บทที่ 498: ก่อนคืนวันตัดสิน
แพ้แล้ว... ฉันแพ้แล้ว...
จ้าวชวนอวี้มองภาพที่มังกรแดงพิโรธถูกแบกออกไปอย่างตะลึงงัน สีหน้าของเขาเหมือนหลุดเข้าไปในภวังค์ ความคิดในหัวว่างเปล่าไร้คำพูดใดๆ
กล้องบางตัวที่จับภาพได้พอดีก็ส่งภาพโคลสอัปใบหน้าของเขาขึ้นจอใหญ่ทันที
บรรยากาศในที่นั่งคนดูเงียบกริบ
ผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที หลังจากนั้นไม่นาน เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นสนั่น ยกเว้นผู้ชมจากภูมิภาคจงคงที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก ผู้ชมจากภูมิภาคอื่นกลับตื่นเต้นกันสุดขีด
โดยเฉพาะผู้ชมจากภูมิภาคเย่หัวต่างกรีดร้องกันอย่างคลั่งไคล้ บางคนถึงกับน้ำตาแทบไหลออกมาด้วยความดีใจ
“อ๊ากกกกก! ชนะแล้ว! เฉียวซางชนะแล้ว!”
“สุนัขเพลิงพร่างพราย! สุนัขเพลิงพร่างพราย!”
“ฉันรู้แล้ว! ฉันรู้อยู่แล้วว่าเฉียวซางต้องชนะ!”
“จ้าวชวนอวี้แพ้จริงๆเหรอ! ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะแพ้! ฉันนึกมาตลอดว่าเขาต้องเป็นแชมป์ของการแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติครั้งนี้!”
“มังกรแดงพิโรธก็แค่สัตว์อสูรที่เขาทำสัญญาในภายหลังอยู่แล้ว ตอนนั้นมันมีบางช่วงที่ไม่ยอมฟังคำสั่งของเขาเลยด้วยซ้ำ!”
“นี่แหละ! สัตว์อสูรที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ยังเล็กดีกว่ากันเยอะ เพราะถ้ามันไม่เชื่อฟังในช่วงเวลาสำคัญล่ะก็ ต่อให้ร้องไห้ก็ไม่มีใครช่วยได้!”
“ถึงมังกรแดงพิโรธจะฟังคำสั่งจ้าวชวนอวี้ในช่วงนั้นแล้วก็ตาม แต่มันก็สู้สุนัขเพลิงพร่างพรายไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ เห็นไหมล่ะว่ามันถูกกดดันตั้งแต่ต้นจนจบเลย!”
“ว่าแต่มังกรแดงพิโรธในจังหวะนั้นมันเป็นอะไรไป? ไม่ยอมฟังคำสั่งแล้วยังยืนนิ่งอีก สุนัขเพลิงพร่างพรายก็ไม่ได้ทำอะไร แต่มันกลับทำท่าทางเหมือนโดนโจมตี!”
“นี่นายตาถั่วหรือไง มังกรแดงพิโรธมันโดนโจมตีจริงๆ ดูสิ แผลไฟไหม้บนตัวมันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สีแดงนั่นก็ลุกลามจนเหมือนจะไหม้เกรียมแล้ว!”
“นี่มันทักษะอะไร? ทำไมดูแปลกๆ มองไม่เห็นอะไรเลย!”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ สุนัขเพลิงพร่างพรายน่าจะใช้เพลิงมายานะ”
“เพลิงมายาคืออะไรเหรอ?”
“ไอ้โง่เอ้ยไปหาข้อมูลเองสิฟระ”
“…”
“ครั้งนี้ภูมิภาคเย่หัวนี่มาแรงจริงๆ ปกติแค่ติดท็อปสิบระดับประเทศก็ว่ายากแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีคนผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้!”
“พูดตามตรงนะ ถ้าจ้าวชวนอวี้ยังแพ้ งั้นไม่ว่าจะเป็นจางว่านตี๋หรือถังอี้ที่ชนะขึ้นมา ฉันก็ว่าไม่มีทางสู้เฉียวซางได้หรอก!”
“พอคิดว่าเฉียวซางอยู่แค่ปีหนึ่ง ฉันก็รู้สึกอับอายแทนพวกรุ่นพี่ปีสามจริงๆ”
“แล้วนายล่ะอยู่ชั้นไหน?”
“แหะๆ ฉันอยู่ปีสอง”
ที่แถวหน้าของที่นั่งผู้ชมของเหล่าผู้นำระดับสูง
“ดูเหมือนว่าตำแหน่งนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างดวงดาวรอบนี้ คงมีคนหนึ่งที่แน่นอนแล้วล่ะ” รัฐมนตรีหวังจากภูมิภาคจ้งเต่า กล่าวพลางหันไปมองข้างๆแล้วเอ่ยยิ้มๆว่า
“ยินดีด้วยนะครับ รัฐมนตรีโจว”
สีหน้าของรัฐมนตรีโจวเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่ กระพุ้งแก้มสองข้างขยับกระเพื่อมด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอก ยังไงภูมิภาคของคุณก็ยังมีจางว่านตี๋อยู่นี่ ไม่แน่เดี๋ยวอาจจะต้องเป็นฉันที่แสดงความยินดีกับคุณแทน”
รัฐมนตรีหวังหัวเราะเบาๆ พร้อมกับขยิบตาให้รัฐมนตรีโจวพลางส่งสัญญาณทางสายตาไปยังอีกด้านหนึ่ง
รัฐมนตรีโจวยังคงยิ้มตามปกติ พลางหันไปมองตามทิศทางนั้น ก็พบว่ารัฐมนตรีเหยียนจากภูมิภาคจงคงกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
สีหน้าของรัฐมนตรีโจวแข็งค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบระบายยิ้มกลับไปพลางกล่าวอย่างสุภาพ
“ท่านรัฐมนตรีเหยียน มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
รัฐมนตรีเหยียนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ข้อความที่ฉันฝากให้คุณส่งถึงเฉียวซางครั้งก่อน เธอได้รับไหม?”
รัฐมนตรีโจวรีบพยักหน้าพลางยิ้มแย้ม
“ได้รับแล้วครับ ได้รับแล้ว”
รัฐมนตรีเหยียนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ
“ใกล้ถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว คุณช่วยบอกอาจารย์ของเฉียวซางด้วยว่าให้ช่วยเสริมการเรียนของเธอด้วย”
เธอเป็นคนของภูมิภาคฉัน ตาเฒ่าอย่างเอ็งจะมาสนใจอะไรนักหนา... รัฐมนตรีโจวคิดในใจ แต่สีหน้ากลับแสดงความเคารพ
“ผมจะจัดการให้ครับ”
รัฐมนตรีเหยียนยังคงกล่าวต่อ “แม้ว่าเธอจะอยู่แค่ปีหนึ่งแต่พรสวรรค์ด้านการฝึกสัตว์อสูรของเธอนั้นโดดเด่นอย่างมาก หากปล่อยให้เธอไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไป มันคงน่าเสียดายมาก เธอควรจะมุ่งเป้าไปที่มหาวิทยาลัยชั้นนำเท่านั้น”
พูดจบ เขาจ้องรัฐมนตรีโจวตาไม่กะพริบ “คุณเห็นด้วยไหม?”
เจ้าเล่ห์จริงๆทีนี้ก็เข้าใจแล้วว่าตาเฒ่าอย่างเอ็งต้องการอะไร ใครๆก็รู้ว่ามหาวิทยาลัยชั้นนำส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคจงคงทั้งนั้น แต่ด้วยคะแนนวิชาการของเฉียวซางตอนนี้....ตาเฒ่าอย่างเอ็งคงคิดไปไกลเกินตัวแล้วล่ะ... รัฐมนตรีโจวคิดในใจพร้อมหัวเราะเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าเห็นพ้อง
“รัฐมนตรีเหยียนพูดถูกแล้วครับ”
ในขณะที่บทสนทนาเกิดขึ้น รัฐมนตรีหลันที่นั่งอยู่ใกล้ๆและฟังอยู่เงียบๆ ดวงตาเป็นประกายแวบหนึ่งพร้อมความคิดแวบขึ้นมาในหัว
ถ้าเฉียวซางสามารถมาเรียนมหาวิทยาลัยในภูมิภาคกู่หวู่ได้ล่ะก็...
สองชั่วโมงต่อมา ที่โรงแรมโหมถิง
“ย่าห์!”
หยาเป่ากำลังเล่าเรื่องวีรกรรมสุดกล้าหาญของตัวเองในระหว่างการแข่งขันให้ซุนเป่ากับลู่เป่าฟัง ด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นและภาคภูมิใจ
“ซุน~”
ซุนเป่าฟังอย่างตั้งใจ พร้อมทำสีหน้าชื่นชมเป็นระยะ ให้กำลังใจหยาเป่าอย่างเต็มที่
ลู่เป่าถึงแม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่ก็ดูตั้งใจฟังและมองหยาเป่าอย่างให้เกียรติ
เฉียวซางเอนหลังพิงหัวเตียง มือถือโทรศัพท์พลางเลื่อนอ่านข้อความแสดงความยินดีที่ถูกส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากอ่านข้อความจบ เธอเปิดฟอรั่มขึ้นมา
พรุ่งนี้ตอนค่ำก็จะถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว เธอมั่นใจว่าต้องมีการพูดถึงถังอี้ในฟอรั่มแน่นอน และบางทีเธออาจเจอข้อมูลที่เป็นประโยชน์
กระทู้ที่ถูกปักหมุดอยู่ด้านบนสุดเป็นกระทู้ทางการ
[รายชื่อผู้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศการแข่งขันผู้ฝึกสัตว์อสูรระดับมัธยมปลายแห่งชาติ]
เฉียวซางกดเข้าไปดู
[รายชื่อผู้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ: ภูมิภาคเย่หัว – เฉียวซาง]
[ภูมิภาคจงคง – ถังอี้]
ด้านล่างของกระทู้เต็มไปด้วยความคิดเห็นจำนวนมาก
เฉียวซางเริ่มเลื่อนอ่านคอมเมนต์
[ฉันขอทำนายไว้เลยว่าแชมป์ปีนี้ต้องเป็นเฉียวซางแน่ๆ!]
[เฮ้ย ฉันเรียนกวดวิชาอยู่ตอนค่ำ เลยไม่ได้ดูแข่ง ใครก็ได้บอกหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น จ้าวชวนอวี้ตกรอบแล้วเหรอ?! ใครทำให้เขาตกรอบ?]
[เฉียวซางน่ะสิที่ทำให้เขาตกรอบ ไปดูรีเพลย์นะ การแข่งขันนั้นมันสุดยอดจริงๆ!]
[ถังอี้?! ถังอี้เข้ารอบชิงได้ไงเนี่ย? ไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรตัวหลักของเขาต้องพักรักษาตัวที่ศูนย์รับรองผู้ฝึกสัตว์อสูรตั้งสองเดือนหรอกเหรอ?!]
[คิดหน่อยสิ สองเดือนนั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ดูเฉียวซางสิ เธอเพิ่งเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรไม่กี่เดือน แต่กลับเข้าสู่รอบชิงในรุ่นพี่ปีสามได้ แถมยังเอาชนะมังกรแดงพิโรธของจ้าวชวนอวี้อีก!]
[อ้าว แล้วตำแหน่ง "รองแชมป์ตลอดกาล" ของจางว่านตี้หายไปแล้วเหรอ?]
[ถึงฉันจะไม่ได้อยู่ภูมิภาคจงคง แต่ฉันขอเชียร์ถังอี้นะ ถ้าปีนี้เฉียวซางได้แชมป์ พวกเรารุ่นพี่ปีสามจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!]
[+1 เห็นด้วย]
[พูดตามตรงนะ ถังอี้เป็นคู่แข่งที่คาดไม่ถึงก็จริง แต่ถ้าจะเอาชนะเฉียวซาง ฉันว่าโอกาสมีน้อยมาก ใครที่ดูรอบรองชนะเลิศคืนนี้ก็น่าจะรู้ดี]
[ถูกต้อง ตอนนั้นฉันอยู่ในสนาม บางจังหวะก็แทบดูไม่ออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งกลับมาดูรีเพลย์พร้อมคำบรรยายถึงได้รู้ว่าสุนัขเพลิงพร่างพรายของเฉียวซางมีลักษณะเฉพาะตัวพรจันทร์ของประเภทแฟรี่ แถมยังใช้ทักษะเพลิงมายาได้อีก ถังอี้เทียบกับเธอแล้วยังห่างชั้นอยู่เยอะเลย]
เฉียวซางกวาดตามองคร่าวๆ ก่อนจะเลื่อนผ่าน โดยไม่สนใจอ่านความคิดเห็นที่เหลือต่อ
ความคิดเห็นส่วนใหญ่ก็แค่เรื่องว่าใครเชียร์ใคร ไม่มีคำแนะนำที่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด...
เธอปิดฟอรั่มลงและเริ่มค้นหาวิดีโอการแข่งขันเก่าของถังอี้แทน
ถังอี้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ แม้จะขาดซ้อมกับตัวหลักไปสองเดือน แสดงว่าเขาต้องมีฝีมือจริงๆ
พรุ่งนี้คือวันแข่งรอบชิง เธอจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด!
โรงแรมระดับห้าดาวใกล้สนามประลองสัตว์อสูรแห่งเกียรติยศ
“นายคิดดีแล้วใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนอายุเกินห้าสิบปีเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“คิดดีแล้วครับ” ถังอี้ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นายก็เห็นแล้วว่า เฉียวซางเก่งแค่ไหน ฉันกล้าพูดได้เลยว่า ถ้านายไม่ให้นกคลุมฟ้าวิวัฒนาการ พรุ่งนี้ไม่มีทางชนะเธอได้แน่” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ถังอี้นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบอย่างจริงจัง
“อาจารย์ครับ พรุ่งนี้ผมจะทำให้เต็มที่ที่สุด และถึงจะแพ้ ผมก็จะไม่เสียใจในสิ่งที่ผมตัดสินใจ”
ชายวัยกลางคนจ้องมองเขาด้วยสายตาคมกริบพลางพูดว่า
“รางวัลสำหรับแชมป์กับรองแชมป์มันต่างกันมากนะ”
ถังอี้พยักหน้า
“ผมรู้ครับ แต่ผมจะไม่มีวันเอาอนาคตของนกคลุมฟ้าของผมไปเดิมพันอีกแล้ว”
“พา...พา...”
นกคลุมฟ้าที่อยู่ข้างๆได้ยินคำพูดของถังอี้ก็มีน้ำตาคลอเบ้า
ถังอี้สังเกตเห็นความรู้สึกของนกคลุมฟ้า เขาเลยหันไปยิ้มให้มันอย่างอ่อนโยน
“พา...พา...”
นกคลุมฟ้าซาบซึ้งจนพลังสายฟ้าบนตัวมันพลันสั่นไหวไปมา
ไม่มีใครรู้เลยว่า ในขณะนั้น อัตราการเต้นของหัวใจของนกคลุมฟ้าเริ่มประสานจังหวะกับหัวใจของถังอี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ตามใจนายแล้วกัน!” ชายวัยกลางคนพูดด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปยังประตู