ตอนที่แล้วตอนที่ 75 เชือดนิ่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 77 มูลค่าของชุดกระบี่เพลิงอัสนี

ตอนที่ 76 ค่ายกลกระบี่พงไพร(ฟรี)


“หงอคง ในที่สุดก็มีอาหารให้เจ้ากินได้ตามอำเภอใจเสียที” ลู่เฉินสะบัดธงแสนวิญญาณในมือ หงอคงคำรามด้วยความดีใจสองสามครั้ง เมื่อครู่นี้มันก็กินจนอิ่มหนำสำราญใจ

จากนั้นลู่เฉินก็เดินกลับเข้ากระท่อม ส่วนหงอคงตัวใหญ่เกินกว่าจะเข้าข้างในได้อีกต่อไป

ทันทีที่เข้าห้องไป ลู่เฉินก็เรียกระบบขึ้นตรวจสอบ

[เดือนพฤษภาคม ปีที่สองแห่งรัชศกหง คุณชายแห่งหมางซาน โหวหยาง มาท้าประลองกับท่านเนื่องจากท่านขัดขวางการรวบรวมวิญญาณและการหลอมธงวิญญาณของเขา เขาถูกท่านสังหาร ระบบจะมอบหัวข้อรางวัลให้ท่านสามอย่าง โปรดเลือกหนึ่งอย่าง

ชุดกระบี่วิเศษหกสิบสี่เล่ม “กระบี่เพลิงอัสนี”

“เคล็ดวิชาหลอมธงล้านวิญญาณ”

ประสบการณ์บ่มเพาะ 50 ปี]

“กระบี่วิเศษหกสิบสี่เล่มอย่างนั้นหรือ?” ลู่เฉินตัดสินใจโดยไม่ลังเล “ข้าเลือกข้อหนึ่ง กระบี่เพลิงอัสนี”

ฉับพลัน กระบี่วิเศษจำนวนมากก็ตกลงมาจากฟากฟ้า กระบี่บินระดับอาวุธเต๋าแต่ละเล่มล้วนมีขนาดเล็กกว่ามีดสั้น แต่พื้นผิวของมันกลับส่องประกายและมีสายฟ้าเคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ เพียงแค่มองดูก็ชวนรู้สึกผ่อนคลาย

“ช่างเป็นกระบี่ที่ดีจริง ๆ!” ลู่เฉินหยิบกระบี่เล่มหนึ่งขึ้นมาชื่นชม ในตอนนั้นเองจ้าวเหลยก็เดินเข้ามาในกระท่อม

“ท่านอาจารย์…” เมื่อเห็นกระบี่ที่วางอยู่บนโต๊ะมากมาย ดวงตาของจ้าวเหลยก็เป็นประกาย “มีเยอะแยะเลย ท่านให้ข้าสักเล่มได้หรือไม่?”

“ถึงข้าจะให้เจ้าไป เจ้าก็ใช้มันไม่ได้อยู่ดี” ลู่เฉินกล่าวอย่างไม่ปราณี“ตั้งใจฝึกฝนต่อไป เมื่อใดที่เจ้าบรรลุการบ่มเพาะ ข้าจะมอบกระบี่ปีศาจของปรมาจารย์เส้าหยวนให้”

“ขอรับ” จ้าวเหลยตอบรับด้วยความขุ่นเคือง เขานำสมบัติที่ยึดมาได้วางลงบนโต๊ะของลู่เฉิน

“เอาล่ะ กลับไปทำงานของเจ้าเถอะ”

หลังจากไล่จ้าวเหลยออกไป ลู่เฉินก็เริ่มตรวจสอบสมบัติที่ได้มา

อย่างแรกก็คือกระบี่บินของโหวหยาง นี่เป็นกระบี่บินชั้นยอดระดับจิตวิญญาณ ดูไม่ธรรมดาและอาจเทียบเท่ากับกระบี่ปลามังกรของเขาได้

สิ่งที่ลู่เฉินสนใจคือไม้บรรทัดฉุนหยาง สิ่งนี้ก็เป็นอาวุธวิเศษชั้นยอดเช่นกัน สาเหตุที่หาได้ยากเพราะมันสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วน สองส่วนเป็นสี่ส่วน และมากที่สุดคือสิบหกส่วน

ลู่เฉินลบพลังวิญญาณดั้งเดิมออกก่อนใส่พลังวิญญาณของตนลงแทนที่ จากนั้นก็ควบคุมมันด้วยความคิด

“ลอยขึ้น!” ไม้บรรทัดฉุนหยางลอยขึ้น หมุนวนอยู่เหนือหัวของลู่เฉิน

ลู่เฉินเดินออกจากกระท่อม ไม้บรรทัดฉุนหยางก็ลอยตามออกมา เมื่อออกไปข้างนอกแล้ว ลู่เฉินก็ร่ายคาถา “แยก!”

ตามคาด ไม้บรรทัดฉุนหยางแยกออกเป็นสองส่วน สองส่วนเป็นสี่ส่วน สี่ส่วนเป็นแปดส่วน และในที่สุดก็กลายเป็นสิบหกส่วน ลู่เฉินดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาชี้นิ้วไปที่หินขนาดใหญ่ในระยะไกลและตะโกน “โจมตี!”

ไม้บรรทัดฉุนหยางทั้งสิบหกกลายเป็นลำแสงสีดำโจมตีหินทีละเล่ม ปัง ๆ ๆ ไม่นานนักหินขนาดใหญ่ก็กลายเป็นผุยผง

“ฮ่า ๆ นี่มันของดี!”

เมื่อลู่เฉินเรียกมันกลับคืนมา เขาก็พบปัญหาบางอย่าง ไม้บรรทัดฉุนหยางเหล่านี้สามารถใช้ได้ดีสำหรับการโจมตีแบบง่าย ๆ แต่ถ้าสั่งการพวกมันให้เคลื่อนไหวซับซ้อน มันจะชนกันมั่วไปหมด ควบคุมได้ยาก

“ดูเหมือนว่าข้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก”

ลู่เฉินเก็บไม้บรรทัดฉุนหยางเข้าถุงเก็บของ จากนั้นก็กลับไปเข้ากระท่อมและตรวจสอบสมบัติของโหวหยางต่อ

ในฐานะคุณชายแห่งหมางซาน โหวหยางนั้นร่ำรวยมาก เขาไม่เพียงแต่จะมีถึงสามสมบัติล้ำค่า ได้แก่ ธงแสนวิญญาณ กระบี่วิญญาณ และไม้บรรทัดฉุนหยาง แต่ของในถุงเก็บของก็มีมากมายไม่แพ้กัน

“ค่ายกลฝึกฝน” ลู่เฉินยิ้มดีใจ ค่ายกลเป็นสิ่งที่เขากำลังขาดแคลน

“ยารักษา ยาถอนพิษ ยาบำรุงพลังปราณ และยาก่อตั้งรากฐานสองเม็ด!” ลู่เฉินเบิกตากว้าง

ยาก่อตั้งรากฐานถือว่าเป็นของล้ำค่า

จำได้ว่าเซียนเหมิงเป็นศิษย์ของสำนักไห่เหรินมาหลายสิบปี ก็เพิ่งจะได้รับยาก่อตั้งรากฐานเป็นรางวัลจากสำนัก

ลู่เฉินนำสิ่งเหล่านี้เก็บเข้าถุง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องใช้มัน แต่ก็สามารถมอบให้ศิษย์หรือสหายในอนาคตได้ หรือไม่ก็นำไปขายเอาเงินก็ยังได้เช่นกัน

จากนั้นก็มาถึงหินวิญญาณของโหวหยาง ลู่เฉินรับทรัพย์ใหญ่ได้อีกครั้ง นอกจากหินปราณทั่วไปห้าร้อยก้อนแล้ว โหวหยางยังมีหินปราณขนาดใหญ่อีกสองก้อน

“นี่คือหินปราณระดับกลางหรือ?” ลู่เฉินมองดูหินปราณที่ใสสะอาดและสัมผัสได้ถึงพลังปราณอันบริสุทธิ์และแข็งแกร่ง

หินปราณระดับกลางหนึ่งก้อนมีค่าเท่ากับหินปราณทั่วไปหนึ่งพันก้อน อีกทั้งยังหายากอย่างมาก ผู้บ่มเพาะเซียนทั่วไปยากที่จะได้ครอบครอง

“ดี ดีมาก! ขอให้มียอดฝีมือเช่นโหวหยางมาท้าประลองข้าเยอะ ๆ ยิ่งดี!” ลู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยท่ามกลางความดีใจ

เขารู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองเก็บตัวเงียบเกินไป ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะมีคนแบบโหวหยางที่กล้ามาท้าประลอง หากมีคนมาท้าประลองกับเขาทุกวันและระบบมอบรางวัลให้ เขาคงร่ำรวยเป็นแน่

ลู่เฉินค้นหาสมบัติต่อไป

ในถุงเก็บของของโหวหยางยังมีตำราและเคล็ดวิชาอีกหลายเล่ม บางเล่มบันทึกอยู่ในหนังสือ บางเล่มบันทึกอยู่ในแผ่นหยก ลู่เฉินหยิบแผ่นหยกขึ้นตรวจดูทีละแผ่น…

“เคล็ดวิชาดินขั้นพื้นฐาน”เคล็ดวิชาพิภพแกร่ง“เคล็ดวิชาหลอมธงวิญญาณ เคล็ดวิชาควบคุมค่ายกลกระบี่”ค่ายกลกระบี่พงไพร“…นี่มันของดี!” ลู่เฉินดีใจมาก

เขาเพิ่งจะได้ค่ายกลกระบี่มา และตอนนี้กลับได้เคล็ดวิชาควบคุมค่ายกลกระบี่มาอีก เขาตั้งใจศึกษาและรู้สึกได้ว่าสามารถเข้าใจมันอย่างถ่องแท้

“ไม่แปลกใจเลยที่ตอนข้าเรียกไม้บรรทัดฉุนหยางกลับมา มันถึงได้ชนกันมั่วไปหมด นั่นก็เพราะข้าไม่มีเคล็ดวิชาควบคุมค่ายกลกระบี่อย่างเป็นระเบียบแบบแผนนี่เอง!”

จากนั้นลู่เฉินก็นำของที่ไม่ได้ใช้ใส่เข้าไปในลิ้นชักและเริ่มฝึกฝน “ค่ายกลกระบี่พงไพร”

เคล็ดวิชานี้ต้องฝึกจากน้อยไปมาก

ลู่เฉินเริ่มฝึกโดยใช้กระบี่เพลิงอัสนีสี่เล่มก่อน

เมื่อเขาเริ่มชำนาญ จึงเพิ่มเป็นแปดเล่ม

...

ในขณะที่ลู่เฉินกำลังฝึกฝนอย่างขะมักเขม้นอยู่นั้น ที่เนินเขาหยินเฟิง ภูเขาหมาง ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้

หมางซานไม่ใช่สำนักบ่มเพาะ แต่เป็นสถานที่ชุมนุมขนาดใหญ่ของผู้บ่มเพาะเซียนไร้สังกัด เมื่อกาลเวลาไหลผ่าน ผู้บ่มเพาะเซียนไร้สังกัดเหล่านี้ก็ได้ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา

ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อกลุ่ม แต่คนอื่น ๆ มักจะเรียกพวกเขาว่า “ผู้บ่มเพาะเซียนหมางซาน”

ผู้บ่มเพาะเซียนหมางซานนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ฝบ่มเพาะไร้สังกัดทั่วไปอย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขามีการรวมกลุ่ม หากมีใครตายก็จะมีคนมาแก้แค้นให้ ดังนั้นจึงมีผู้บ่มเพาะเซียนทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมจำนวนมากเข้าร่วม

