ตอนที่แล้วบทที่ 168: เมืองหวงหยาน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 169: พบเป้าหมาย​!


บทที่ 169: พบเป้าหมาย​!

“ขนของลงเร็วเข้า!”

“ดูฟ้าฝนสิ ใกล้จะตกแล้ว พยายามขนของให้เสร็จก่อนมื้อเที่ยง!”

ประตูตู้สินค้าทุกตู้เปิดออก เหล่าคนงานต่างช่วยกันขนของลงอย่างขะมักเขม้น

เสบียงทางทหารที่รถไฟขบวนที่ 13 ขนส่งมา จะสามารถ​ช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนเสบียงของเมืองหวงหยานได้อย่างทันท่วงที

…..

ณ เวลาเที่ยงวัน

ภายในจวนเจ้าเมือง เเห่งเมืองหวงหยาน

โจวซง เจ้าเมืองหวงหยานได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างเอิกเกริก​

ภายในห้องจัดเลี้ยง นักเรียนชั้นปีที่ 1 ห้อง 3 ของวิทยาลัยชิงหลงได้มานั่งรวมกันที่โต๊ะเดียว

เหล่านักเรียนที่มีความสุขเพราะการสอบกลางภาคจบลงแล้ว ต่างก็เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศตรงหน้า

สำหรับนักเรียนแล้ว คืนนี้พวกเขาจะได้พักค้างคืนที่เมืองหวงหยาน ส่วนพรุ่งนี้เช้าก็จะนั่งรถไฟกลับวิทยาลัยชิงหลง

ส่วนสมาชิกของกิลด์นภานั่งรวมอยู่ที่อีกโต๊ะ

“หัวหน้าฉิน ทำไมท่านไม่ทานอะไรเลย…อาหารไม่อร่อยเหรอ?” หลี่ไค่ถามอย่าง​สงสัย​

“พวกนายทานกันเถอะ ฉันไม่หิว”

ฉินเยี่ยนหรันไม่ได้สนใจอาหารบนโต๊ะ เธอนั่งเท้าคางพรางมองไปที่โต๊ะหลัก

แขกที่นั่งโต๊ะหลักล้วนเป็นบุคคลสำคัญ…เเละซ่างกวนเฉียนในฐานะองค์หญิง ย่อมต้องนั่งโต๊ะหลักอยู่แล้ว

แต่คนที่นั่งข้างๆซ่างกวนเฉียน กลับเป็นคนที่ทุกคนไม่คาดคิด

“องค์หญิง, ขอบพระทัยที่เสด็จมาตรวจราชการที่เมืองหวงหยาน ฉันขอคารวะพระองค์ด้วยจอกนี้”

“เจ้าเมืองโจว ท่านพูดจาห่างเหินเกินไป ท่านเฝ้าระวังชายแดนตะวันตกของแคว้นมังกรมาหลายสิบปี ควรเป็นฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน”

ซ่างกวนเฉียนชนแก้วกับโจวซง แล้วดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

โจวซงรินเหล้าให้ซ่างกวนเฉียนเต็มแก้วอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาเซียวซิงหยูที่นั่งอยู่ข้างๆ

“น้องเซียว เราเป็นเพื่อนกันแล้ว มาชนแก้วกันหน่อย!”

เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ ซ่างกวนเฉียนคือเซียวซิงหยูนั่นเอง

บนโต๊ะหลัก โจวซงคือเจ้าเมืองหวงหยาน…คนที่นั่งข้างๆโจวซงล้วนเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเขา

มีเพียงเซียวซิงหยูเท่านั้นที่ดูไม่เข้าพวก เขาไม่มีตำแหน่งหรือภูมิหลังใดๆ…เป็นแค่นักเรียนปีหนึ่งของวิทยาลัยชิงหลงเท่านั้น​

เเละฉากนี้ทำให้หลี่ไค่อดพึมพำเบาๆไม่ได้​ “หัวหน้าฉิน เซียว​ซิง​หยู​นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะสนิทกับองค์หญิงขนาดนี้…ถึงขั้นได้นั่งโต๊ะหลักด้วยกัน”

ซ่างกวนเฉียนเป็นหญิงงามอันดับต้นๆ ของประเทศ​มังกร ยิ่งประกอบกับฐานะองค์หญิง ฉินเยี่ยนหรันจึงรู้สึกอิจฉา​เล็กน้อย

“เซียวซิงหยู…เจ้าน้องเนรคุณ!” ฉินเยี่ยนหรันบ่นพึมพำในใจ

“หัวหน้าฉิน เซียวซิงหยูเป็นน้องชายของคุณ คุณรู้ไหมว่าทำไมเซียวซิงหยูถึงสนิทกับองค์หญิง?”

“ไม่รู้สิ! ดื่ม!”

ฉินเยี่ยนหรันหงุดหงิด จึงยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

ฉากนี้ทำให้หลี่ไค่และสมาชิกคนอื่นๆ ของกิลด์นภาต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ทุกคน​ต่างงุนงง​ว่าทำไมฉินเ​ยี่​ยนห​รัน​ถึงดูอารมณ์​ไม่ดีขนาดนี้

…..

อีกด้าน, บนโต๊ะหลัก

โจวซงชนแก้วกับเซียวซิงหยูไปสามแก้วรวด ณ เวลานี้…ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ

หลังจากดื่มไปสามแก้ว โจวซงก็โอบไหล่เซียวซิงหยูอย่างสนิทสนม​

“ฉันขอแนะนำทุกคนอย่างเป็นทางการ!”

“เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆฉันไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือปรมาจารย์ปรุงยาที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอ!”

โจวซงแนะนำเซียวซิงหยูด้วยความภาคภูมิใจ

“เขาชื่อเซียวซิงหยู…เเละเขาคือผู้คิดค้นยาวิญญาณ​ม่วงบริสุทธิ์ ที่ช่วยรักษาโรคแมลงทรายอาถรรพ์!”

เมื่อโจวซงพูดจบ ทุกคนต่างมองเซียวซิงหยูด้วยความชื่นชมและยกย่อง

“คุณเซียวอายุยังน้อย แต่มีความสามารถในการปรุงยาสูงส่งมาก!”

“วีรบุรุษมักเกิดในวัยเยาว์จริงๆ!”

“คุณเซียว ฉันขอคารวะท่านด้วยจอกนี้!”

ไม่ว่ายุคสมัยไหน คนที่มีความสามารถมักจะได้รับความเคารพนับถือ

ด้วยความสามารถทางการแพทย์และการปรุงยาขั้นเทพของเซียวซิงหยู ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ปรมาจารย์อสูร เขาก็ยังคงได้รับความเคารพจากผู้คน และเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย

ซ่างกวนเฉียนโน้มตัวเข้าไปใกล้เซียวซิงหยูเเล้วกระซิบข้างหูเขา

“เซียวซิงหยู คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะมีความสามารถด้านการแพทย์และการปรุงยาขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เสด็จแม่จะชื่นชมเจ้า”

“องค์หญิงทรงกล่าวเกินไปแล้ว ที่จริงนี่เป็นแค่ความสามารถเล็กน้อยของข้าเท่านั้น​”

หลังจากดื่มไปอีกหนึ่งแก้ว…โจวซงพูดขึ้นอีกครั้ง

“องค์หญิง น้องเซียว…เกือบลืมแนะนำให้พวกท่านรู้จักคนพวกนี้​กันแล้ว”

“ท่านผู้นี้คือรองแม่ทัพจ้าวหมิง ผู้บัญชาการกองกำลังปรมาจารย์อสูรสามกอง”

“ส่วนท่านผู้นี้คือแม่ทัพใหญ่หลิวรุ่ยเจี๋ย”

“แล้วก็เจ้าผิวคล้ำนี่ชื่อซุนล่าง ผู้บัญชาการกองกำลังจู่โจม”

โจวซงแนะนำผู้ช่วยคนสำคัญสามคนให้เซียวซิงหยูและซ่างกวนเฉียนรู้จัก

ทั้งสามคนดูเหมือนจะไม่มีพิรุธอะไร แต่สำหรับเซียวซิงหยูและซ่างกวนเฉียนแล้ว การที่ไม่มีพิรุธนี่แหละคือพิรุธที่แท้จริง!

อสูรสายปลอมตัว หลังจากแปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วจะไม่มีกลิ่นอายของอสูรหลงเหลืออยู่เลย, นอกจากนี้​มันยังสามารถเลียนแบบพฤติกรรม กิริยาท่าทาง รวมถึงน้ำเสียงของมนุษย์ได้อย่างแนบเนียน

หลังจากดื่มไปได้สักพัก ซ่างกวนเฉียนก็ลุกขึ้นยืน

“เหล้าแรงไปหน่อย ข้าขอออกไปสูดอากาศข้างนอกแปปนะ”

เซียวซิงหยูหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา แล้วเดินตามซ่างกวนเฉียนออกไป

….

บนกำแพงเมือง

ซ่างกวนเฉียนยืนกอดอกมองออกไปยังทิวทัศน์​ที่ไกลเเสนไกล

ในสายตาของเธอตอนนี้มันมีเพียงทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีแม้แต่ต้นหญ้าสักต้น

ลมแรงพัดผ่าน ฝุ่นทรายปลิวว่อน ท้องฟ้ามืดครึ้ม อุณหภูมิรอบๆเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว

ลมพัดมาที ซ่างกวนเฉียนเริ่มรู้สึกหนาวจนสั่นไปทั้งตัว

ทันใดนั้นก็มีความอบอุ่นแผ่ซ่านมาจากด้านหลัง ซ่างกวนเฉียนหันไปมองด้วยความประหลาดใจ

เป็นเซียวซิงหยูที่เดินตามมาคลุมเสื้อคลุมให้เธอ

“เซียวซิงหยู คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีมุมที่อ่อนโยนแบบนี้ด้วย”

“ถ้าพระองค์ทรงเป็นหวัด แล้วเราจะสืบคดีอสูรสายปลอมตัวได้ยังไง?”

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้​ ซ่างกวนเฉียนก็เข้าเรื่อง “ในเมื่อ​เธอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว งั้นเธอลองบอกมาหน่อยสิ ว่าในงานเลี้ยงเมื่อกี้ เธอสังเกตเห็นอะไรบ้าง”

เเต่เซียวซิงหยูกลับถามกลับ “ผมอยากทราบความคิดเห็นขององค์หญิงดูก่อน”

ซ่างกวนเฉียนมีสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาของเธอฉายแววฉลาดเฉลียว

“อสูรสายปลอมตัวมีสติปัญญาสูงมาก เมื่อมันแฝงตัวเข้ามาในดินแดนของมนุษย์ มันจะเลือกปลอมตัวเป็นมนุษย์ที่มีตำแหน่งสูง”

“ในเมืองหวงหยาน คนที่มีตำแหน่งสูงสุดคือเจ้าเมืองโจวซง”

“นอกจากโจวซงแล้ว ก็มีผู้ช่วยคนสำคัญสามคนของเขา คือจ้าวหมิง หลิวรุ่ยเจี๋ย และซุนล่าง”

“ข้าเดาว่า อสูรสายปลอมตัวต้องอยู่ในกลุ่มคนสี่คนนี้!”

เซียวซิงหยูยกยิ้มเจ้าเล่ห์​ “องค์หญิงทรงหมายความว่า มีผู้ต้องสงสัยสี่คนสินะ?”

ซ่างกวนเฉียนหันมามองเซียวซิงหยู ด้วยใบหน้างามที่เริ่มปรากฏแววขุ่นเคืองเล็กน้อย

“รอยยิ้มของเธอนี่มันแปลกๆ มีอะไรก็พูดมาตรงๆสิ!”

เซียวซิงหยูเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดสิ่งที่ทำให้ซ่างกวนเฉียนตกตะลึง​อย่างมาก

“ไม่ต้องไปตรวจสอบ​ทั้งสี่คนแล้ว ข้าแน่ใจว่าจ้าวหมิงคืออสูรสายปลอมตัวที่เรากำลัง​ตามหา”

“เจ้าว่าอะไรนะ? พูดใหม่สิ!” ซ่างกวนเฉียนถึงกับมึนงง เธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป

“จ้าวหมิงคืออสูรสายปลอมตัวที่เรากำลัง​ตามหา”

ซ่างกวนเฉียนขมวดคิ้วแน่น เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำเเละกดดัน​ “เจ้าแน่ใจได้ยังไง?”

“ด้วยดวงตาคู่นี้ของข้า”เซียวซิงหยูตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากดวงตา​เทพ​อสูร​ไปได้

“องค์หญิง ทำไมพระองค์ถึงเงียบไปล่ะ?”

“เวลาอยู่กับเจ้า ข้าไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ”

ซ่างกวนเฉียนไม่รู้เรื่องดวงตา​เทพ​อสูร​ เธอจึงคิดว่าเซียวซิงหยูกำลังล้อเล่นอยู่

…………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด