บทที่ 14 พลิกกลับอีกครั้ง
“แอนนา!!!”
ในเสี้ยววินาทีที่เด็กสาวร่างผอมบางตกลงมาอย่างรวดเร็ว หลี่อังซึ่งกำลังใช้กล้องส่องทางไกลสังเกตสถานการณ์จากฝั่งตรงข้ามก็รู้สึกเหมือนตกลงไปในห้วงน้ำแข็ง!
ในตอนนั้น สมองของเขาแม้แต่แนวคิดเรื่องความตายก็ยังไม่ทันจะคิดขึ้นมา การรับรู้ของเขาทั้งหมดว่างเปล่า หัวใจเหมือนถูกมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบรัดจนเลือดในร่างกายไม่สามารถไหลเวียนได้และทั้งร่างแข็งทื่อราวกับไร้ชีวิต
โลกทั้งใบ ณ ขณะนั้น เงียบสงัดอย่างน่าประหลาด ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าซีดเซียวของเด็กสาวที่กำลังตกลงมาพร้อมริมฝีปากบางที่เม้มแน่นด้วยความสิ้นหวัง สิ่งเดียวที่หลี่อังทำได้คือมองน้องสาวของตัวเองร่วงลงมาจากที่สูงอย่างสิ้นหวัง
“ปัง!!!”
เสียงกระแทกที่ดังสนั่นไปทั่วถนนตามมาด้วยเสียงกระจกแตกและเสียงโลหะบิดเบี้ยวด้วยแรงอันมหาศาล
หน้าต่างมากกว่าครึ่งของโรงพยาบาลแตกกระจายด้วยแรงกระแทกครั้งนั้น กำแพงด้านนอกของชั้นสี่ก็ได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก โครงเหล็กที่ฝังอยู่ในกำแพงโผล่ออกมา ทำให้ชั้นอิฐด้านนอกแตกกระจายไปทั่วและถล่มลงไปบนถนนด้านล่างจนเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หลี่อังโล่งใจอย่างที่สุดคือ แอนนาที่เพิ่งตกลงมาเมื่อครู่ไม่ได้ตกกระแทกพื้น แต่กลับหยุดอยู่ระหว่างชั้นหนึ่งกับพื้นดิน
แม้ว่าแรงกระแทกจะทำให้แอนนาสลบไปและดูเหมือนว่ากระจกแตกจะบาดที่ต้นขาของเธอ แต่หลี่อังที่มองผ่านกล้องส่องทางไกลก็ยังคงเห็นหน้าอกของเธอขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง เป็นสัญญาณว่าเธอยังมีชีวิตอยู่!
“ขอบคุณ… ขอบคุณ… ฉันติดหนี้ชีวิตเธอ!”
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลี่อังมองดูแอนนาที่กำลังถูกวางลงพื้นอย่างปลอดภัยด้วยความดีใจ พร้อมทั้งขอบคุณหญิงพันผ้าพันแผลในใจนับครั้งไม่ถ้วน “แพะดำ” กลับหรี่ตาลงก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ไม่ดีแล้ว เรื่องนี้ยุ่งยากแน่!”
ใช่แล้ว!
เมื่อได้ยินคำพูดของแพะดำ หลี่อังก็รู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตก่อนจะตระหนักได้ว่าจุดกระแทกเมื่อครู่เกิดขึ้นใกล้กับห้องผู้ป่วยของแอนนา!หญิงพันผ้าพันแผลยังอยู่ในนั้น!
แม้การที่เธอสามารถจับตัวแอนนาไว้ได้จะพิสูจน์ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่และสถานะจิตวิญญาณก็ยังคงมั่นคง แต่การเผชิญกับแรงกระแทกระดับนี้ เธอจะรอดมาได้โดยไม่เป็นอะไรเลยหรือ?
“ฉันไม่ได้หมายถึงว่าเอ็มม่าตกอยู่ในอันตรายซะหน่อย เธอไม่เป็นไรแน่ ความสามารถในการเอาตัวรอดของเธอนับว่าอยู่ในระดับต้นๆของสำนักงานเลยทีเดียว ต่อให้นายตาย เธอก็อาจจะยังไม่ตาย”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความกระวนกระวายใจของหลี่อัง แพะดำก็ส่ายหัวก่อนอธิบาย
“ฉันกำลังจะบอกว่า เรื่องครั้งนี้ดูไม่ปกติ ผู้ที่เสียการควบคุมและเกิดการแปดเปื้อนครั้งนี้อาจไม่ได้ปรากฏขึ้นเองโดยธรรมชาติ เขาอาจรู้ถึงการมีอยู่ของสำนักทำความสะอาดก็ได้”
พอได้ยินแบบนั้น หลี่อังก็เริ่มขมวดคิ้วแน่นและตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่หญิงพันผ้าพันแผลก้าวเข้ามา โรงพยาบาลที่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีสัญญาณวิญญาณก็กลับมีขึ้นมาทันที หรือแม้กระทั่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นตรงจังหวะที่เธอกำลังหย่อนแอนนาลงไปจากหน้าต่าง ทุกอย่างดูจงใจเหมือนกับเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าหมายไปที่เธอโดยเฉพาะ
ถ้าอย่างนั้น… บางทีอาจจะยังมีผู้สมรู้ร่วมคิด? การที่ฉันอยู่ข้างนอกนี้ก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัยใช่ไหม?
หลี่อังที่รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นแอนนาถูกพยาบาลที่ลงมาก่อนหน้านี้แบกหนีไปแล้ว ก็พยายามสะกดกลั้นความกลัวในใจและค้นหาจิตวิญญาณของผู้ที่แปดเปื้อนต่อไป ขณะเดียวกันก็ถามแพะดำว่า
“พวกเรา… สำนักงานทำความสะอาดมีศัตรูหรือเปล่า?”
“เฮอะ ศัตรูเยอะเลยล่ะ”
แพะดำหัวเราะเบาๆก่อนตอบ
“ปีศาจ เทพเจ้า ผู้แปดเปื้อน วิญญาณโบราณ ศัตรูของพวกนายมากจนฉันนับไม่หมด! ถ้าศัตรูเหล่านี้ร่วมมือกันได้ล่ะก็ ต่อให้พวกนายเก่งขึ้นอีกสิบเท่าก็ยังโดนถล่มอยู่ดี! แต่ข่าวดีก็คือ ศัตรูของพวกนายก็ไม่ได้สามัคคีกัน พวกมันเกลียดกันเองยิ่งกว่าที่เกลียดพวกนายเสียอีก ถ้าฝ่ายไหนดูเหมือนจะได้เปรียบ ฝ่ายอื่นๆก็มักจะเล่นงานลับหลัง หรือบางครั้งก็ถึงขั้นขายจุดอ่อนให้สำนักงานทำความสะอาดของพวกนายเลย ดังนั้นตอนนี้พวกนายยังปลอดภัยอยู่”
หลังจากอธิบายสถานการณ์ของสำนักงานทำความสะอาดจนจบ มันมองเห็นหลี่อังที่สีหน้ายิ่งดูไม่สบายใจแพะดำก็พูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“เอาล่ะ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่นายควรกังวลตอนนี้ ตั้งใจทำงานของนายไปดีกว่า! ส่วนเรื่องของเอ็มม่า เธอเป็นพนักงานเก่าของสำนักงานอยู่แล้ว เธอจะรู้แน่ว่าครั้งนี้มันแปลก นายแค่คอยเฝ้าดูตำแหน่งของจิตวิญญาณพวกนั้นให้ดีและเมื่อถึงเวลาที่นายต้องลงมือก็แค่ยิงไปให้แม่นเท่านั้นเอง!”
...
ครั้งนี้ผู้ที่ติดการแปดเปื้อนมีปัญหาจริงๆ!
ก่อนที่สมมติฐานของแพะดำจะถูกพิสูจน์ ในช่วงที่นอตระเบิดออกอย่างไม่มีเหตุผลและตู้เหล็กขนาดใหญ่กระแทกเข้ามา หญิงพันผ้าก็คิดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว
ตั้งแต่เดินจากห้องโถงขึ้นมาชั้นสี่ ทุกอย่างดูเหมือนไม่มีสิ่งผิดปกติ แต่กลับโดนโจมตีในช่วงที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ขณะที่กำลังช่วยน้องสาวของหลี่อังพอดี
ดังนั้น ผู้ที่ติดการแปดเปื้อนที่เสียการควบคุมคนนี้จะต้องรู้ถึงการมีอยู่ของสำนักงานทำความสะอาด เข้าใจว่าการโจมตีธรรมดาไม่มีผลต่อคนเหล่านี้ จึงตั้งใจเลือกช่วงเวลานี้ลงมือ
แต่ถึงจะรู้ถึงแผนการของฝ่ายตรงข้าม หญิงพันผ้าก็ไม่ได้ปล่อยมือหรือหลบเลี่ยงแต่อย่างใด แต่กลับยืนนิ่งในที่เดิมและรับแรงกระแทกเต็มๆ
แรงกระแทกนั้นทำให้กระดูกต้นขาเธอโค้งงอไปด้านหลังและกระดูกสันหลังถึงขั้นเสียรูป ร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงล้มลงบนขอบหน้าต่างที่เอียง
ตายแล้วหรือ?
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร พยาบาลสาวที่ติดอยู่ด้านนอกผนังซึ่งก่อนหน้านี้ยังอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ บัดนี้กลับเยือกเย็นและมองหญิงพันผ้าด้วยสายตาเย็นชา
ร่างกายกระดูกหักหลายจุด ดวงตาไร้โฟกัส หน้าอกถูกขอบหน้าต่างหินกระแทกจนบุ๋มลง ผ้าพันแผลที่พันทั้งตัวหลุดร่วงกระจัดกระจายน่าจะตายแน่แล้ว
พยาบาลสาวเคลื่อนไหวเหมือนจิ้งจกแปลกประหลาดสองสามครั้ง เลื้อยไปตามผนังด้านนอกก่อนจะกลับเข้ามาจากผนังด้านใน เธอเดินเข้ามาหาหญิงพันผ้าใช้มือขวาที่บาดเจ็บเต็มไปด้วยเลือด ถอดหน้ากากอีกายามค่ำคืนของเธอออกแล้วลองเช็คดูที่ลมหายใจ
ตายแน่แล้ว
พยาบาลสาวโยนหน้ากากอีกาที่เปื้อนเลือดทิ้งด้วยความรังเกียจ เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อสังเกตว่า แม้จะตายไปแล้ว แต่หญิงพันผ้ายังคงกำผ้าม่านไว้แน่นจนข้อนิ้วซีดขาว
"ฮึ... ด้วยความแข็งแรงของแก ถ้ากระโดดออกไปตรงๆก็คงไม่ตาย แต่อย่างนี้สิ ดันไม่หลบ...ความดื้อรั้นที่ไร้ประโยชน์"
พยาบาลสาวโผล่หัวออกไปมองด้านล่าง พบว่ามีหญิงพยาบาลอาวุโสกำลังรีบแก้ผ้าม่านอยู่ เธอจึงหยิบเศษกระจกขนาดใหญ่ออกมาจากขอบหน้าต่างและเหวี่ยงลงไปอย่างแรง
"เป็นแกนี่เอง!"
เสียงที่สงบนิ่งดังขึ้นจากข้างหลังพยาบาลสาว ขณะที่เศษกระจกกำลังจะถูกเหวี่ยงออก
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงจนแทบสิ้นหวัง ผ้าพันแผลจำนวนมากที่กระจัดกระจายบนพื้นกลับเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างฉับพลัน เหมือนงูเหลือมที่หาพบเป้าหมายและรัดข้อมือของพยาบาลสาวไว้แน่นก่อนจะบิดไปในทิศทางตรงข้ามกับข้อต่ออย่างแรง!
"กร๊อบ!"
"อ๊าก!!"
หญิงพันผ้ามองไปที่พยาบาลสาวที่ข้อต่อทั้งสี่ถูกบิดหลุดจนร่างเหมือนถูกมัดเป็นลูกบอล เธอส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น
"แกเองก็มีความคิดเหมือนกันนะที่วางกับดักล่อฉันแบบนี้ แต่ก็ยังหละหลวมไปหน่อย"
หญิงพันผ้ายันตู้เหล็กด้วยมือและผลักมันออกอย่างแรง จนตู้เหล็กที่มีน้ำหนักกว่า 150 กิโลกรัมลอยออกไป เธอค่อยๆยืนขึ้นช้าๆเริ่มจัดกระดูกตัวเองที่ผิดรูปจากการกระแทก
แม้แต่หน้าอกที่บุ๋มจากการกระแทกขอบหน้าต่างก็กลับมานูนขึ้นอีกครั้งจากลมหายใจ หากไม่มีเลือดที่เปื้อนบนผ้าพันแผลก็ดูเหมือนเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
"เฮ้ ที่พวกเขาเลือกที่จะหนีทางหน้าต่างมันก็เป็นเพราะแกล่อให้พวกเขาทำใช่ไหม? แผนนี้ก็พอใช้ได้อยู่หรอก แต่จุดอ่อนมันเยอะไปหน่อย"
หญิงพันผ้าก้มลงไปข้างพยาบาลสาวที่ถูกมัดเป็นลูกบอลดึงผ้าพันแผลออกจากปากเธออย่างสงบนิ่งแล้วถามว่า
"การที่แกเผยตัวง่ายแบบนี้ แกไม่น่าจะเป็นคนที่คิดวางกับดักนี้ได้เองหรอก ใครกันที่สอนแกมา?"
"ฮึ...ฮึฮึ!"
พยาบาลสาวที่ถูกจับจ้องมองหญิงพันผ้าด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
"แกนี่มันโง่จริงๆ! คิดว่าจับฉันได้แล้วเหรอ? ร่างนี้เป็นแค่หุ่นเชิดที่ฉันควบคุม แกจบเห่แล้ว!"
พูดจบพยาบาลสาวเปลี่ยนสีหน้าไปทันที เธอเริ่มสับสนว่าทำไมตัวเองถึงถูกมัดก่อนจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากข้อต่อและส่งเสียงร้องได้เพียงครึ่งก่อนจะหมดสติไป
จับผิดคนเหรอ?
หญิงพันผ้าขมวดคิ้ว กำลังจะทดลองว่าอีกฝ่ายแกล้งหมดสติหรือไม่ เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นมาจากด้านนอกห้องผู้ป่วยพิเศษ
"เชื่อหรือยัง?"
ชายอ้วนที่เคยจัดการเรื่องแอนนายืนอยู่ด้านนอกห้องผู้ป่วยพิเศษ เขาเย้ยหยันพร้อมพูดว่า
"คนในโรงพยาบาลนี้ทั้งหมดคือเครื่องมือของฉัน! ฉันสามารถควบคุมพวกมันได้ตามต้องการ! แกไม่มีทางจับฉันได้หรอก!"
เขาชี้ไปที่เท้าของเธอที่จมลงในพื้นและยิ้มเยาะพร้อมพูดว่า
"นอกจากนี้ความสามารถที่แท้จริงของฉันคือการกลืนกินคนป่วย! ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลนี้แล้วติดเชื้อ ก็ไม่มีทางรอดจากการถูกกลืนกิน!
ระวังตัวมาตลอดหกปีเต็ม สุดท้ายก็ยังพลาดจนได้?
หญิงพันผ้ามองดูชายอ้วนที่ยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้า ร่างท่อนล่างของเธอที่ถูกกลืนหายไปแล้วนั้น ทำให้เธอรู้สึกถึงขาที่ไม่สามารถขยับได้อีกก่อนจะถอนหายใจด้วยความเสียใจและหงุดหงิด
แม้เพียงแค่หนึ่งวินาที เธอก็สามารถฉีกชายคนนี้ออกเป็นชิ้นๆได้ แต่เรื่องกลับเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูด คนเหล่านี้ไม่ใช่ร่างจริงของเขา ทำแบบนั้นไปก็ไม่มีความหมายอะไร ครั้งนี้เธอพลาดจริงๆ
ทั้งที่ยังสามารถใช้ผ้าพันแผลขัดขวางได้ แต่เพื่อที่จะล่อให้เขาเผยตัวออกมา เธอเลือกที่จะพึ่งร่างกายที่ไม่สามารถตายได้ต่อสู้จนสุดตัว สุดท้ายกลับจับตัวปลอมแถมยังทำหน้ากากที่สามารถหยุดความสามารถของอีกฝ่ายหล่นหายไป เป็นการกระทำที่โง่จริงๆ
อืม...นอกจากนี้ การที่เลือกจะรับมือแบบนั้น นอกจากเพื่อจะล่อปลาแล้วเธอยังตั้งใจทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร เพื่อให้มือใหม่คนนั้นติดค้างบุญคุณกับเธอ จะได้ขอความช่วยเหลือจากเขาในอนาคต
แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเล่นใหญ่เกินไป สุดท้ายคงต้องให้เขาช่วยไปขอความช่วยเหลือแทนตัวเอง แล้วอีกสามวันต่อมาถ้าผู้อำนวยการรู้เข้า คงไม่วายหัวเราะเยาะเย้ยเธอ...
หญิงพันผ้าส่ายหัวด้วยความจนใจและอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอไม่อยากพูดอะไรมากนักจึงหลับตาลง เลือกที่จะปิดการสื่อสาร แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่สะใจ นอกจากชายอ้วนแล้ว เขายังเรียกหมอและพยาบาลอีกสองสามคนมาสมทบ ยืนหัวเราะเยาะอยู่นอกห้องผู้ป่วยด้วยถ้อยคำเสียดสี
"คิดว่าแกฉลาดมากหรือไง?โง่จริงๆ!"
"ที่นี่มีคนกว่า 500 คน ถ้าฉันกลืนกินพวกเขาทั้งหมด พลังของฉันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!"
"ฮ่าๆแกไม่อยากรู้หรือว่าใครกันที่ตั้งใจเล่นงานสำนักงานทำความสะอาดของพวกแก?"
"จะบอกให้ก็ได้! คนที่เตรียมจะจัดการพวกแกคือมหาเทพที่ยิ่งใหญ่!"
อืม?
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ขณะที่กำลังจะปิดหูรอฟังข่าวดีจากเพื่อนร่วมทีมในอีกสามวัน หญิงพันผ้ากลับลืมตาขึ้นพร้อมความยินดีที่คาดไม่ถึง
ไอ้บ้านี่มัน... โง่ยิ่งกว่าที่ฉันคาดไว้เสียอีก!
แค่พลั้งปากบอกถึงขอบเขตของความสามารถก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่ถึงกับเปิดเผยว่าตัวเองทำงานให้ใครออกมา? ถ้าเทพที่เลือกคนโง่คนนี้รู้เข้าคงอยากลงมาเชือดทิ้งกับมือเป็นแน่!
ชายอ้วนที่ไม่รู้ว่าความฉลาดของเขาอยู่ในระดับต่ำเตี้ยแค่ไหน ในสายตาของหญิงพันผ้ามองลงมาที่คู่ต่อสู้ซึ่งครึ่งตัวจมอยู่ในพื้นด้วยใบหน้าที่กระหยิ่มยิ้มย่อง เขายกแขนทั้งสองขึ้นสูง ทำท่าเหมือนโอบกอดดวงอาทิตย์ พร้อมประกาศด้วยดวงตาอันคลั่งไคล้
"ฟังให้ดี! นังผู้หญิงโง่! เทพของข้าเป็นผู้ที่ถือกำเนิดจากความยุ่งเหยิง..."
ในขณะที่หญิงพันผ้ากำลังตั้งใจฟังข้อมูลสำคัญอย่างสุดกำลัง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของหมอและพยาบาลทั้งสิบกว่าคนที่อยู่ด้านหน้ากลับแข็งทื่อไปพร้อมกัน ราวกับได้รับคำสั่งบางอย่าง ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกัน
ท่อนล่างที่ถูกฝังอยู่ในพื้นของหญิงพันผ้าก็ถูก "คาย" ออกมาอย่างประหลาด
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง เสียงระเบิดกระแทกอากาศที่แหลมคมก็ดังขึ้นจากหลังคาห้างฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลอย่างพอดิบพอดี
"ปัง!"
...
"เจ้าหนุ่ม ยิงได้แม่นดีนี่!"
แพะดำมองไปยังดวงวิญญาณที่มืดมนบนชั้นหกของโรงพยาบาลซึ่งดับวูบไปในทันที พลางแลบลิ้นด้วยความเสียดาย จากนั้นก็หัวเราะพร้อมชมด้วยความร่าเริงว่า
"ตั้งสามร้อยเมตรแล้วยังยิงโดนเป้าในนัดเดียวอีก นายอาจจะมีพรสวรรค์ด้านการยิงปืนก็ได้นะ!"
พรสวรรค์…นั่นคงไม่มีแน่ การที่กระสุนยิงโดนเป้าในครั้งนี้ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะหญิงพันผ้าช่วยปรับตำแหน่งให้ล่วงหน้า ลดความยากในการเล็งไปมาก ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นเพราะการเสริมจากตรา
หลี่อังส่ายหน้าเงียบๆเป็นเชิงบอกว่ามันเป็นเพียงโชคดี ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองช่องตราสัญลักษณ์ของตัวเอง ตราสัญลักษณ์สองอันที่ส่องแสงสีดำหม่นเพิ่งจะดับลงไป
การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ【พนักงานทดลองงาน】ประกอบกับการเพิ่มความแม่นยำของ【มือใหม่หัดยิง】ดูเหมือนจะให้ผลลัพธ์ที่มากกว่าแค่ผลรวมของสองอย่าง
ในช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไก ตราสัญลักษณ์ทั้งสองถูกกระตุ้นพร้อมกัน มือของเขาก็เหมือนมีแรงบันดาลใจ กดกระบอกปืนลงเล็กน้อย เงยปากกระบอกขึ้นประมาณสองมิลลิเมตร
และเพียงแค่การยกขึ้นเล็กน้อยนั้น กระสุนที่อาจจะทำได้แค่ทำให้เป้าหมายบาดเจ็บกลับยิงโดนเป้าในตำแหน่งที่เหมาะสมพอดีและสังหารได้ในนัดเดียว!
ส่วนทำไมถึงรู้ว่าใครคือเป้าหมาย...
"ผู้ที่ติดการแปดเปื้อนครั้งนี้ดูเหมือนจะหัวไม่ดีเท่าไร" แพะดำกล่าวพร้อมหัวเราะคิกคัก มองไปยังตำแหน่งที่วิญญาณชั่วร้ายสลายไปด้วยความเสียดาย
"หมอนี่อาจจะไม่รู้ว่าตอนที่ควบคุมผู้อื่น ความผันผวนของวิญญาณของผู้ที่ถูกควบคุมจะเปลี่ยนไปเหมือนเขาอย่างสิ้นเชิง ถ้าเขาควบคุมแค่ครั้งเดียวก็ยังพอว่า แต่การที่เขาไปควบคุมคนหลายคนแบบนี้ แถมยังให้พวกนั้นไปล้อมเอ็มม่าเกิดเป็นความผันผวนของวิญญาณที่เหมือนกันหมด ก็ยิ่งเด่นชัดเกินไป"
หลี่อังนึกถึงเหตุการณ์ชวนขำขันเมื่อครู่ แม้สีหน้าจะจริงจัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มบางๆพร้อมเสริมว่า
"พอหาความผันผวนของวิญญาณที่เหมือนกันได้ คนเดียวที่ไม่ได้ขึ้นไปชั้นสี่ก็ย่อมเป็นผู้ที่ติดการแปดเปื้อนตัวจริง…จริงสิ คุณเคยบอกว่าทางสำนักงานทำความสะอาดมีการให้คะแนนด้วยใช่ไหม?"
"ใช่! และยังมีผลตอบแทนพิเศษอีกด้วยนะ" แพะดำพยักหน้ารัวๆเมื่อได้ยินคำถาม มันดูตื่นเต้นมาก ถ้าไม่ติดว่ามีแค่หัวคงจะชูนิ้วโป้งให้หลี่อังแล้ว
"นายเพิ่งเข้าทำงานได้สามชั่วโมงในการชี้แนะของฉัน นายก็สามารถค้นหาและกำจัดผู้ที่ติดการแปดเปื้อนได้สำเร็จ แถมยังช่วยเหลือพนักงานที่ติดอยู่ได้อีก รางวัลต้องเยอะมากแน่ๆ! และอีกอย่าง ฮ่า ๆ! ฉันช่วยงานพวกนายได้ดีขนาดนี้ ทำสะอาดเรียบร้อยดี งานนี้ถึงแม้ยัยผมแดงนั่นจะเกลียดฉันยังไงก็ต้องยอมปรับท่าทีต่อฉันบ้างแล้วล่ะ!"
(จบบท)