ผู้นำของหมางซานในปัจจุบันก็คือโหวฟางหยู เซียนระดับแก่นทองคำที่มีอายุถึงสามร้อยปี

โหวฟางหยูเป็นบัณฑิตมาก่อน แต่ไม่ได้รับราชการ จึงเศร้าหมองและออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเพื่อแสวงหาหนทางแห่งเซียน และแล้วสวรรค์ก็ประทานโอกาสให้ เขาได้รับเคล็ดบ่มเพาะพลังมา

เมื่ออายุสี่สิบปี เขาก็พบว่าตนเองมีคุณสมบัติในการบ่มเพาะเซียน อีกทั้งยังเป็นคุณสมบัติที่ดีมาก เขาจึงใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีเข้าไปบ่มเพาะในหุบเขาเพียงลำพัง เมื่ออายุแปดสิบปีก็สามารถทะลวงสู่ระดับก่อตั้งรากฐานได้สำเร็จ

เขาได้เข้าร่วมสำนักหนึ่ง แต่กลับรู้สึกว่าสำนักนั้นมองเขาเป็นคนนอก เขาจึงออกจากสำนักและมาตั้งรกรากอยู่ที่เขาหมางแห่งนี้

ที่นี่เขาได้พบกับสหายเต๋าที่รู้ใจและให้กำเนิดโหวหยาง

อีกร้อยปีต่อมา ในที่สุดเขาก็ทะลวงสู่ระดับแก่นทองคำและกลายเป็นผู้นำแห่งหมางซานด้วยความสามารถของตนเอง

เขาสามารถทะลวงระดับได้สำเร็จ แต่สหายเต๋าของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น นางหลงใหลในการบ่มเพาะจนเสียสติและฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า เพื่อรักษาเกียรติยศของหมางซานเอาไว้ เขาจึงจำเป็นต้องฆ่านาง

หลังจากสังหารสหายเต๋าผู้นั้นไป โหวฟางหยูก็ทุ่มเททุกอย่างให้กับโหวหยาง ถึงแม้ว่าโหวหยางจะไม่มีพรสวรรค์มากนัก แต่ด้วยการสนับสนุนจากยาและสมบัติล้ำค่ามากมาย ทำให้โหวหยางสามารถทะลวงสู่ระดับก่อตั้งรากฐานได้สำเร็จและพัฒนาตนเองขึ้นไปเรื่อย ๆ

โหวฟางหยูทุ่มเททุกอย่างให้กับลูกชายของตน เขาถึงกับหลอมหยกสืบทอดตระกูลและให้ลูกชายสวมใส่ไว้ที่หน้าอก

หากถูกโจมตีจากผู้แข็งแกร่ง หยกสืบทอดตระกูลนี้จะปลดปล่อยพลังออกมาก่อตัวเป็นแสงป้องกัน และต้านทานการโจมตีได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ

แต่ครั้งนี้ หยกสืบทอดตระกูลกลับแตกสลาย!

โหวฟางหยูสัมผัสถึงมันได้ทันที “หยกสืบทอดตระกูลแตกสลาย! หยางเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตราย!”

แต่เขาไม่รู้ว่าโหวหยางไปที่ใด

เขาจึงรีบส่งยันต์สื่อสารออกไปทันที “ผู้บ่มเพาะเซียนทุกท่านแห่งหมางซาน จงรีบออกตามหาหยางเอ๋อร์ให้ข้า หากพบเจอตัวเป็น ๆ จะได้รับยาก่อตั้งรากฐานเป็นรางวัล! หากพบเจอแต่ศพ จะได้รับอาวุธวิเศษระดับสูงหนึ่งชิ้น!”

ในพริบตาเดียว ผู้บ่มเพาะเซียนทุกคนในเขาหมางก็ได้รับแจ้งข่าว ค่ำมืดคืนนี้ แสงกระบี่มากมายต่างพุ่งทะยานไปบนท้องฟ้า ทุกคนต่างต้องการตามหาโหวหยางและรับรางวัล

4.7 3 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด