บทที่ 20 การจากไป
บทที่ 20 การจากไป
ในปากของพญามังกรเสี่ยวไป๋
คือสิ่งที่หลินเฟิงตามหามาตลอดดอกบุปผา
ในที่สุดก็พบแล้ว!
อาจารย์ของเขามีทางรอดแล้ว
ในชั่วขณะนั้น หลินเฟิงรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
เขาถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ
นับตั้งแต่ซูมู่ไป๋ได้รับบาดเจ็บ เขาโทษตัวเองมาตลอด
เขามักคิดว่าเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้อาจารย์ต้องตกอยู่ในสภาพนี้
หากหลินเฟิงแสดงพรสวรรค์ของตัวเองตั้งแต่แรก
เขาจะได้รับการสนับสนุนจากสำนักกระบี่เสินเซียวอย่างเต็มที่
บางทีอาจถึงขั้นทำให้บรรพบุรุษผู้ปิดด่านฝึกฝนในดินแดนต้องมนต์ออกมาสนใจ
คำพูดของเขาจะมีน้ำหนัก ไม่มีใครกล้าละเลย
สำนักกระบี่เสินเซียวอาจประเมินคุณค่าของซูมู่ไป๋ใหม่
เพราะศิษย์เช่นเขาเป็นอัจฉริยะที่สำนักจะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ
แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะไม่ใช่สายเลือด แต่ก็สนิทแนบแน่นยิ่งกว่าพ่อลูก
หากมีสำนักสนับสนุน ซูมู่ไป๋คงไม่ต้องออกไปต่อสู้เพียงลำพัง และจะไม่บาดเจ็บ
ถึงจะไม่เปิดเผยพรสวรรค์ต่อผู้บริหารสำนัก แค่ติดตามศิษย์อาจารย์ไป ก็สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องราวในวันนี้ได้
ด้วยเหตุนี้เอง หลินเฟิงจึงแบกรับความกดดันทางจิตใจอย่างมาก
เขาแตกต่างจากซูซีเหยา
ซูซีเหยาไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
ทำได้เพียงพยายามให้หนักขึ้น
แต่หลินเฟิงมีความสามารถ กลับเลือกไม่ทำ
หากซูมู่ไป๋ต้องเสียชีวิตไป เขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
โชคดีที่ซูมู่ไป๋เพียงบาดเจ็บสาหัส
เพียงแค่นำดอกบุปผากลับไป ทุกอย่างยังสามารถแก้ไขได้
หลังจากสงบอารมณ์ตื่นเต้น หลินเฟิงลูบตัวพญามังกรอย่างแผ่วเบา
หยิบดอกบุปผาขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง
เขากล่าวกับเสี่ยวไป๋ว่า "ขอบใจนะ เสี่ยวไป๋"
เสี่ยวไป๋รู้สึกถึงความสุขของหลินเฟิง มันจึงใช้หัวถูไถเขาอย่างอ่อนโยน
จากนั้น ความสำคัญของเสี่ยวไป๋ในสายตาของหลินเฟิงก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
"ใครกล้าฆ่าพญามังกร ข้าก็จะฆ่ามันคนนั้นเสี๊ยยยยย"
เมื่อหลินเฟิงได้ดอกบุปผา
เป้าหมายของเขาในการเข้ามายังเขตลึกลับเก้าหายนะก็บรรลุผล
สิ่งที่เหลือคือรอให้เขตลึกลับเปิดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดจะรวมกลุ่มกับสำนักกระบี่เสินเซียว
เพราะจะทำให้เขาเสียอิสระ
"เสี่ยวไป๋ ข้าจะออกไปแล้ว เจ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อ หรือจะไปกับข้า?"
หลินเฟิงชี้ไปทางทางออกของหลุมลึก ถามขึ้นอย่างล้อเล่น
เขาคิดว่าเสี่ยวไป๋คงเลือกที่จะอยู่ต่อ
การที่มันยอมสยบเพราะเกรงกลัวพลังของเขา มิใช่เต็มใจจริง ๆ
คงแอบหวังให้เขารีบไปจากที่นี่เสียที
เมื่อเขาไปแล้ว มันจะกลับมาเป็นเจ้าแห่งที่นี่เหมือนเดิม
แต่ไม่เหมือนที่คาด เสี่ยวไป๋กลับยังถูไถหลินเฟิงอย่างอ่อนโยน
พร้อมส่งเสียงเบา ๆ ออกมา
"เจ้าหมายความว่าอยากไปกับข้า?" หลินเฟิงถามอย่างไม่แน่ใจ
เสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
"แน่ใจหรือ? ข้ากำลังจะออกไปยังโลกภายนอก ที่นั่นอันตรายมาก
ร่างกายเจ้าใหญ่ขนาดนี้ หากไม่ระวัง อาจถูกล่าเพื่อชิงสมบัติ"
หลินเฟิงพูดพลางทำท่าทางประกอบ
เขาพยายามอธิบายว่าร่างกายของมันใหญ่เกินไป
อาจตกเป็นเป้าของเหล่าผู้ล่าที่โล�
อีกทั้ง เสี่ยวไป๋เป็นพญามังกรที่ผ่านการล้างบาปจากสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จนแปลงกายสำเร็จ
ร่างกายของมันเต็มไปด้วยสมบัติชั้นเลิศที่แม้แต่ขุมพลังระดับสูงสุดยังต้องตาลุกวาว
กระเป๋าของเขาเองก็ไม่สามารถใส่สิ่งมีชีวิตได้
ยังไม่รวมถึงชิ้นเต้าเสียว ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักมารผู้ยิ่งใหญ่ที่รออยู่ภายนอก
หากเขาไม่ช่วย เสี่ยวไป๋ก็อาจไม่มีใครช่วยได้
เสี่ยวไป๋เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่หลินเฟิงต้องการสื่อ...
…………………………………………………………………………..
มันบินขึ้นสู่ท้องฟ้า บินวนรอบอยู่หลายรอบ ก่อนที่ร่างขนาดมหึมานั้นจะค่อยๆ หดเล็กลง
ในที่สุด ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของหลินเฟิง
มันได้กลายเป็นงูขาวตัวเล็กที่มีขนาดเพียงเท่านิ้วก้อย
งูขาวที่หดเล็กลงบินกลับมายังหลินเฟิง หมุนวนรอบตัวเขาอย่างร่าเริง
หลินเฟิงยื่นมือออกไป งูขาวทันทีที่เห็นก็เลื้อยขึ้นมาหยุดอยู่บนฝ่ามือของเขา
เมื่อมองดูงูขาวตัวเล็กตรงหน้า เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่านี่เคยเป็นพญามังกรร่างใหญ่โต
"เหลือเชื่อจริงๆ! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถหดตัวได้ ถ้าเป็นเช่นนี้
ต่อไปเจ้าติดตามข้าเถอะ! รอวันหนึ่ง ข้าจะช่วยเจ้าแปลงกายเป็นมังกรแท้จริง เพื่อเหินเวหาสู่เก้าแผ่นฟ้า" หลินเฟิงหัวเราะลั่น
งูขาวบนมือของเขาดิ้นกลิ้งไปมาด้วยความยินดี
หลังจากแน่ใจว่างูขาวจะติดตามเขา หลินเฟิงก็เริ่มเก็บเกี่ยวสมุนไพรและยาวิเศษล้ำค่าทั้งหมดในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้
หากเสี่ยวไป๋เลือกอยู่ต่อ เขาคงไม่แตะต้องของเหล่านี้ แต่เมื่อมันจะติดตามเขาแล้ว การปล่อยไว้เฉยๆ ย่อมเป็นการสูญเปล่า
การเก็บสมุนไพรและยาวิเศษในพื้นที่นี้เป็นงานใหญ่ที่ใช้เวลาถึงห้าวันเต็ม
สมุนไพรและยาวิเศษหายากทุกชนิดถูกย้ายเข้าสู่ถุงมิติของเขา
เมื่อกลับไปยังยอดเขากู่ชุน เขาวางแผนจะปลูกมันไว้ในสวนยา
สิ่งที่ล้ำค่ามากย่อมบอบบางมากเช่นกัน ดินที่สมุนไพรเหล่านี้เติบโตต้องถูกขนย้ายมาด้วยเพื่อรักษาความมีชีวิต
เนื่องจากปริมาณสมุนไพรมีมาก ทำให้ใช้เวลานานเช่นนี้
แต่หลินเฟิงคิดว่ามันคุ้มค่า
หลังจากพบดอกบุปผาแล้ว ความตึงเครียดในจิตใจของเขาก็ผ่อนคลายลง
การขุดสมบัติแบบนี้ กลับกลายเป็นความสนุกสนานสำหรับเขา
เหตุใดผู้คนนับหมื่นถึงกล้าเสี่ยงชีวิตเข้าสู่เขตลึกลับเก้าหายนะทุกครั้งที่มันเปิด?
ก็เพื่อสมุนไพรและยาวิเศษเหล่านี้นี่เอง!
หากพลังฝ่ายใดค้นพบพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ คงตื่นเต้นกันยกใหญ่
แต่อย่างไร หลังจากความตื่นเต้นจางหาย พวกเขาก็จะกลายเป็นอาหารของเสี่ยวไป๋อยู่ดี
ด้วยพลังที่เสี่ยวไป๋แสดงออกมา ต่อให้กลุ่มคนจากขุมพลังระดับสูงสุดของทิศตะวันตกทั้งหมดรวมกำลังกัน ก็ทำได้เพียงเพิ่มอาหารให้มันเท่านั้น
"เสี่ยวไป๋! ไปกันเถอะ! ข้าจะพาเจ้าไปลิ้มรสชีวิตที่อิสระ ไม่ต้องติดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ แบบนี้อีก"
หลินเฟิงพูดจบ ก็ยกมือขึ้น
งูขาวตัวเล็กพุ่งเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างรวดเร็ว เลื้อยพันอยู่บนแขน
จากภายนอก ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามันซ่อนอยู่ที่นั่น
จากนั้น หลินเฟิงเหาะขึ้นสู่ฟ้า ออกมาจากปากหลุมลึก มายังพื้นดินเบื้องบน
เลือกทิศทางหนึ่ง แล้วรีบออกเดินทาง
เขาเลือกทิศทางที่ตรงไปยังตำแหน่งของเย่ชิงเสวียนและพวกพ้อง
อย่างไรก็ตาม ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายยังค่อนข้างไกล คงไม่พบกันในทันที
...
อีกด้านหนึ่ง
ชายในชุดคลุมดำสองคนแอบติดตามกลุ่มสำนักกระบี่เสินเซียวอย่างลับๆ
และทิ้งร่องรอยไว้ตลอดเส้นทาง
ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปเพื่อหาพรรคพวกมาสมทบ
ชายในชุดคลุมดำคนหนึ่งตามร่องรอยที่เจ็ดสังหารจงทิ้งไว้
และพบกลุ่มที่นำโดยเหมียวคุน ศิษย์เอกของเจ็ดสังหารจง
ชายในชุดคลุมดำเหล่านี้เป็นอาวุธลับที่เจ็ดสังหารจงฝึกฝนอย่างลับๆ
ศิษย์ธรรมดาไม่มีทางล่วงรู้ มีเพียงศิษย์เอกเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ในการรู้
เหมียวคุนพบชายในชุดคลุมดำ และเมื่อได้ยินเกี่ยวกับเส้นทางของกลุ่มสำนักกระบี่เสินเซียวจากพวกเขา ก็เกือบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
เขารีบเรียกรวมพลทั้งหมด เตรียมการลอบโจมตีทันที
เจ็ดสังหารและสำนักมารไร้ขอบเขตได้ร่วมมือกันในเงามืดมานานแล้ว เป้าหมายคือการทำลายพลังสำคัญของสำนักกระบี่เสินเซียวและสำนักชิงหยุนทีละน้อย
การโจมตีซูมู่ไป๋ผู้ถือกระบี่ฮ่าวหราน การล่อหลงหานซวงแห่งกระบี่น้ำแข็งเข้ามาในเขตลึกลับเก้าหายนะเพื่อจับตัว และการสังหารสมาชิกของสองสำนักที่เข้ามาในเขตลึกลับล้วนเป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น
หลังจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่รออยู่
มันขึ้นอยู่กับว่าสำนักกระบี่เสินเซียวและสำนักชิงหยุนจะต้านทานได้หรือไม่...