EP.6 กลุ่มไร้อัตลักษณ์
EP.6 กลุ่มไร้อัตลักษณ์
[มุมมองบุคคลที่ 3]
เมลิสซาจ้องดูโทนี่อย่างเขินอายขณะที่เธอถามว่า "ทำไมนายถึงเรียกฉันว่าเจ้าหญิง ?"
“เพราะคุณสวมชุดสีน้ำเงินแวววาวและมีผมสีบลอนด์ เมื่อใครพูดถึงเจ้าหญิง คนก็จะนึกถึงผมสีบลอนด์และชุดสีน้ำเงินหรือสีชมพู”
"ฉันเข้าใจแล้ว... แล้วนายไม่มีอัตลักษณ์จริงๆเหรอ ?"
“ฉันเก่งเกินกว่าที่จะมีอันตลักษณ์นะ” โทนี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ
เมลิสซาจ้องมองโทนี่ด้วยความสับสน "ห๊ะ ?"
โทนี่มองเมลิสซาด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์อันวิเศษมากมายจนร่างกายของพวกเราไม่มีที่ว่างสำหรับพรสวรรค์พิเศษอื่นอีกต่อไป”
เมลิสสาหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินแบบนั้น นายแต่งเรื่องขึ้นมาเองเหรอ”
“เปล่า มันเป็นแค่ข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว” โทนี่พูดอย่างมั่นใจ
“ห๊ะ ? คุณอ่านมาจากไหน?”
“มันเป็นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ฉันทำโดยใช้ตัวเองเป็นฐาน”
“นายต้องมีผู้ทดสอบมากกว่า 1 คนจึงจะตั้งสมมติฐานแบบนั้นได้” เมลิสสาหัวเราะอีกครั้ง
“เธอคงรู้จักวิธีการทางวิทยาศาสตร์ดี ซึ่งหมายความว่าเธอฉลาดกว่าคนในวัยเดียวกันมาก ซึ่งยังหมายความว่าเธอฉลาดเกินกว่าที่จะมีอัตลักษร์อีกด้วย นั่นเท่ากับว่า 2 ต่อ 2” โทนี่พูดพลางตบหน้าอกตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
จากนั้นโทนี่ก็ยื่นมือออกไปพร้อมทักทายว่า "นี่"
เมลิสซาจ้องมองโทนี่ด้วยความสับสน
“เธอไม่เคยเห็นการไฮไฟว์มาก่อนเหรอ ?” โทนี่ถาม
“ฉันไม่รู้เหตุผล” เมลิสซาพูด
"มันชัดเจนอยู่แล้วว่าฉันยินดีต้อนรับเธอเข้าสู่ชมรมคนไร้เอกลักษณ์เล็กๆของพวกเรา"
เมลิสซาหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินเช่นนั้น โทนี่จึงโบกมือให้เขา “มาเถอะ อย่าปล่อยให้ฉันค้างคาอยู่”
เมลิสสาให้โทนี่ไฮไฟว์ก่อนที่โทนี่จะพยักหน้า "เพื่อความไร้อัตลักษณ์!"
เมลิสซาหัวเราะต่อไป "เพื่อความไร้อัตลักษณ์" เธอกล่าวซ้ำ
“เฮ้ แอนโทนี่-”
“เรียกฉันว่าโทนี่ก็ได้ เฉพาะคนแปลกหน้าและคนที่ฉันไม่ชอบเท่านั้นที่ต้องเรียกฉันว่าแอนโทนี่”
“นั่นหมายความว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันเหรอ” เมลิสซาพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น
"เธอตื่นเต้นมากเกินไปแล้วนะสาวน้อย" โทนี่พูด
เมลิสสาเริ่มกดนิ้วชี้เข้าหากัน “ขอโทษนะ ฉันไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน”
“ว้าว…” เป็นสิ่งเดียวที่โทนี่สามารถพูดได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก
“พ่อแม่ของนายหมายถึงอะไรเมื่อพูดว่า อีกครั้ง นายมักจะทำร้ายคนอื่นเหรอ” เมลิสซาถามด้วยความอยากรู้
“นิดหน่อย ตอนที่ฉันเริ่มเข้าเรียน คนอื่นๆก็รู้ทันทีว่าฉันไม่มีอัตลักษณ์ และเริ่มรังแกฉัน และฉันเองก็เป็นคนดีและก็ตอบโต้กลับอย่างเห็นได้ชัด”
“แต่นั่นไม่แย่เหรอ ?” เมลิสสาถาม
โทนี่หันมามองเธอช้าๆ "เธอล้อเล่นใช่มั้ย ?"
เมลิสซาจ้องมองโทนี่ด้วยความสับสน “การทำร้ายคนอื่นเป็นสิ่งที่วิลเลินเท่านั้นที่ทำได้”
“โอ้พระเจ้า เธออย่าจริงจังนักสิ” โทนี่ถาม เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ เขาก็ถอนหายใจ
"แล้วไง ฉันก็ต้องโดนกลั่นแกล้งและถูกเลือกปฏิบัติไปตลอดชีวิตอยู่ดีสินะ"
เมลิสซาส่ายหัว “นายควรหาผู้ใหญ่หรือคนที่อายุมากกว่ามาช่วยนาย”
“เจ้าเด็กน้อยแสนหวานไร้เดียงสา เจ้าต้องการให้ชีวิตของเจ้าเป็นแบบนี้งั้นเหรอ ? ให้คนอื่นแก้ปัญหาให้เจ้าเท่านั้น ?”
“ไม่…” เมลิสสาพึมพำ
โทนี่พยักหน้า “พวกเราไม่มีอัตลักษณ์ใดๆ โลกนี้ที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ วิลเลิน และฮีโร่ เพื่อให้เสียงของพวกเราถูกได้ยิน พวกเราต้องตะโกนออกมาดังที่สุด เพื่อให้การกระทำของพวกเราได้รับการยอมรับ พวกเราต้องทุ่มเทความพยายามเป็น 2 เท่า ผู้คนรังแกพวกเราเพราะพวกเขาคิดว่าพวกเราไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ เพราะพวกเขาคิดว่าพวกเราทำอะไรไม่ได้ เธอรู้ไหมว่าพวกเราจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขานั้นคิดผิดได้ยังไง”
เมลิสซาส่ายหัวขณะมองโทนี่ด้วยความคาดหวัง
“พวกเราต้องสู้กลับ พวกเราจะทำให้พวกเขาคิดอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนจะยุ่งกับพวกเรา” โทนี่ชี้ขึ้นพร้อมกับลดแว่นลงมองเธอ “พวกเราที่อยู่ที่ก้นบ่อต้องลงมือเองเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด ดังนั้นการลงมือเองและต่อสู้กับสิ่งที่เธอเชื่อว่าเป็นความอยุติธรรมและสิ่งที่เธอเชื่อว่าถูกต้องจึงไม่ใช่เรื่องเลวร้าย”
เมลิสซาทำหน้าสนใจเมื่อได้ยินเสียงปรบมือจากด้านหลัง โทนี่ก็ดูชัดเจนขึ้นเมื่อเขาหันไปมองจาร์วิสที่กำลังปรบมือด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
“นั่นเป็นคำพูดที่น่าทึ่งมาก คุณชายน้อย น่าทึ่งจริงๆ ประผมถึงกับน้ำตาซึมเลยทีเดียว” จาร์วิสกล่าวพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าข้างและเช็ดน้ำตา
เมลิสซาจ้องมองจาร์วิสอย่างแปลกๆและเอนตัวเข้าไปถามว่า "นั่นใคร"
“พ่อบ้านน่ารำคาญของฉันที่ดูเหมือนจะลืมสถานที่ของเขาไปแล้ว” โทนี่ตอบ
จาร์วิสรู้ว่าโทนี่แค่ล้อเล่นและยิ้ม “คุณหมายความว่ายังไงครับคุณชายน้อย คุณก็รู้ว่าที่ของผมคืออยู่เคียงข้างคุณเสมอ คอยปกป้องคุณ”
“ใช่ ใช่ ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องฉันในความเงียบที่ห่างไกลจากฉัน” โทนี่พูดพร้อมไล่เขาออกไป
จาร์วิสหัวเราะเบาๆ “แล้วใครคือเพื่อนสาวตัวน้อยของคุณ” เขาถามและมองไปที่เมลิสซา
เมลิสสาแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว "สวัสดี ฉันเมลิสซา ชิลด์ ยินดีที่ได้รู้จัก"
“อ๋อ เข้าใจแล้ว คุณคงเป็นลูกสาวของเจ้าของบ้าน ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับคุณชายน้อยนะครับ” จาร์วิสพูดด้วยรอยยิ้ม
เมลิสซาเพียงพยักหน้าอย่างเขินอาย
จากนั้นจาร์วิสก็หันไปทางโทนี่ “ยินดีด้วย นายน้อย ตอนนี้คุณมีเพื่อนอีกคนแล้วนอกจากผมแล้ว”
“นายนี่ไม่มีไหวพริบในการเป็นพ่อบ้านเลย จาร์วิส” โทนี่พูดพลางส่ายหัวก่อนจะหันไปหาเมลิสซา “เธอจะไม่พาฉันไปเที่ยวหน่อยเหรอ คราวที่แล้วเธอพาฉันไปที่ที่เต็มไปด้วยขยะ ขอให้ที่ต่อไปเป็นที่น่ารื่นรมย์กว่านี้หน่อยเถอะนะ”
เมลิสซาอมยิ้มและพยักหน้า “มาสิ ฉันจะพานายเดินชมรอบๆอีกหน่อย” เธอกล่าวพร้อมคว้าแขนเขาและลากเขาไปด้วย
เธอเริ่มพาเขาไปดูห้องต่างๆในบ้าน เธอยังพาเขาไปดูห้องของเธอด้วย ซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์และหนังสือขั้นสูงที่ดูล้ำสมัยเกินไปสำหรับวัยของเธอ
“เธอกำลังทำอะไรอยู่” โทนี่ถาม
"ตอนนี้ ฉันกำลังพยายามทำไม้กระโดด แต่มีปัญหาเล็กน้อยในการใส่ให้ใส่ในกล่องเพื่อให้พกพาสะดวกยิ่งขึ้น"
"เธอเคยคิดที่จะใช้เทคโนโลยีการยุบตัวหรือเปล่า ?"
"เทคโนโลยีการยุบตัวเหรอ ?"
“เทคโนโลยีการยุบตัวเป็นแนวคิดการออกแบบที่ทำให้วัตถุสามารถเปลี่ยนรูปร่างให้มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น เพื่อการจัดเก็บและขนส่งที่ง่ายดาย โดยใช้ชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อกันเป็นชุดซึ่งสามารถเลื่อนเข้าหากันหรือพับได้เกือบเหมือนการพับกระดาษโอริกามิ วิธีนี้ช่วยให้เธอลดขนาดวัตถุให้เหลือเพียงเศษเสี้ยวของขนาดใช้งานจริง โดยไม่กระทบต่อการใช้งานหรือความแข็งแรง”
“ฉันเข้าใจแล้ว… มันน่าสนใจจริงๆ ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย” เมลิสซาพยักหน้า
“เธอควรมาที่ห้องทดลองของฉัน แล้วเธอจะได้เห็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อีกมากมาย” โทนี่พูดด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ
“นายมีห้อทดลองด้วยเหรอ !?” เมลิสซาถามด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
"แน่นอน"
*เพล้ง*
พวกเขาทั้งหมดได้ยินเสียงหน้าต่างหลายบานแตก แม้แต่หน้าต่างในห้องของเมลิสซาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อมีคนพังเข้ามา โดยเขาสวมหน้ากากเคฟลาร์สีดำ นิ้วของเขาทั้งหมดมีโลหะกลมๆบางชนิดติดอยู่
โทนี่วางร่างของเขาไว้ข้างหน้าเมลิสสาเพื่อปกป้องเธอจากเศษแก้วที่ปลิวมา
“ดูสิว่าเราเจอใครที่นี่ ถ้าไม่ใช่เป้าหมาย!” ชายสวมหน้ากากยิ้มเยาะ เขาชี้ไปที่พวกมัน แล้วพวกมันก็เริ่มปล่อยแสงสีแดงออกมา ราวกับว่ากำลังพุ่งเข้ามา
จาร์วิสวิ่งไปข้างหน้าของโทนี่และเมลิสสาแล้วเตะมือของชายคนนั้นขึ้นไป ทำให้กระสุนเลเซอร์สีแดงหลุดออกจากนิ้วของเขาและไปตกบนเพดาน
จาร์วิสตั้งท่าชกมวยและเริ่มต่อยท้องชายคนนั้นก่อนที่จะต่อยหน้าเขา ทำให้เขาเซถอยหลัง
ชายคนนั้นเล็งนิ้วไปที่จาร์วิสและโจมตี แต่จาร์วิสไม่ลังเลที่จะคว้าและบิดมือของเขา ทำให้ชายคนนั้นล้มลงกับพื้น
ชายคนนั้นยิงเลเซอร์จากมืออีกข้างไปที่เท้าของจาร์วิส ทำให้เลือดไหลออกมา จาร์วิสเบ้หน้าก่อนจะบิดมือแรงขึ้น
“อ๊ากกกกก!!” ชายคนนั้นกรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงแขนหัก เขาใช้มืออีกข้างต่อยท้องของจาร์วิสและพยายามยิงเขาตรงจุดนั้นด้วย
จาร์วิสพยายามคว้ามือนั้นด้วย แต่ชายคนนั้นใช้โอกาสนี้หลบหนีจากการจับกุมของจาร์วิส
เขาพยายามก้าวถอยหลัง แต่จาร์วิสเหยียบเท้าเขาด้วยเท้าที่เลือดออกและจับเขาไว้กับที่ จากนั้นยังคงต่อยหน้าเขาต่อไปจนเลือดทาหน้ากากสีดำครึ่งล่างจนเป็นสีแดง
จากนั้นจาร์วิสก็คว้าเขาไว้เมื่อเขาพยายามตอบโต้และโยนเขาออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่เขาบินออกไป เขาก็คว่ำหน้าลงพร้อมกับแววตาที่น่ากลัว
'ถ้าฉันต้องตาย ฉันจะพาพวกเขาทั้งหมดไปด้วย' เขาคิดก่อนจะเล็งนิ้วทั้งหมดไปที่โทนี่และเมลิสซาและยิงเลเซอร์ที่บินด้วยความเร็วสูง
เมื่อจาร์วิสเห็นเช่นนี้ เขาก็กระโดดและเอามือปิดร่างน้อยๆของพวกเขาไว้
'เหมือนอย่างที่ฉันต้องการ' เขาคิดขณะที่ล้มลงบนพื้น
โทนี่จ้องมองด้วยตาที่เบิกกว้าง ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น ร่างของจาร์วิสมีรูหลายรู และมีเลือดไหลออกมา
จาร์วิสมองไปทางโทนี่ด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของเขา “คุณปลอดภัย… ผมดีใจจริงๆ” เขาพูดได้ในขณะที่เขาเลื่อนตัวออกจากร่างของพวกเขาและล้มลงบนพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลนองไปทั่ว
โปรดติดตามตอนต่อไป.
_______________