วยแววตาเปิดกว้าง ริมฝีปากอ้าค้างอย่างน่ารัก

“อาจารย์! คุณคืออาจารย์ของผม! สุดยอดยิ่งกว่าทำนายอนาคต! ผมเคารพคุณอย่างสุดหัวใจ!” พี่ไก่งวงพูดพลางคุกเข่าขอร้อง “ผมเสียใจที่ทำให้เมียโกรธจนหนีไป ได้โปรดช่วยผมคืนดีกับเธอที!”

“ฉันช่วยได้ แต่มีข้อแม้ นายต้องรับปากว่าจะไม่ยุ่งกับเพื่อนของฉันอีก” เฉินเสี่ยวเป่ยพูดพลางตบไหล่หลานเมิ่งเฉิน

หลานเมิ่งเฉินที่ตกใจตั้งแต่ต้นยังคงซบอยู่ในอ้อมแขนของเฉินเสี่ยวเป่ย โดยไม่ขยับตัว

“อาจารย์วางใจได้! ถ้าคุณช่วยผมได้ คุณจะเป็นพี่ใหญ่ของผม ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็จะเป็นพี่สะใภ้ของผม ผมจะเคารพพวกคุณตลอดชีวิต!” พี่ไก่งวงพูดด้วยความมั่นใจ

“อย่าพูดจาเหลวไหล! พี่สะใภ้อะไรกัน…” หลานเมิ่งเฉินพูดอย่างอายหน้าแดงก่ำ ก่อนรีบผละออกจากอ้อมแขนของเฉินเสี่ยวเป่ย

เธอเขินจนหน้าแดงเหมือนลูกแอปเปิล ทำให้ดูน่ารักน่าหลงใหลจนเฉินเสี่ยวเป่ยเองก็อดใจไม่ไหว

กลุ่มลูกน้องของพี่ไก่งวงต่างก็ตะลึงในความงามของหลานเมิ่งเฉิน แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะกลัว “อาจารย์” ของพวกเขา

“พวกนายรอก่อนนะ! อย่าเข้ามา!” เฉินเสี่ยวเป่ยพูด ก่อนเดินไปอีกมุมหนึ่ง

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดกล่องสมบัติ ซึ่งในนั้นมียันต์คู่รักสามใบ เขาตัดสินใจจะใช้มันทันที

ยันต์คู่รัก: เขียนชื่อของทั้งสองฝ่าย จะสร้างสายสัมพันธ์รักขึ้นมา ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความพยายามของทั้งคู่ จะใช้หรือไม่?

“ใช้แล้วยังไม่แน่ว่าจะได้ผล? นี่มันเหมือนสิ่งไร้ประโยชน์เลยนะเนี่ย?”

เฉินเสี่ยวเป่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะกดปุ่มดึงยันต์คู่รักออกมาโดยไม่ลังเล

ของที่เหมือนจะไม่มีประโยชน์แบบนี้ ให้คนอื่นไปก็ไม่เสียใจอะไร

“เอานี่ไป เขียนชื่อนายกับเมียของนายลงไป” เฉินเสี่ยวเป่ยส่งยันต์คู่รักให้พี่ไก่งวง

พี่ไก่งวงที่จริงจังและรู้สึกสำนึกผิดรีบเขียนชื่อตัวเองกับเมียลงไปทันที

“เขียนเสร็จแล้ว!” พี่ไก่งวงตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ดีมาก ทีนี้นายก็กลับไปบ้าน ตั้งใจสวดมนต์ถือศีล เมียของนายจะกลับมาเอง” เฉินเสี่ยวเป่ยกล่าว

“สวดมนต์ถือศีล?” พี่ไก่งวงทำหน้าสิ้นหวัง “ผมอ่านหนังสือทีไรก็ง่วงทุกที แล้วไม่มีเนื้อกินก็จะกินข้าวไม่ลง จะให้ผมทำยังไง?”

“เลิกพูดมาก! ถ้านายไม่ทำให้จริงใจ เมียนายก็ไม่กลับมา อย่ามาโทษฉัน! แล้วนายควรให้ลูกน้องของนายสวดมนต์ถือศีลด้วย มันจะได้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น!” เฉินเสี่ยวเป่ยกล่าวอย่างไม่แยแส

จริง ๆ แล้วการใช้ยันต์คู่รักไม่จำเป็นต้องสวดมนต์ถือศีล แต่เฉินเสี่ยวเป่ยจงใจจะทำให้พวกนักเลงกลุ่มนี้เรียนรู้ชีวิตสงบเสงี่ยมบ้าง

“ครับ! ผมจะทำตามที่อาจารย์บอก! ก่อนเมียผมจะกลับมา ผมกับลูกน้องจะสวดมนต์ถือศีลทุกวันแน่นอน!” พี่ไก่งวงพยักหน้าตอบรับด้วยความมุ่งมั่น

ลูกน้องนักเลงทั้งหลายถึงกับทำหน้าซีด “หัวหน้า! อย่าทำแบบนี้เลย! รอแค่วันสองวันเรายังพอทนได้ แต่ถ้าพี่สะใภ้ไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ พวกเราต้องบวชจริง ๆ หรือ?”

“เลิกบ่นได้แล้ว! อาจารย์บอกว่าสำเร็จก็ต้องสำเร็จ! รีบกลับไป อย่ามาขวางอาจารย์จีบสาว!” พี่ไก่งวงที่เชื่อเฉินเสี่ยวเป่ยสุดหัวใจไล่ลูกน้องออกไปทันที

เมื่อกลุ่มนักเลงจากไป หลานเมิ่งเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในที่สุดก็ปลอดภัยแล้ว”

เธอเอามือทาบหน้าอกอย่างโล่งใจ ก่อนกล่าวอย่างจริงจังว่า “ขอบคุณมากที่ช่วยฉันไว้ ฝากเบอร์โทรไว้หน่อยสิ ไว้ฉันเลี้ยงข้าวตอบแทน”

เมื่อหลานเมิ่งเฉินสงบลง เธอกลับมามีท่าทางเยือกเย็นสง่างามยิ่งขึ้น ความงามที่สงบและไร้ที่ติของเธอยิ่งทำให้เฉินเสี่ยวเป่ยตะลึง

“สวยจริง ๆ เลย…” เฉินเสี่ยวเป่ยนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มพลางบอกเบอร์โทร

“เลิกพูดเล่นได้แล้ว ฉันไม่ชอบผู้ชายปากหวาน” หลานเมิ่งเฉินพูดพลางมองเฉินเสี่ยวเป่ยอย่างตำหนิ “ฉันกลับก่อนนะ แล้วเจอกันวันเสาร์”

“อย่าเพิ่งไปสิ! ฉันกลับทางเดียวกัน ฉันก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชิงเถิงเหมือนกัน” เฉินเสี่ยวเป่ยรีบเดินตามเธอ

“จริงเหรอ? เราเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกัน?”

“นั่นสิ เรียกว่าพรหมลิขิตเลยก็ว่าได้!”

“นายเรียนการทำนายมาจากไหน?”

“ฉันคิดเองเออเองทั้งนั้นแหละ…”

“ยันต์กระดาษนั่นมันใช้ได้จริงเหรอ? ถ้าไม่ได้ผลล่ะ พวกนักเลงคงกลับมาซ้อมนายแน่!”

“ไม่ต้องห่วง ของจากเย่ว์เหล่า(เฒ่าจันทรา) ไม่มีทางไม่สำเร็จ!”

“เย่ว์เหล่าคือใคร?”

“เอ่อ…พระจันทร์น่ะมันกลมดีเนอะ…”

“...”

ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างเดินกลับมหาวิทยาลัย หลานเมิ่งเฉินที่ปกติไม่ค่อยพูดกลับพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติในบรรยากาศที่เฉินเสี่ยวเป่ยสร้างขึ้น เธอรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างมาก

เมื่อเดินมาถึงใต้หอพักของหลานเมิ่งเฉิน เฉินเสี่ยวเป่ยยืนส่งเธอด้วยความเสียดาย ก่อนโบกมือลา

กลับมาถึงห้องพักของตัวเอง เขาพบว่าเพื่อนร่วมห้องสามคนกำลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนสนใจบางอย่างมาก แต่เมื่อเห็นเฉินเสี่ยวเป่ยเข้ามา พวกเขารีบปิดหน้าจอทันที

“นายกลับมาแล้วเหรอ?” โจวจื่อเถา เพื่อนร่วมห้องคนแรกถามด้วยสีหน้าแปลก ๆ

“พวกนายดูอะไรกันอยู่?” เฉินเสี่ยวเป่ยถามด้วยความสงสัย

“นายอย่าถามเลย ไม่อย่างนั้นนายจะเสียใจ…” หลี่หมิง เพื่อนคนสุดท้ายพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

“ฉันปกติดี ทำไมฉันต้องเสียใจ?” เฉินเสี่ยวเป่ยพูด “ให้ฉันดูหน่อย ไม่งั้นฉันจะอยากรู้อยากเห็นจนตายแน่!”

หลี่หมิงลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมา พลางพูดว่า “นายต้องทำใจนะ…”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด