บทที่ 169: พบเป้าหมาย!
บทที่ 169: พบเป้าหมาย!
“ขนของลงเร็วเข้า!”
“ดูฟ้าฝนสิ ใกล้จะตกแล้ว พยายามขนของให้เสร็จก่อนมื้อเที่ยง!”
ประตูตู้สินค้าทุกตู้เปิดออก เหล่าคนงานต่างช่วยกันขนของลงอย่างขะมักเขม้น
เสบียงทางทหารที่รถไฟขบวนที่ 13 ขนส่งมา จะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนเสบียงของเมืองหวงหยานได้อย่างทันท่วงที
…..
ณ เวลาเที่ยงวัน
ภายในจวนเจ้าเมือง เเห่งเมืองหวงหยาน
โจวซง เจ้าเมืองหวงหยานได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างเอิกเกริก
ภายในห้องจัดเลี้ยง นักเรียนชั้นปีที่ 1 ห้อง 3 ของวิทยาลัยชิงหลงได้มานั่งรวมกันที่โต๊ะเดียว
เหล่านักเรียนที่มีความสุขเพราะการสอบกลางภาคจบลงแล้ว ต่างก็เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศตรงหน้า
สำหรับนักเรียนแล้ว คืนนี้พวกเขาจะได้พักค้างคืนที่เมืองหวงหยาน ส่วนพรุ่งนี้เช้าก็จะนั่งรถไฟกลับวิทยาลัยชิงหลง
ส่วนสมาชิกของกิลด์นภานั่งรวมอยู่ที่อีกโต๊ะ
“หัวหน้าฉิน ทำไมท่านไม่ทานอะไรเลย…อาหารไม่อร่อยเหรอ?” หลี่ไค่ถามอย่างสงสัย
“พวกนายทานกันเถอะ ฉันไม่หิว”
ฉินเยี่ยนหรันไม่ได้สนใจอาหารบนโต๊ะ เธอนั่งเท้าคางพรางมองไปที่โต๊ะหลัก
แขกที่นั่งโต๊ะหลักล้วนเป็นบุคคลสำคัญ…เเละซ่างกวนเฉียนในฐานะองค์หญิง ย่อมต้องนั่งโต๊ะหลักอยู่แล้ว
แต่คนที่นั่งข้างๆซ่างกวนเฉียน กลับเป็นคนที่ทุกคนไม่คาดคิด
“องค์หญิง, ขอบพระทัยที่เสด็จมาตรวจราชการที่เมืองหวงหยาน ฉันขอคารวะพระองค์ด้วยจอกนี้”
“เจ้าเมืองโจว ท่านพูดจาห่างเหินเกินไป ท่านเฝ้าระวังชายแดนตะวันตกของแคว้นมังกรมาหลายสิบปี ควรเป็นฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน”
ซ่างกวนเฉียนชนแก้วกับโจวซง แล้วดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
โจวซงรินเหล้าให้ซ่างกวนเฉียนเต็มแก้วอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาเซียวซิงหยูที่นั่งอยู่ข้างๆ
“น้องเซียว เราเป็นเพื่อนกันแล้ว มาชนแก้วกันหน่อย!”
เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ ซ่างกวนเฉียนคือเซียวซิงหยูนั่นเอง
บนโต๊ะหลัก โจวซงคือเจ้าเมืองหวงหยาน…คนที่นั่งข้างๆโจวซงล้วนเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเขา
มีเพียงเซียวซิงหยูเท่านั้นที่ดูไม่เข้าพวก เขาไม่มีตำแหน่งหรือภูมิหลังใดๆ…เป็นแค่นักเรียนปีหนึ่งของวิทยาลัยชิงหลงเท่านั้น
เเละฉากนี้ทำให้หลี่ไค่อดพึมพำเบาๆไม่ได้ “หัวหน้าฉิน เซียวซิงหยูนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะสนิทกับองค์หญิงขนาดนี้…ถึงขั้นได้นั่งโต๊ะหลักด้วยกัน”
ซ่างกวนเฉียนเป็นหญิงงามอันดับต้นๆ ของประเทศมังกร ยิ่งประกอบกับฐานะองค์หญิง ฉินเยี่ยนหรันจึงรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
“เซียวซิงหยู…เจ้าน้องเนรคุณ!” ฉินเยี่ยนหรันบ่นพึมพำในใจ
“หัวหน้าฉิน เซียวซิงหยูเป็นน้องชายของคุณ คุณรู้ไหมว่าทำไมเซียวซิงหยูถึงสนิทกับองค์หญิง?”
“ไม่รู้สิ! ดื่ม!”
ฉินเยี่ยนหรันหงุดหงิด จึงยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
ฉากนี้ทำให้หลี่ไค่และสมาชิกคนอื่นๆ ของกิลด์นภาต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ทุกคนต่างงุนงงว่าทำไมฉินเยี่ยนหรันถึงดูอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้
…..
อีกด้าน, บนโต๊ะหลัก
โจวซงชนแก้วกับเซียวซิงหยูไปสามแก้วรวด ณ เวลานี้…ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ
หลังจากดื่มไปสามแก้ว โจวซงก็โอบไหล่เซียวซิงหยูอย่างสนิทสนม
“ฉันขอแนะนำทุกคนอย่างเป็นทางการ!”
“เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆฉันไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือปรมาจารย์ปรุงยาที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอ!”
โจวซงแนะนำเซียวซิงหยูด้วยความภาคภูมิใจ
“เขาชื่อเซียวซิงหยู…เเละเขาคือผู้คิดค้นยาวิญญาณม่วงบริสุทธิ์ ที่ช่วยรักษาโรคแมลงทรายอาถรรพ์!”
เมื่อโจวซงพูดจบ ทุกคนต่างมองเซียวซิงหยูด้วยความชื่นชมและยกย่อง
“คุณเซียวอายุยังน้อย แต่มีความสามารถในการปรุงยาสูงส่งมาก!”
“วีรบุรุษมักเกิดในวัยเยาว์จริงๆ!”
“คุณเซียว ฉันขอคารวะท่านด้วยจอกนี้!”
ไม่ว่ายุคสมัยไหน คนที่มีความสามารถมักจะได้รับความเคารพนับถือ
ด้วยความสามารถทางการแพทย์และการปรุงยาขั้นเทพของเซียวซิงหยู ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ปรมาจารย์อสูร เขาก็ยังคงได้รับความเคารพจากผู้คน และเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย
ซ่างกวนเฉียนโน้มตัวเข้าไปใกล้เซียวซิงหยูเเล้วกระซิบข้างหูเขา
“เซียวซิงหยู คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะมีความสามารถด้านการแพทย์และการปรุงยาขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เสด็จแม่จะชื่นชมเจ้า”
“องค์หญิงทรงกล่าวเกินไปแล้ว ที่จริงนี่เป็นแค่ความสามารถเล็กน้อยของข้าเท่านั้น”
หลังจากดื่มไปอีกหนึ่งแก้ว…โจวซงพูดขึ้นอีกครั้ง
“องค์หญิง น้องเซียว…เกือบลืมแนะนำให้พวกท่านรู้จักคนพวกนี้กันแล้ว”
“ท่านผู้นี้คือรองแม่ทัพจ้าวหมิง ผู้บัญชาการกองกำลังปรมาจารย์อสูรสามกอง”
“ส่วนท่านผู้นี้คือแม่ทัพใหญ่หลิวรุ่ยเจี๋ย”
“แล้วก็เจ้าผิวคล้ำนี่ชื่อซุนล่าง ผู้บัญชาการกองกำลังจู่โจม”
โจวซงแนะนำผู้ช่วยคนสำคัญสามคนให้เซียวซิงหยูและซ่างกวนเฉียนรู้จัก
ทั้งสามคนดูเหมือนจะไม่มีพิรุธอะไร แต่สำหรับเซียวซิงหยูและซ่างกวนเฉียนแล้ว การที่ไม่มีพิรุธนี่แหละคือพิรุธที่แท้จริง!
อสูรสายปลอมตัว หลังจากแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วจะไม่มีกลิ่นอายของอสูรหลงเหลืออยู่เลย, นอกจากนี้มันยังสามารถเลียนแบบพฤติกรรม กิริยาท่าทาง รวมถึงน้ำเสียงของมนุษย์ได้อย่างแนบเนียน
หลังจากดื่มไปได้สักพัก ซ่างกวนเฉียนก็ลุกขึ้นยืน
“เหล้าแรงไปหน่อย ข้าขอออกไปสูดอากาศข้างนอกแปปนะ”
เซียวซิงหยูหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา แล้วเดินตามซ่างกวนเฉียนออกไป
….
บนกำแพงเมือง
ซ่างกวนเฉียนยืนกอดอกมองออกไปยังทิวทัศน์ที่ไกลเเสนไกล
ในสายตาของเธอตอนนี้มันมีเพียงทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีแม้แต่ต้นหญ้าสักต้น
ลมแรงพัดผ่าน ฝุ่นทรายปลิวว่อน ท้องฟ้ามืดครึ้ม อุณหภูมิรอบๆเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
ลมพัดมาที ซ่างกวนเฉียนเริ่มรู้สึกหนาวจนสั่นไปทั้งตัว
ทันใดนั้นก็มีความอบอุ่นแผ่ซ่านมาจากด้านหลัง ซ่างกวนเฉียนหันไปมองด้วยความประหลาดใจ
เป็นเซียวซิงหยูที่เดินตามมาคลุมเสื้อคลุมให้เธอ
“เซียวซิงหยู คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีมุมที่อ่อนโยนแบบนี้ด้วย”
“ถ้าพระองค์ทรงเป็นหวัด แล้วเราจะสืบคดีอสูรสายปลอมตัวได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่างกวนเฉียนก็เข้าเรื่อง “ในเมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว งั้นเธอลองบอกมาหน่อยสิ ว่าในงานเลี้ยงเมื่อกี้ เธอสังเกตเห็นอะไรบ้าง”
เเต่เซียวซิงหยูกลับถามกลับ “ผมอยากทราบความคิดเห็นขององค์หญิงดูก่อน”
ซ่างกวนเฉียนมีสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาของเธอฉายแววฉลาดเฉลียว
“อสูรสายปลอมตัวมีสติปัญญาสูงมาก เมื่อมันแฝงตัวเข้ามาในดินแดนของมนุษย์ มันจะเลือกปลอมตัวเป็นมนุษย์ที่มีตำแหน่งสูง”
“ในเมืองหวงหยาน คนที่มีตำแหน่งสูงสุดคือเจ้าเมืองโจวซง”
“นอกจากโจวซงแล้ว ก็มีผู้ช่วยคนสำคัญสามคนของเขา คือจ้าวหมิง หลิวรุ่ยเจี๋ย และซุนล่าง”
“ข้าเดาว่า อสูรสายปลอมตัวต้องอยู่ในกลุ่มคนสี่คนนี้!”
เซียวซิงหยูยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “องค์หญิงทรงหมายความว่า มีผู้ต้องสงสัยสี่คนสินะ?”
ซ่างกวนเฉียนหันมามองเซียวซิงหยู ด้วยใบหน้างามที่เริ่มปรากฏแววขุ่นเคืองเล็กน้อย
“รอยยิ้มของเธอนี่มันแปลกๆ มีอะไรก็พูดมาตรงๆสิ!”
เซียวซิงหยูเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดสิ่งที่ทำให้ซ่างกวนเฉียนตกตะลึงอย่างมาก
“ไม่ต้องไปตรวจสอบทั้งสี่คนแล้ว ข้าแน่ใจว่าจ้าวหมิงคืออสูรสายปลอมตัวที่เรากำลังตามหา”
“เจ้าว่าอะไรนะ? พูดใหม่สิ!” ซ่างกวนเฉียนถึงกับมึนงง เธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
“จ้าวหมิงคืออสูรสายปลอมตัวที่เรากำลังตามหา”
ซ่างกวนเฉียนขมวดคิ้วแน่น เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำเเละกดดัน “เจ้าแน่ใจได้ยังไง?”
“ด้วยดวงตาคู่นี้ของข้า”เซียวซิงหยูตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากดวงตาเทพอสูรไปได้
“องค์หญิง ทำไมพระองค์ถึงเงียบไปล่ะ?”
“เวลาอยู่กับเจ้า ข้าไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ”
ซ่างกวนเฉียนไม่รู้เรื่องดวงตาเทพอสูร เธอจึงคิดว่าเซียวซิงหยูกำลังล้อเล่นอยู่
…………………..