บทที่ 86 รองอธิการบดีซูระเบิดอารมณ์
เซวียนเหอหยวนเป็นหนึ่งในภัตตาคารอาหารจีนระดับท็อปของเมืองไป๋เฉวียว ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะชื่อดังของเมือง บรรยากาศภายนอกร้านสวยงาม การตกแต่งภายในก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ ทั้งภายนอกและภายในดูหรูหราไปหมด
ทั้งสองเดินเข้าร้าน ตามพนักงานเข้าไปในห้องส่วนตัว หลังจากนั่งลง พนักงานนำเมนูมาให้คนละเล่ม แล้วยืนรออยู่ข้างๆ
"ว้าว มีเมนูสองเล่มจริงๆ ด้วย ฉันเคยได้ยินเรื่องร้านนี้ ว่าแต่ละช่วงจะออกแบบเมนูต่างกัน ใน 1 ปีมี 24 ช่วง แต่ละช่วงจะมีเมนูสองแบบ" เฉียนเจียฮุ่ยพลิกดูเมนู เพิ่งจะทึ่งได้ไม่นาน ก็เริ่มเม้มปาก เธอโน้มตัวไปข้างหน้า ยกมือขวาบังปากกระซิบกับเฉินห่าวว่า "อาหารที่นี่แพงมากเลย ไปกินข้างนอกดีไหม"
แต่เดิมเฉียนเจียฮุ่ยคิดว่ามื้อใหญ่คงเป็นอาหารญี่ปุ่นหรือสเต็กอะไรแบบนั้น แม้จะไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แพงมาก ที่นี่... แม้เธอจะเคยได้ยินว่าไม่ถูก แต่เพิ่งเห็นในเมนู อาหารธรรมดาๆ จานหนึ่งก็เป็นพันบาทแล้ว... แถมปริมาณยังน้อยมากด้วย
"ออกแบบเมนูตามฤดูกาลเหรอ? น่าสนใจดี ที่เมืองหลวงฉันยังไม่เคยเจอร้านแบบนี้เลย" เฉินห่าวก็ถือเมนูอยู่เล่มหนึ่ง ราคาในนั้นแตกต่างจากร้านข้างนอกจริงๆ แต่เมื่อเทียบกับบรรยากาศและชื่อเสียงของร้าน รสชาติก็คงไม่แย่
"ราคาฉันว่าก็โอเคนะ ไม่เป็นไร สั่งตามสบาย" เฉียนเจียฮุ่ยได้ยินคำพูดนี้ มองสีหน้าของอีกฝ่ายที่ไม่เหมือนแกล้งทำ ถึงนึกขึ้นได้ว่าคนคนนี้นอกจากเป็นเด็กเรียนเก่งแล้ว ยังเป็นลูกคนรวยด้วย!
เธอเบ้ปาก มองเมนูในมือ เลื่อนไปเลื่อนมา สุดท้ายก็สั่งอาหารไม่กี่อย่าง เฉินห่าวก็สั่งไปบ้าง แต่พอรับเมนูจากเฉียนเจียฮุ่ย เห็นว่าสั่งน้อยไป
"ทำไมสั่งแค่นี้ล่ะ? ไม่อิ่มหรอก~ วันนี้ต้องกินดีๆ หน่อย" เขาเพิ่มอาหารในเมนูอีกหลายอย่าง รวมแล้วสิบกว่าจาน แค่ราคาก็เกินหมื่นแล้ว
พนักงานมีไหวพริบดี เห็นเฉินห่าวสั่งเสร็จก็รับเมนูไปทันที สำหรับราคานี้ เฉินห่าวรู้สึกว่าก็โอเคนะ แค่หมื่นกว่าบาทเอง เหล้าขวดเดียวยังแพงกว่านี้
"เพิ่งจะว่างใช่ไหม?" เฉียนเจียฮุ่ยมองเฉินห่าวถาม ปกติทั้งสองก็คุยกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นเธอที่หาเฉินห่าว เพราะเรื่องจอภาพโฟตอน เฉินห่าวไม่ได้พักผ่อนดีๆ มาตลอด ช่วงนี้ก็พอจะเสร็จไปช่วงหนึ่งแล้ว
"พักได้บ้างแล้วล่ะ" เฉินห่าวถอนหายใจ แต่เดี๋ยวต้องเจอกับการบรรยาย ช่างน่าปวดหัวจริงๆ เขาไม่ค่อยเก่งเรื่องคุยกับผู้หญิง จึงได้แต่ถามว่า "เธอช่วงนี้ยุ่งอะไรอยู่?"
"ยุ่งกับการเขียนวิทยานิพนธ์น่ะ... น่ารำคาญจริง ส่งให้อาจารย์ที่ปรึกษาดูก็โดนส่งกลับมา" เฉียนเจียฮุ่ยบ่น คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย
"เขียนวิทยานิพนธ์? ก็ง่ายๆ นี่นา ตอนฉันอยู่เชียวเสิน วิทยานิพนธ์ผ่านรอบเดียวทุกครั้ง" เฉินห่าวพูดออกมาตรงๆ โดยไม่คิดอะไรมาก เมื่อได้ยินความกังวลของเฉียนเจียฮุ่ย
"ขอตัวก่อน ลาละ!" ได้ยินคำพูดของเฉินห่าว เฉียนเจียฮุ่ยอยากต่อยคน! นี่มันคำพูดของคนปกติเหรอ? วิทยานิพนธ์น่ะ จะมีคนประหลาดกี่คนที่เขียนได้ง่ายเหมือนดื่มน้ำ? นักศึกษาส่วนใหญ่ถูกวิทยานิพนธ์ทรมานจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แก้ไขครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายถึงจะผ่าน
"จริงๆ มันไม่ยากนะ" เฉินห่าวเกาหัว พูดอย่างจริงจัง
"พอเถอะ ออกมากินข้าวก็ไม่พูดเรื่องวิทยานิพนธ์แล้ว" เฉียนเจียฮุ่ยเบ้ปาก เปลี่ยนหัวข้อถามว่า "สิทธิบัตรจอภาพโฟตอนผ่านหมดแล้ว ใกล้จะผลิตจำนวนมากอีกขั้นแล้วใช่ไหม?"
ตั้งแต่วันที่สิทธิบัตรได้รับการอนุมัติออกข่าวในรายการข่าวภาคค่ำ สื่อต่างๆ ก็รายงานกันอย่างบ้าคลั่ง จนทุกคนรู้กันไปทั่ว ถ้าคุณไปถามคนเดินถนนว่าจอภาพโฟตอนคืออะไร พวกเขาก็พูดได้สองสามประโยค
"ยังอีกนานเลย คาดว่าอีกหลายเดือน" เฉินห่าวส่ายหน้าพูด
เฉียนเจียฮุ่ยถาม "จอภาพโฟตอนนี่เจ๋งจริงๆ เหรอ?"
"แน่นอนสิ ฉันจะเล่าให้ฟัง มือถือที่ใส่จอภาพโฟตอนแล้วดีแค่ไหน..." พอพูดถึงเรื่องเทคนิค ปากของเฉินห่าวก็คล่องทันที แน่นอนว่าเขาไม่ทันสังเกตสีหน้าที่ค่อยๆ เบื่อหน่ายของอีกฝ่าย...
...
มื้อกลางวัน สั่งอาหารสิบกว่าจาน แต่ละจานมีแค่นิดเดียว แค่ตักไม่กี่คำก็หมด แต่ทั้งสองคนกลับพอดีอิ่ม แต่รสชาติก็ดีจริงๆ
หลังกินเสร็จ ส่งเฉียนเจียฮุ่ยกลับมหาวิทยาลัยเมืองไป๋เฉวียว เฉินห่าวก็เตรียมกลับ เขายังต้องคิดเรื่องการบรรยายและการฝึกทหาร
นักศึกษาเก่าจะเริ่มรายงานตัวพรุ่งนี้ นักศึกษาใหม่รายงานตัววันที่ 5-6 กันยายน วันที่ 7 เปิดเทอมอย่างเป็นทางการ ดังนั้นถ้าจะให้มีคนมากที่สุด ต้องเริ่มตอนเช้าวันที่ 7-9 เพราะวันที่ 10 จะเริ่มฝึกทหารแล้ว
เวลาฝึกทหารของมหาวิทยาลัยทั่วไปอยู่ที่ 14-30 วัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสองสัปดาห์ มหาวิทยาลัยอี้หัวไม่เหมือนกัน ฝึกทหาร 20 วัน หลังเปิดเทอมรายงานตัว 2 วัน มีช่วงปรับตัว 3 วัน แล้วเริ่มฝึกทหาร พอฝึกเสร็จพอดีกับวันหยุดชาติ กลับจากวันหยุดก็เริ่มเรียนจริงๆ
กลับถึงมหาวิทยาลัยจอดรถ เฉินห่าวเดินตรงไปที่สำนักงานของซูรุ่ย เคาะประตูเข้าไป
"สวัสดี... ท่านรองอธิการบดีซู กิจการของมหาวิทยาลัยช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ?" เฉินห่าวนั่งลง ถามทักทาย
"คุณคิดว่ายังไงล่ะ?" ซูรุ่ยยิ้มบางๆ แต่น้ำเสียงมีความน้อยใจ บอกว่าเป็นรองอธิการบดี แต่ทำไมงานของอธิการบดีก็ให้เขาทำ?
มหาวิทยาลัยอี้หัวไม่กี่ปีนี้พัฒนาในทางลบ หลายที่แย่มาก ซูรุ่ยต้องจัดการใหม่หมด ช่วงนี้เขาพบว่าตัวเองเริ่มผมร่วงแล้ว!
จริงๆ แล้ว เงินไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ!
"คนมีความสามารถก็ต้องทำงานมาก มันก็เป็นแบบนี้แหละ"
"ผมมาครั้งนี้มีสองเรื่องจะแจ้งให้รองอธิการบดีซูทราบ"
ซูรุ่ย: "..." โห ช่างเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ! สังเกตคำที่ใช้ เป็น "แจ้งให้ทราบ" ไม่ใช่ "ปรึกษา"...
"ท่านอธิการเฉินจะทำอะไรอีกล่ะ? พูดมาเถอะ ผมไม่ได้เป็นโรคหัวใจ" ซูรุ่ยถอนหายใจ รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าตัวเองเจอคนผิด
"เรื่องแรก ผมตั้งใจจะจัดการบรรยายให้นักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยในวันที่ 9 กันยายนตอนเช้า"
"เรื่องนี้ไม่มีปัญหานี่!"
"อืม ผมก็คิดแบบนั้น แค่เวลาอาจจะเช้าไปหน่อย ประมาณตี 5"
"ตี 5??? ท่านบอกว่านี่แค่เช้าไปหน่อยเหรอ?"
ซูรุ่ยเกือบจะพยักหน้าแล้ว ใครเคยเห็นประชุมเช้าขนาดนี้? "ท่านอธิการ ทำแบบนี้นักศึกษาจะไม่พอใจนะครับ..." ซูรุ่ยคิดแล้วคิดอีก ก็ยังอยากจะเตือนเฉินห่าว
"ไม่เป็นไรหรอก ผมเชื่อว่านักศึกษาสมัยนี้มีเหตุผลกันทั้งนั้น นี่ก็เป็นการฝึกฝนพวกเขาอย่างหนึ่ง" เฉินห่าวมองซูรุ่ยแวบหนึ่ง แล้วพูดต่อ "เรื่องที่สอง ผมตั้งใจจะให้นักศึกษาใหม่รุ่นนี้ไปฝึกทหารที่เขตทหาร"
"อะไรนะ?! ทำแบบนั้นไม่ได้นะ!"
ซูรุ่ยลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