บทที่ 33 การสนทนาส่วนตัว
บทที่ 33 การสนทนาส่วนตัว
หลังจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลและอีกสอบคนจากไปแล้ว ซลักฮอร์นก็โบกมือให้มาดามโรสเมอทาร์เจ้าของร้าน
“สเต็กสองชิ้น จะดีกว่าถ้าคุณมีข้อศอกย่างด้วย!”
มาดามโรสเมอทาร์ผู้ยังคงรักษาเสน่ห์ของเธอไว้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้สามารถทำได้ตอนเที่ยง”
ซลักฮอร์นดูมีความสุขมาก
“เยี่ยมมาก อย่าลืมทาน้ำผึ้งอีกสามชั้น ฉันชอบกลิ่นนี้!”
ชอบกินเนื้อสัตว์พร้อมของหวานด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงอ้วนขนาดนี้
หลังจากสั่งอาหารกลางวัน พวกเขาไม่ได้ดื่มอีกต่อไป แต่สั่งบัตเตอร์เบียร์สองแก้ว ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่นักเรียนทั่วไปชอบดื่ม
เหลือเพียงสองคนบนโต๊ะ บรรยากาศก็ค่อยๆ เย็นลง
เชอร์ล็อคเอนหลังบนเก้าอี้ ประสานมือไว้ที่หน้าท้องส่วนล่างแล้วรออย่างเงียบๆ ให้ซลักฮอร์นพูดก่อน
เขามองเห็นได้ว่าผู้ที่ชวนเขาออกไปเที่ยวครั้งนี้จริงๆ แล้วคือชายชราอ้วนพีตรงหน้า ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็แค่ทำหน้าที่เป็นคนส่งสาร
หลังจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลและคนอื่นๆ จากไป รอยยิ้มของซลักฮอร์นค่อยๆ จางลง และสีหน้าของเขาดูมืดมน
ตอนนั้นเอง ดูเหมือนว่าเขาจะยกเลิกการปกปิดทั้งหมดและเปิดเผยนิสัยอันแท้จริงของเขาต่อเชอร์ล็อคเพียงลำพัง
“พูดตามตรงนะเชอร์ล็อค มิเนอร์วากับคนอื่นๆ ไม่อยากให้ฉันพูดถึงแม่เธอต่อหน้าเธอ”
“ฉันรู้ว่าพวกเขากังวลเรื่องอะไร แซลลี่ดูไม่เหมือนแม่เลยจริงๆ หลังจากที่เธอเป็นแบบนั้น พวกเขาหวังว่าเธอจะไม่มีความทรงจำนี้ ฉันยังสงสัยว่าหลังจากที่ฉันจากไปพวกเขาก็กำจัดมัน…”
เมื่อมาถึงจุดนี้เสียงของเขาก็หยุดลงทันที
ซลักฮอร์นวางแก้วลง หลับตาด้วยสีหน้าเจ็บปวด แล้วเอนหลังบนเก้าอี้
เชอร์ล็อคยังคงไม่พูดอะไร เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของซลักฮอร์น ประโยคครึ่งหลังที่ไม่ได้พูดนั้นชวนให้คิดมาก
“ขอโทษที ดูเหมือนว่าฉันจะเมามากเกินไป อย่าคำนึงถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ มักกอนนากัลและดัมเบิลดอร์คือคนที่ดีที่สุดในโลกสำหรับเธอตอนนี้ เธอสามารถไว้วางใจพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีเงื่อนไข”
ซลักฮอร์นดูเหมือนสงบสติอารมณ์ขึ้นมาได้ เขายืดตัวตรงจากเก้าอี้แล้วยิ้มกับตัวเอง
“แน่นอน ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องพูดแบบนั้นในตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้วเธอไม่ไว้วางใจฉันเลย”
“ฉันยังจำครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เห็นเธอในงานศพเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนได้ เธอซ่อนตัวอยู่ตรงมุมห้อง ถือไม้กายสิทธิ์ของเล่นที่แม่ให้ไว้ในตอนวันเกิดปีแรกของเธอ นั่งคนเดียวบนพื้น คุกเข่าด้วยความงุนงง”
“เมื่อฉันพบเธอ ฉันเดาได้เลยตั้งแต่แรกเห็นว่าเธอจะกลายเป็นแบบนี้ในอนาคต”
“ในฐานะคณบดีแห่งสลิธีลีนที่ฮอกวอตส์มานาน ฉันได้พบกับนักเรียนมานับไม่ถ้วนและรู้ว่าประสบการณ์แบบไหนจะเปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาเป็น…”
“แต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉันเป็นเพียงไอ้สารเลวอ่อนแอและทำอะไรไม่ถูก ก็เหมือนสุนัขหลงทางคอยหาที่ซ่อนเพื่อหลบหนีจากทุกสิ่งที่ฉันได้ทำไป…”
เมื่อเชอร์ล็อคได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเขาก็ขมวดคิ้วลึกขึ้น
เขาจำได้ว่าไม่มีการเอ่ยถึงครอบครัวของตัวเองในไดอารี่เจ้าของร่างเดิม แม้จะมีรูปแม่บ้าๆ ของเขาแขวนอยู่ในห้องทำงาน แม้ว่าพ่อมักเกิ้ลของเขายังมีชีวิตอยู่ และยังส่งคนมาชักชวนให้เขารับมรดกด้วย
แต่ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของตัวเองที่ฮอกวอตส์ หรือการเข้าสังคมเวทมนต์หลังจากสำเร็จการศึกษาจากฮอกวอตส์ ก็ไม่มีอะไรในไดอารี่อีกเลย
เหมือนเจ้าของร่างเดิมไม่มีความรู้สึกต่อพ่อแม่ ไม่มีอารมณ์เหลืออยู่
คำพูดของซลักฮอร์นดูเหมือนแสดงออกมาอย่างจริงใจ ใครๆ ก็บอกได้ว่าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับแม่เจ้าของร่างเดิม และอีกฝ่ายก็ถือว่าเชอร์ล็อคเป็นรุ่นน้องที่สนิทสนมกันจริงๆ
เจ้าของร่างเดิมถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังก่อนหน้านี้ ราวกับว่าเขากลัวบางสิ่งบางอย่าง และต้องการซ่อนมันอย่างสิ้นหวัง
“ตอนนั้นแม่ผมผ่านอะไรมาบ้าง?”
หลังได้รับสเต็กที่มาเสิร์ฟแล้ว เชอร์ล็อคถามขึ้นเบาๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาริเริ่มพูดคุยกับซลักฮอร์น แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เขา
“ฉันขอโทษเชอร์ล็อค ฉันบอกเธอไม่ได้” ซลักฮอร์นส่ายหัว
“เรามีข้อตกลงกัน และแม้กระทั่งทำปฏิญาณไม่คืนคำขึ้นมาเพื่อฝังความลับนี้ตลอดไป เว้นแต่ดัมเบิลดอร์จะรู้สึกว่าถึงเวลาอันควร เขาจะแจ้งสิ่งนี้ให้เธอได้รู้เอง”
เชอร์ล็อคพูดไม่ออกในใจ
มันเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเกลียดการต้องรับมือกับพ่อมดรุ่นเก่าๆ เหล่านี้ อีกฝ่ายอยู่ห่างทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้น และบางครั้งอีกฝ่ายก็ไม่ได้บอกคุณด้วยซ้ำว่าปริศนาคืออะไร
“แล้วทำไมคุณถึงมาพบผมเป็นพิเศษล่ะ”
“ฉันอยากเตือนเธอนะเชอร์ล็อค!”
สีหน้าของซลักฮอร์นดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเชอร์ล็อคอย่างใกล้ชิด
“ฮอกวอตส์นั้นอันตราย! อันตรายมากโดยเฉพาะกับดัมเบิลดอร์!”
เขาหยิบขวดแก้วเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า โดยมีของเหลวสีทองแววาวไผลช้าๆ อยู่ข้างใน
ซลักฮอร์นวางขวดยาไว้ด้านหน้าเชอร์ล็อค
“ความช่วยเหลือเดียวที่ฉันสามารถให้เธอได้คือสิ่งนี้ น้ำยานำโชค ยาวิเศษที่สามารถทำให้ผู้คนโชคดีได้ชั่วคราว เธอควรนำติดตัวไปด้วย มันอาจช่วยเธอได้เล็กน้อยในช่วงเวลาวิกฤต!”
“อย่าคิดว่ามันน้อยเกินไป ผลของน้ำยานำโชคนั้นแรงมาก แต่เธอไม่สามารถใช้ได้มากอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นมันอาจไม่ทำให้เธอโชคดี แต่จะสร้างปัญหาใหญ่แทน”
เชอร์ล็อคมองดูขวดยาที่ดูราวกับงานศิลปะตรงหน้า
ถ้ามันทำให้ผู้คนโชคดีได้จริงๆ ยานี้ก็ทรงพลังมาก
ซลักฮอร์นพูดต่อ
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมดัมเบิลดอร์จึงตกลงรับใบสมัครของเธอ บางทีเขาอาจคิดว่าความไม่พอใจของคนที่คุณก็รู้ว่าใครสำหรับตำแหน่งนี้ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น แต่ฉันก็ยังคิดว่ามันมีความเสี่ยง!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เชอร์ล็อครู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เขาถามออกมาอย่างแผ่วเบา
“คุณหมายถึงคำสาปที่ชายลึกลับใส่ไว้กับศาสตราจารย์วิชาป้องกัน? มันมีอยู่จริงเหรอ?”
“มันมีอยู่จริง แต่มันไม่ใช่คำสาป!”
ซลักฮอร์นพูดอย่างจริงจัง
“เธอคือปรมาจารย์ด้านการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เธอควรเข้าใจความแตกต่างระหว่างคำสาปกับมนต์ดำ โชคร้าย และพิษร้ายได้ คำสาปเหล่านี้เป็นคำสาปที่อันตรายที่สุด!”
“คนที่คุณก็รู้ว่าใครมีความไม่พอใจต่อตำแหน่งศาสตราจารย์วิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ในตอนนั้นความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ทรงพลังมาก ดังนั้นสิ่งที่พัวพันอยู่ในตำแหน่งนี้จึงเป็นเพียงคำสาปพิษออกฤทธิ์ช้า แต่คำสาปนี้อันตรายมาก แม้แต่ดัมเบิลดอร์ยังไม่มีทางคลี่คลายมันได้!”
“แต่สิ่งที่ฉันแน่ใจคือ ตราบใดที่เธอไม่มีเจตนาแอบแฝงในตำแหน่งของตัวเอง เธอจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากผลของคำสาป ฉันเดาว่าดัมเบิลดอร์เห็นด้วยกับใบสมัครของเธอเพราะเหตุผลนี้”
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตราบเท่าที่เธออยู่ในปราสาทแห่งนี้หนึ่งวัน เธอต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง ฮอกวอตส์ไม่เคยเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกเวทมนต์ แม้ว่าดัมเบิลดอร์จะอยู่ที่นั่น!”
“สุดท้าย ฉันหวังว่าเธอจะเชื่อคำพูดของฉันเชอร์ล็อค”
ซลักฮอร์นจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา
“อย่าขุ่นเคืองพ่อของเธอ เขาไม่ได้ริเริ่มในการทิ้งแม่และลูก อย่าเกลียดเขา จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด…”
หลังจากพูดแบบนี้ เขาก็หยุดพูดคุยกับเชอร์ล็อคเกี่ยวกับเรื่องจริงจัง
หลังกินสเต็กและข้อศอกย่างด้วยน้ำผึ้งสามชั้นเสร็จแล้ว ซลักฮอร์นก็รีบออกจากฮอกส์มี้ดไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน
หลังอีกฝ่ายจากไป เชอร์ล็อคยังไม่ได้ออกไปทันที แต่มองบัตเตอร์เบียร์ที่เหลืออยู่หนี่งในสามของแก้วอย่างเงียบๆ และนึกถึงคำพูดที่ซลักฮอร์นเพิ่งพูดกับเขาไปคำต่อคำ
จากการพูดคุยครั้งนี้ เขาแน่ใจว่าชายชราอ้วนคนนี้ไม่ใช่ตัวละครธรรมดาในงานต้นฉบับ
และภูมิหลังชีวิตเจ้าของร่างเดิมนั้นซับซ้อนกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก…
……………………..