บทที่ 5 การเฝ้าระวัง
บทที่ 5 การเฝ้าระวัง
เสิ่นชิวเข้าสู่ แพลตฟอร์มไห่อิน ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในพันธมิตรแดง
บนแพลตฟอร์ม เต็มไปด้วยโพสต์เกี่ยวกับหัวกะโหลกสีแดงสดที่ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ดหลังฝน
เขาเลื่อนดูโพสต์ต่างๆ อย่างละเอียด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เสิ่นชิวไม่คาดคิดว่าสัญลักษณ์กะโหลกนี้จะแพร่กระจายไปทั่วทั้ง ดาวหลานซิง และปรากฏบนอุปกรณ์ทุกชนิด
ตอนนี้ทั้งเครือข่ายสังคมต่างร้อนระอุ ผู้คนถกเถียงกันด้วยความวิตก
"นี่มันไวรัสอะไรกัน แอนตี้ไวรัสอะไรก็ช่วยไม่ได้เลย"
"ไม่ใช่แค่แอนตี้ไวรัสไร้ผลนะ ฉันลองปิดเครื่องแล้ว เครื่องก็เปิดเอง ต้องถึงขั้นดึงปลั๊กออก!"
"แค่นั้นยังไม่เท่าไหร่ โทรศัพท์ฉันฟอร์แมตแล้ว ยังไม่หายเลย!"
"หรือว่านี่จะเป็นลางบอกเหตุคำสาป?"
"อย่าบอกนะว่านี่คือสัญญาณวันสิ้นโลก?"
"ยุคนี้แล้วยังเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนั้นอีกเหรอ? เชื่อวิทยาศาสตร์หน่อยสิ นี่มันก็แค่ไวรัสที่สร้างความตื่นเต้น"
"อย่าพูดแบบนั้นเลย ต่อให้เป็นไวรัส ถ้าทำได้ขนาดนี้ คนสร้างต้องเก่งมากแน่ๆ!"
หลังจากอ่านโพสต์ไปครึ่งชั่วโมง เสิ่นชิวก็เจอโพสต์แถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่พันธมิตรแดง
"เรียนพี่น้องประชาชนทุกท่าน หากพบเห็นสัญลักษณ์กะโหลกสีแดงบนอุปกรณ์ของท่าน ขออย่าตื่นตระหนก ขณะนี้ฝ่ายเทคนิคกำลังเร่งแก้ไขปัญหาไวรัส และจะลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด"
เสิ่นชิวมองแถลงการณ์นี้ด้วยสายตาเยือกเย็น เขาไม่เชื่อคำพูดในแถลงการณ์ เพราะการที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถสร้างปรากฏการณ์ขนาดนี้ได้ ไม่น่าใช่แค่ "การกลั่นแกล้ง" อย่างแน่นอน
เขาคาดเดาว่าเหตุการณ์สำคัญบางอย่างจะเกิดขึ้นเมื่อการนับถอยหลังสิ้นสุดลง และเจ้าหน้าที่ก็อาจทราบความจริง แต่เลือกที่จะปิดบังเพื่อป้องกันความตื่นตระหนก
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น ทั้งสามพันธมิตรบน ดาวหลานซิง ต่างเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างบ้าคลั่ง ทั้งพยายามสืบหาต้นตอ และเตรียมกำลังป้องกันอย่างเต็มที่
คืนนั้นจึงเป็นคืนที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
สองชั่วโมงต่อมา
เสิ่นชิวมองคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งรีสตาร์ทอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
"ไวรัสนี่เก่งกว่าที่คิดไว้มาก"
เขาลองใช้ทุกวิธีที่คิดได้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่ปิดเครื่องก็ยังทำไม่ได้
"ช่างมันเถอะ"
เขาพูดกับตัวเอง ก่อนจะทิ้งความคิดเรื่องกะโหลกสีแดงและการนับถอยหลัง แล้วเดินไปที่เตียง
เสิ่นชิวเชื่อว่าก่อนการนับถอยหลังสิ้นสุด ทุกอย่างน่าจะยังปลอดภัย และตอนนี้เขาควรพักผ่อนให้เต็มที่
เช้าวันถัดมา
เมื่อแสงอาทิตย์ลอดผ่านม่านมากระทบใบหน้า เสิ่นชิวก็ลืมตาขึ้น เขาคว้ามือถือที่วางอยู่ข้างเตียงทันที
บนหน้าจอยังคงปรากฏสัญลักษณ์กะโหลกสีแดง พร้อมตัวเลขนับถอยหลัง
17 ชั่วโมง 31 นาที 23 วินาที
"ยังอยู่… ไม่ถูกลบออก"
เสิ่นชิวพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องน้ำ เขาเปิดก๊อกน้ำแล้วใช้สองมือวักน้ำเย็นล้างหน้า ความง่วงงุนจางหายไปทันที
เขาเงยหน้ามองกระจกอัจฉริยะ กระจกสว่างขึ้นอัตโนมัติ และในชั่วพริบตา กะโหลกสีแดงสดก็ปรากฏขึ้น
ดวงตาสีเลือดของกะโหลกนั้นดูเหมือนมีชีวิต และจ้องเขาเขม็ง
คนอื่นคงตกใจจนเป็นลมหากเห็นภาพนี้ แต่เสิ่นชิวเพียงยื่นมือไปดึงปลั๊กกระจกออก แล้วล้างหน้าต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่กี่นาที
เสิ่นชิวเดินอยู่ในชุมชนที่พักของเขา บรรยากาศวันนี้ดูคึกคักผิดปกติ
กลุ่มแม่บ้านที่พาเด็กๆ ลงมาเดินเล่นกำลังจับกลุ่มพูดคุย
"ใครกันนะทำไวรัสหัวกะโหลกนี่ขึ้นมา เกือบทำให้โรคหัวใจฉันกำเริบ!"
"ใช่เลย ทีวีที่บ้านเปิดไม่ได้ หลานฉันก็งอแงทั้งเช้า"
"ต้องจับตัวคนทำมาให้ได้ จะได้ลงโทษให้เข็ดหลาบ!"
"นั่นสิ ดูสิสร้างความปั่นป่วนขนาดไหน"
"แต่ฉันได้ยินมาว่า นี่อาจไม่ใช่ไวรัสนะ มีคนบอกว่าสัญลักษณ์กะโหลกนี่คือลางบอกเหตุวันสิ้นโลก"
"จริงเหรอ? อย่ามาหลอกฉันนะ ได้ยินจากไหนล่ะ?"
"ได้ยินมาจากปรมาจารย์หวังในตรอกข้างๆ"
"หวังเซี่ยจื่อ คนนั้นเหรอ? เขามองไม่เห็นนะ จะเชื่อได้เหรอ?"
"ฉันบอกเลย คนที่มองไม่เห็นน่ะ เชื่อถือได้ที่สุดแล้ว!"
เสิ่นชิวมองผ่านหางตา ก่อนเดินต่อออกจากชุมชน
เมื่อออกมาถึงด้านนอก เขามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารเช้าที่ตั้งอยู่ริมถนน ร้านที่เขามักแวะไปเป็นประจำ
ระหว่างทาง เขาเห็นหน้าจอโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ที่แขวนอยู่บนกำแพงอาคารหลายแห่ง ส่วนใหญ่ถูกตัดไฟจนดับสนิท
ส่วนจอที่ยังไม่ได้ปิด กลับแสดงภาพหัวกะโหลกสีแดงสดทุกจอ
แม้แต่สัญญาณไฟจราจรตรงทางแยก ก็ยังแฝงภาพกะโหลกสีแดงที่กระพริบแสงอยู่เลือนลาง
บนถนน ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมาพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
ไม่นานนัก เสิ่นชิวก็เดินมาถึงหน้าร้านอาหารเช้า
"จะรับอะไรดี?"
หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมในชุดเรียบง่ายเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"เต้าฮวยหนึ่งชาม กับเสี่ยวหลงเปาสองเข่ง"
เสิ่นชิวเลือกที่นั่งตรงมุมร้านแล้วนั่งลง
"ได้เลยค่ะ!"
เจ้าของร้านตอบอย่างร่าเริง ก่อนจะจัดอาหารเช้าแล้วนำมาเสิร์ฟให้เขาอย่างคล่องแคล่ว
เสิ่นชิวหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบเสี่ยวหลงเปาเข้าปากอย่างเงียบๆ
ขณะนั้นเอง มีชายสองคนในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงิน เดินเข้ามาในร้านพร้อมพูดกับเจ้าของร้าน
"เจ้าของร้าน ขอเสี่ยวหลงเปาสี่เข่ง กับนมถั่วเหลืองสองถ้วย"
"ได้ค่ะ! วันนี้มากินมื้อเช้าซะสายเลยนะ"
เจ้าของร้านพูดพลางยิ้ม
"โธ่ ก็เจ้าเวลานับถอยหลังหัวกะโหลกนั่นแหละ เล่นเอาเบื้องบนสั่งการให้เราเพิ่มรอบลาดตระเวน ตั้งแต่ตีห้าก็ต้องเริ่มงาน เลยพึ่งมีเวลาพักตอนนี้"
ผู้คุมวัยกลางคนคนหนึ่งบ่นอย่างเหนื่อยหน่าย
"นี่แหละนะ ตัวปัญหาจริงๆ ทำให้ทุกคนหวาดกลัวไปหมด เช้านี้ลูกค้าฉันยังหายไปตั้งเยอะ"
"ช่วยไม่ได้ บางคนกลัวจนไม่กล้าออกจากบ้านเลย"
"ว่าแต่... พวกคุณคิดว่า เมื่อเวลานับถอยหลังหมด จะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?"
เจ้าของร้านถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวล
"ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีอะไรหรอก ทุกอย่างจะเรียบร้อย"
ผู้คุมคนเดิมตอบพร้อมกระแอมเบาๆ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็ไม่ได้มั่นใจนัก
"ได้ยินแบบนี้ ฉันก็โล่งใจขึ้นหน่อย"
เจ้าของร้านถอนหายใจยาวอย่างผ่อนคลาย
ในมุมร้าน เสิ่นชิวชะงักตะเกียบในมือชั่วครู่ ก่อนจะคีบเสี่ยวหลงเปาอีกชิ้นเข้าปากอย่างเงียบๆ...
..........