บทที่ 22 ผู้หญิงที่มีชั้นเชิงสูง
“ผม...” ชายหนุ่มที่ถือดอกไม้พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับหยุดคำพูดไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวเหมือนรอคำตอบจากเธอ
“คุณต้องการอะไรคะ?” หญิงสาวที่ชื่อเสี่ยวจิ้งเงยหน้ามองเย่ฟาน ดวงตาของเธอแฝงไปด้วยความสงสัย
“ผมอยากชวนคุณไปขับรถเล่นด้วยกัน ไม่ทราบว่าคุณสนใจไหมครับ?” เย่ฟานยิ้มตอบ ด้วยการสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขา เขามั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้ยังไม่มีเจ้าของ
“ไม่จำเป็นหรอก ผมจะพาเธอไปขับรถเล่นเอง” ชายหนุ่มพูดสวนกลับด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาวอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวจิ้ง เดี๋ยวผมพาคุณไปขับรถเล่นนะ”
เสี่ยวจิ้งไม่ได้ตอบ เธอเพียงมองเย่ฟานด้วยสายตาแฝงความอยากรู้อยากเห็น เหมือนต้องการสำรวจว่าเย่ฟานมีความมั่นใจแค่ไหนที่กล้าเข้ามาทักหลังจากเห็นรถของชายคนก่อน
“รถผมจอดอยู่ตรงนั้น ถ้าคุณสนใจก็ตามผมมาได้เลย” เย่ฟานพูดพร้อมกดรีโมตรถ ลัมโบร์กินี อเวนทาดอร์ ไฟรถที่จอดอยู่ห่างออกไปกระพริบขึ้นอย่างโดดเด่น จากนั้นเขาเดินไปที่รถโดยไม่พูดอะไรอีก
ชายหนุ่มที่ถือดอกไม้ซึ่งกำลังโกรธสุดขีด เมื่อเห็นรถลัมโบร์กินีกลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นอึ้งเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม เขารู้ดีว่ารถคันนี้ราคาเท่าไหร่ และไม่มีอะไรที่เขาจะสู้ได้
เสี่ยวจิ้งเองก็ไม่รู้เรื่องรถมากนัก แต่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์ชราคา และเมื่อเห็นว่ารถคันนี้มีราคาสูงถึง 8 ล้านหยวน ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เสี่ยวจิ้ง เรา...คืนนี้ยังไปดูหนังกันอยู่ไหม?” ชายหนุ่มเปล่งเสียงอย่างอ่อนแรง ความหวังสุดท้ายของเขาคือคำตอบจากหญิงสาว
“ขอโทษนะคะ คุณกลับไปก่อน ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ” เสี่ยวจิ้งพูดพลางเดินไปที่รถลัมโบร์กินีอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกผิด แต่เธอก็ไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเสี่ยวจิ้ง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เสี่ยวจิ้งพูดอย่างเป็นธรรมชาติขณะเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร ก่อนจะนั่งลงอย่างสง่างามและปิดประตูเบา ๆ
“เรียกผมว่าพี่ฟานก็พอ” เย่ฟานยิ้มพร้อมวางมือลงบนเรียวขาของเธอเบา ๆ “คาดเข็มขัดด้วยนะครับ เรากำลังจะออกเดินทาง”
หลังจากเสี่ยวจิ้งคาดเข็มขัดเรียบร้อย เย่ฟานหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยังคงยืนอึ้งอยู่ ก่อนจะเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เย่ฟานไม่ได้รู้สึกผิดหรือเห็นใจอะไร เพราะเขาเชื่อว่าการแย่งชิงในเรื่องแบบนี้ไม่มีสิทธิ์ใครเหนือกว่าใคร หากยังไม่ได้แต่งงาน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน และครั้งนี้เขาชนะ
หลังจากออกเดินทาง เสี่ยวจิ้งก็เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา “พี่ฟาน อายุเท่าไหร่แล้วคะ?”
“แล้วคุณคิดว่าผมอายุเท่าไหร่?” เย่ฟานยิ้มพร้อมย้อนถาม “ถ้าตอบถูกจะมีรางวัลให้ด้วยนะ”
“ดูจากหน้าตาแล้วไม่น่าจะเกิน 23 ปี” เสี่ยวจิ้งตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เก่งจัง เดาถูกเป๊ะเลย คุณอยากได้รางวัลอะไรล่ะ?”
“เรื่องแค่นี้เองค่ะ ฉันไม่ต้องการรางวัลหรอก” เสี่ยวจิ้งพูดพลางลูบไปที่แผงคอนโซลของรถ “พี่ฟาน รถคันนี้ต้องแพงมากแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ?” “ก็พอสมควรครับ ประมาณ 8 ล้านหยวน ไม่ได้แพงมาก” เย่ฟานพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระ
แม้จะคาดเดาไว้ก่อน แต่เมื่อได้ยินตัวเลขชัดเจน เสี่ยวจิ้งก็ถึงกับหัวใจหยุดเต้นชั่วครู่ เมื่อเธอสงบลงได้ ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อ “พี่ฟานที่ซื้อรถราคา 8 ล้านหยวนได้ คงเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ ผมเปิดบริษัทการค้าออนไลน์อยู่ ธุรกิจก็พอไปได้ดี” เย่ฟานตอบพลางกลับมานิ่งเงียบ เขาต้องการประเมินชั้นเชิงของเสี่ยวจิ้ง “พี่ฟานหล่อขนาดนี้ คงมีแฟนแล้วใช่ไหมคะ?” เสี่ยวจิ้งถามต่อ
“ยังไม่มีครับ งานยุ่งมาก เลยไม่มีเวลาหาแฟน วันนี้ว่างพอดี เลยมาเดินเล่นแถวมหาวิทยาลัย”
“งั้นเราคงมีวาสนากันนะคะ ปกติฉันไม่ค่อยออกจากมหาวิทยาลัย วันนี้เป็นวันพิเศษที่ออกมา แล้วก็บังเอิญมาเจอพี่ฟาน” เสี่ยวจิ้งพูดพร้อมรอยยิ้มสดใส
เดิมทีเย่ฟานคิดว่าเสี่ยวจิ้ง จะพยายามอธิบายเรื่องชายคนก่อนหน้า เพื่อแสดงว่าเธอยังโสดและเพิ่มโอกาสในการสานสัมพันธ์กับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเลือกที่จะไม่พูดถึงเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่มีชั้นเชิงสูง
เมื่อเจอคนที่ดูมีฝีมือแบบนี้ เย่ฟานก็ตัดสินใจจะรุกเข้าใกล้มากขึ้น เขาถามอย่างมีชั้นเชิง “ว่าแต่ ผู้ชายคนนั้นคือใครเหรอ? ดูเหมือนคุณกับเขาจะสนิทกันดีนะ”
เสี่ยวจิ้งถอนหายใจเบา ๆ และตอบ “เฮ้อ... พอพูดถึงเขาแล้วก็อดเหนื่อยใจไม่ได้ค่ะ เขาเป็นคนที่ตามจีบฉันอยู่ ฉันปฏิเสธเขาไปหลายครั้งแล้ว แต่เพราะฉันยังโสด เขาก็ยังไม่ยอมเลิกตาม”
เธอพูดต่อ “เขาเป็นคนดีนะคะ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย วันนี้ฉันก็ไม่อยากออกมา แต่เขาตื๊อหนักมากจนฉันปฏิเสธไม่ได้”
เสี่ยวจิ้งหันมามองเย่ฟานพร้อมรอยยิ้มบาง “ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคงหาเหตุผลปฏิเสธเขาไม่ได้เลย เพื่อเป็นการตอบแทน เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวคุณมื้อนี้ดีไหมคะ?”
“โอ้โห... ไม่พูดถึงข้อเสียของเขาเลย สุดยอด” เย่ฟานคิดในใจ พร้อมยิ้มออกมา เขารู้สึกตื่นเต้นกับการที่เสี่ยวจิ้งมีชั้นเชิงในการพูดและปฏิเสธ
“คุณทำอาหารเป็นไหม?” เย่ฟานถามพร้อมยิ้ม
“แน่นอนสิคะ การทำอาหารมันเหมือนพรสวรรค์ของผู้หญิงเลยนะ” เสี่ยวจิ้งตอบอย่างมั่นใจ
“ไหน ๆ คุณจะเลี้ยงข้าวผมอยู่แล้ว งั้นทำให้ผมกินเลยดีไหม? เดี๋ยวผมพาคุณไปบ้านของผม” เย่ฟานพูดพร้อมหมุนพวงมาลัยเปลี่ยนเส้นทางไปยังบ้านของตัวเอง
เสี่ยวจิ้งยิ้มเล็กน้อย แม้ในใจจะอยากเห็นบ้านของเย่ฟานมาก เพราะบ้านในเมืองม้อตูแพงกว่ารถยนต์หลายเท่า แต่เธอก็ยังแสดงออกแบบไม่ตกลงง่าย ๆ “มันจะไม่เป็นการรบกวนเกินไปเหรอคะ?”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมอยู่คนเดียว กินเสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณกลับหอพักเอง” เย่ฟานตอบพร้อมยิ้ม
เสี่ยวจิ้งพยักหน้า “งั้นก็ได้ค่ะ แต่ฉันต้องกลับเร็วหน่อยนะคะ หอพักปิดเร็ว”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้เวลาทำอาหารนานแค่ไหน กินเสร็จแล้วผมจะพาคุณกลับทันที” เย่ฟานเร่งเครื่องยนต์และขับต่อไป
(จบบท)###