บทที่ 8 รายงานเหตุฉุกเฉิน
หลี่อังที่พุ่งออกจากห้องพยาบาลเป็นครั้งที่สองในวันเดียว ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาหลีกเลี่ยงพื้นที่ต้อนรับคนไข้ที่เต็มไปด้วยผู้คนและกระโดดออกทางหน้าต่างชั้นสองของโรงพยาบาล ก่อนจะวิ่งตรงไปยังสำนักงานทำความสะอาดด้วยความเร็วสูง
ในเมื่อพาแอนนาออกไปไม่ได้ ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือรีบไปแจ้งที่สำนักงานทำความสะอาด และพาคนที่สามารถจัดการกับ “ผู้ปนเปื้อนที่ควบคุมไม่ได้” มาที่นี่ให้ได้!
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความเครียดที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้าลงหรือเพราะ “การแจ้งเหตุฉุกเฉิน” ถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ทำให้เขาได้รับโบนัสจากเข็มกลัด “พนักงานทดลองงาน” หรือไม่
ทั้งที่เมื่อคืนเขาไม่ได้หลับเลยและร่างกายอ่อนล้ามาก แต่ความเร็วของเขากลับเร็วกว่าครั้งก่อนอย่างมาก ไม่นานก็วิ่งมาถึงหน้าอาคารสำนักงานทำความสะอาด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากลั้นความเจ็บปวดที่หน้าอกเข้าไปในสำนักงานและมุ่งหน้าสู่ห้องทำงานที่ลึกที่สุดด้วยความทุลักทุเล ภายในกลับเป็นเพียงห้องที่ว่างเปล่า
คนไปไหนหมด? ทำไมไม่มีใครเลย?
หลี่อังมองออกไปนอกหน้าต่างและพบว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว เขาเพิ่งตระหนักได้ว่านี่มันเลยเวลาเลิกงานของเจ้าหน้าที่ไปแล้ว หญิงผมแดงผู้ลึกลับคนนั้นก็คงกลับไปแล้วเช่นกัน
แย่ล่ะสิ…หรือจะลองเดินดูในอาคารก่อน เผื่อจะมีใครอยู่เวร?
หลี่อังกัดฟันและกำลังจะออกจากห้องทำงานของหญิงผมแดง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “ตุบ” ดังขึ้นข้างหลังเหมือนมีของหนักหล่นลงบนพรม
เขาหันกลับไปด้วยความตกใจและพบว่าหัวแพะที่ตั้งอยู่บนโต๊ะได้หล่นลงมา แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องเล็กๆนี้และเตรียมตัวจะออกไป แต่แล้วหัวแพะที่ควรจะนิ่งอยู่กับพื้นกลับขยับได้และหันหน้ามาจ้องเขา
ในสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจของหลี่อัง หัวแพะที่ปากถูกเย็บด้วยด้ายสีแดงกลอกตาไปมา ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“แกมองอะไรอยู่?!”
เสียงอันเกรี้ยวกราดดังขึ้นในหูของหลี่อังทำลายบรรยากาศที่น่าขนลุกไปหมดสิ้น
หัวแพะกลิ้งไปมาบนพรมหลายครั้งเพื่อพยายามกลับตัว แต่เมื่อทำไม่ได้ มันจึงหันไปจ้องหลี่อังด้วยความไม่พอใจและพูดเสียงดัง
“จะยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบมาช่วยฉันสิ! ตอนที่ฉันยังเป็นปีศาจใหญ่ คนแบบแกคงถูกฉันตบตายไปแล้ว!”
ปีศาจใหญ่…แพะดำตัวนั้น? นี่เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าทำไมถึงเหลือแค่หัวแล้วล่ะ?
“คุณ…เอ่อ สวัสดีครับ!”
เมื่อจำได้ว่านี่คือแพะดำตัวเดียวกันกับก่อนหน้า หลี่อังที่เป็นกังวลเรื่องแอนนาก็สูดลมหายใจลึก และถามออกไปทันที
“ผมเพิ่งเจอผู้ปนเปื้อนที่ควบคุมไม่ได้ในโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไปสามถนน ตอนนี้ยังมีคนอยู่เวรในสำนักงานไหม?”
จะเหลืออะไรล่ะ! ถ้ายังมีคนอยู่ คิดว่าจะบุกเข้ามาได้ง่ายๆ แบบนี้เหรอ? พวกบ้าพลังพวกนั้นคงจัดการผู้ปนเปื้อนไปแล้ว!
ขณะที่แพะดำเตรียมจะด่าเพิ่ม หลี่อังที่รู้วิธีต่อรองรีบพูดแทรก
“ช่วยหาคนให้หน่อย! ถ้าคุณช่วย ผมจะซื้อบุหรี่ยี่ห้อ ‘โกธ’ ให้ หนึ่งซอง! ไม่สิ! สองซอง!”
“…”
สองซองเหรอ…หืม…ในฐานะปีศาจที่มีเมตตา ฉันมองไม่เห็นความทุกข์ยากของมนุษย์และช่วยนายไม่ได้เลยจริงไหม?
“เฮ้อ…”
ในขณะที่หลี่อังมองด้วยความลุ้นระทึก แพะดำถอนหายใจแล้วส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย
“เรื่องข้อตกลงปล่อยไปเถอะ ฉันเป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงเรื่องความซื่อสัตย์ ถ้าฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันจะไม่เอาประโยชน์ของใคร ตอนนี้ในสำนักงานไม่มีใครแล้ว ฉันอยากช่วยนาย แต่ก็ช่วยไม่ได้”
ไม่มีใครแล้ว?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่อังก็ตื่นตระหนกและถามกลับทันที
“ตึกใหญ่ขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีคนอยู่เวรเลยสักคน?”
“เพราะยัยผมแดงคนนั้นน่ะสิ!”
แพะดำตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ก็เพราะเธอทำงานลวกๆทุกครั้ง การประเมินผลภารกิจก็เลยไม่ดีและเพื่อให้ผ่านการตรวจสอบปลายปี เธอเลยส่งทุกคนออกไปทำภารกิจเพิ่มตั้งแต่เดือนก่อน ทำให้สำนักงานตอนนี้เงียบเหงาจนหนูวิ่งเล่นได้สบาย…เจ้าหนุ่ม บอกไว้ก่อนนะ อย่าโดนหน้าตาของเธอล่อลวงเข้า! ถึงเธอจะสวยจนไม่แพ้ปีศาจบริสุทธิ์ แต่เธอเป็นพวกขี้เมา ขี้งก ขี้ใจน้อยและยังไม่รักษาความสะอาด ฉันเคยเห็นเธอแอบเกาหัวแม่เท้าในห้องทำงานด้วย! ยัยคนนี้แท้จริงแล้ว…เฮ้?!”
เมื่อแพะดำที่กำลังบ่นคำหยาบอยู่นั้นดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มันพยายามหันหัวไปมองทางทิศตะวันออก ก่อนจะยิ้มเหี้ยมที่ริมฝีปากที่ถูกเย็บปิดไว้ พลางหันมาพูดกับหลี่อัง
“ถือว่าโชคดี! เพิ่งเข้ามาในงานก็มีโอกาสได้ผลงานแล้ว…เร็วเข้า! อุ้มฉันขึ้นมา มีคนที่สามารถจัดการเรื่องนี้กลับมาแล้ว ฉันจะพานายไปหาเธอเดี๋ยวนี้!
อีกอย่าง จำสัญญาที่ให้ไว้เรื่องบุหรี่ด้วย! สองซองนะ ถ้าขาดแม้แต่หนึ่งมวน ฉันจะเล่นนายแน่!”
ถ้าคุณช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ใช่แค่สองซอง สองลังผมก็ยอม!
...
เมื่อได้ยินว่ามีทางแก้ปัญหา หลี่อังรู้สึกดีใจอย่างมาก เขารีบก้มลงเก็บหัวแพะขึ้นมาแล้ววิ่งออกจากสำนักงานทำความสะอาดทันที โดยทำตามคำชี้แนะของแพะดำมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกและในที่สุดก็พบกับผู้หญิงร่างสูงที่พันผ้าพันแผลเต็มตัวอยู่ตรงหัวมุมถนน
“คุณคือ…อืม…สำนักงานรับคนใหม่แล้วสินะ”
หลังจากจ้องมองหัวแพะในอ้อมแขนของหลี่อังอยู่สักพัก ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลก็เหมือนได้รับข้อมูลบางอย่างจากมัน เธอส่งยิ้มให้หลี่อังและยื่นมือขวาออกมาอย่างเป็นกันเองพร้อมพูดว่า
“ฉันชื่อเอ็มม่า ฉันทำงานในสำนักงานทำความสะอาดมา 6 ปีแล้ว ถือว่าค่อนข้างคุ้นเคยกับงานในสำนักงาน ถ้านายต้องการความช่วยเหลืออะไรเกี่ยวกับงานก็บอกมาได้เลย”
“ด…ดีครับ…”
ตอนแรกที่ได้เจอผู้หญิงพันแผลเต็มตัวคนนี้ หลี่อังคิดว่าเธอน่าจะเป็นอีกหนึ่งคนประหลาดเหมือนกับแพะดำ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเปิดตัวด้วยท่าทีที่ดูเหมือน “คนปกติ” จนเขาเกือบตามไม่ทัน
แต่…ดูเหมือนเธอจะพูดคุยง่ายนะ?
เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่โรงพยาบาล หลี่อังรีบเก็บความอึดอัดใจไว้และจับมือเธอแบบลวกๆก่อนจะพูดอย่างเร่งรีบว่า
“ที่โรงพยาบาล…”
“ฉันจะไปดู แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
หญิงพันแผลยิ้มอ่อนโยนและพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบว่า
“ตามขั้นตอนปฏิบัติ 4 ขั้นของสำนักงานทำความสะอาด เราต้องเริ่มจากการสังเกตและระบุประเภทของความผิดปกติและระดับอันตรายของผู้ปนเปื้อนก่อน
จากนั้นเราต้องประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความสามารถของผู้ปนเปื้อน รวมถึงผลกระทบต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ถัดมาคือการเตรียมเครื่องมือเฉพาะทางหรือสิ่งของพิเศษเพื่อจัดการกับสถานการณ์และตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเอง รวมถึงวางแผนปฏิบัติการอย่างละเอียด
สุดท้ายคือการดำเนินการเพื่อควบคุมหรือกำจัดเป้าหมายโดยให้มีการสูญเสียน้อยที่สุดและผลกระทบต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เมื่อเห็นหลี่อังที่ดูงุนงงเล็กน้อย เอ็มม่าก็ส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรและพูดเสริมว่า
“ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว การมองเห็นของเราจะถูกจำกัดในตอนกลางคืนและส่วนใหญ่สิ่งผิดปกติจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้นเมื่อไม่มีแสงอาทิตย์ มันไม่ใช่เวลาที่ดีในการปฏิบัติการ
อีกอย่าง ฉันเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจที่ใช้เวลาสองเดือนครึ่ง สภาพร่างกายของฉันถึงขีดจำกัดแล้ว ฉันต้องพักฟื้นอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้มีสมาธิและพร้อมสำหรับงานใหม่
ดังนั้นตอนนี้ทางออกที่ดีที่สุดคือ เรากลับไปที่สำนักงานทำความสะอาดก่อน แล้วรอให้หัวหน้ากลับมาทำงานพรุ่งนี้ เธอจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“เธอกลับมาไม่ทันแน่!”
แพะดำในอ้อมแขนของหลี่อังขยับและพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“หัวหน้าเธอออกไปที่แคว้นเวลส์และจะไม่กลับมาในอีกสามวัน! หรือเธอจะรอจนกว่าจะถึงตอนนั้น?”
“งั้นก็รอจนเธอกลับมาเถอะ”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่อังเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดนั้น เอ็มม่าก็ส่งยิ้มอ่อนโยนที่แฝงความรู้สึกผิดเล็กน้อยและพูดว่า
“ดูจากสีหน้าของนาย…นายคงมีญาติที่โรงพยาบาลใช่ไหม? ขอโทษนะ แต่ฉันมีเหตุผลที่ทำให้ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถ้าฉันยังไม่แน่ใจในความปลอดภัย ฉันจะไม่เสี่ยงไปปฏิบัติการ ดังนั้น…นายช่วยรออีกสามวันเถอะ!”
(จบบท)